เมื่อพูดถึงเกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดชื่อดัง หลายคนต้องคิดถึงเกมซีรีส์ ‘Resident Evil’ เป็นเกมแรก ๆ ด้วยความสนุกบวกกับเนื้อหาและตัวละครที่ถูกสร้างออกมาอย่างลงตัว จึงทำให้หลายคนหลงรักเกมซีรีส์นี้ ยิ่งในภาคแรก ๆ อย่าง ‘Resident Evil 2’ ในอดีตเมื่อปี 1998 ตัวเกมที่ออกมานั้นเรียกว่าสุดยอดทั้งในแง่ของเนื้อเรื่อง ที่สานต่อเรื่องราวจากเกมภาคแรกได้อย่างลงตัว รวมถึงระบบการเล่นที่เรียกว่า ‘Zapping’ ที่การกระทำของตัวละคร A ที่ทำไว้จะส่งผลกับตัวละครในเนื้อเรื่อง B ที่เชื่อมต่อกันไปมา จนทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงเชื่อมโยงกันไปมาของเนื้อหา จนเราต้องเล่นเกมนี้ถึง 4 รอบเพื่อเก็บเนื้อหาทั้งหมดที่ต่างกัน ซึ่งน่าเสียดายที่ระบบนี้ถูกตัดไปใน ‘Resident Evil 2 Remake’ และเพื่อเป็นการรำลึกถึง ‘Resident Evil 2’ ฉบับเก่า ทางทีมงานเลยไปนำเกมภาคนี้มาดัดแปลงเป็นนิยายให้อ่าน โดยในเนื้อหาจะใช้เรื่องราวของ ‘Resident Evil 2’ ฉบับเก่ามาเล่าแบบเนื้อเรื่องทั้ง A และ B คู่กันไปเลย เพื่อให้แฟนเกมเก่าและใหม่ได้รู้ถึงความดีงามของระบบ ‘Zapping’ ว่าดีงามขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วก็มาหนีตายในโรงพักมรณะพร้อมกันเลย
‘Raccoon City’ 1998 ค่ำคืนอันมืดมิดบนถนนหลวงสายหลักที่ตรงทางเข้าเมืองนั้นช่างเงียบสงัด มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องเบา ๆ สองข้างทางในเมืองนี้ไร้ผู้คนเหมือนเมืองร้าง เหลือเพียงแสงไฟตามข้างถนน ที่ตอนนี้มีมอเตอร์ไซค์และรถอีกคันที่เพิ่งขับผ่านเข้าไปในเมืองเท่านั้น แต่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งกลับไม่ใช่แบบนั้น จู่ ๆ ก็มีร่างชายคนหนึ่งที่เหมือนศพถูกผลักออกมาจากร้านอาหารจนกระจกแตก ชายคนนั้นดูเหมือนคนตายมากกว่าจะเป็นมนุษย์
“บ้า นี่มันอะไรกัน” ชายขับรถบรรทุกน้ำมันบ่นอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเขาถูกชายที่เหมือนศพกัดที่แขนเมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร ก่อนที่เขาจะหนีตายขึ้นมาบนรถเพื่อขับหนีเข้าไปในเมือง
ย้อนกลับมาที่รถคันที่เพิ่งขับผ่านปั๊มน้ำมันก่อนหน้านี้ไปเมื่อไม่กี่นาที ชายหนุ่มในชุดตำรวจ R.P.D สีน้ำเงินกำลังขับรถตรงเข้ามาในเมืองอันเงียบสงบ
“นั่นอะไร” นายตำรวจหนุ่มอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นอะไรบางอย่างนอนอยู่บนถนน เมื่อลงมาดูเขาก็พบฝูงอีกาที่กำลังรุมกินซากอะไรบางอย่างกลางถนน ด้วยความสงสัยชายหนุ่มในชุดตำรวจจึงลงไปตรวจสอบ ก่อนจะพบว่าร่างนั้นคือศพของคนที่ตายอยู่กลางถนน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีศพมานอนตายอยู่ตรงนี้” นายตำรวจหนุ่มอุทานออกมาด้วยความสงสัยระหว่างตรวจสอบศพ เพราะมันไม่ใช่เรื่องปกติแล้วที่เราจะได้เห็นศพคนนอนตายกลางถนนในเมืองแบบนี้ และไม่ทันที่เขาจะหายสงสัยก็มีเสียงฝีเท้าของคนหลายคนเดินมาที่ด้านหลังของเขา คนเหล่านั้นตาขาวโพลนไม่มีตาดำสภาพเปื้อนเลือดมีบาดแผลตามตัวเหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์สยองขวัญก็ไม่ปาน “หยุดอย่าขยับ” นายตำรวจเล็งปืนสั่งกลุ่มคนเหล่านั้นแต่เหมือนพวกเขาจะไม่สนใจคำขู่เลย และที่ตอกย้ำความสยองมากขึ้นไปอีกคือร่างของศพหญิงสาวที่นอนตายบนพื้นก็ขับได้ จนชายหนุ่มตัดสินใจยิงปืนใส่ร่างเหล่านั้นรวมถึงร่างของศพหญิงสาวบนพื้นแต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่เป็นอะไรเลย
ย้อนเวลากลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์อีกคันที่ขับเข้ามาในเมืองผ่านปั๊มน้ำมัน หลังจากรถของนายตำรวจหนุ่มไม่กี่นาที หญิงสาวในชุดสีแดงผู้ผมหางม้าสีน้ำตาลก็ลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์คันเก่ง เพื่อแวะมาทางอาหารหลังจากเดินทางมาอย่างยาวนานจนมาถึงเมือง
“สวัสดี มีใครอยู่ไหม” หญิงสาวทักทายตามมารยาทเมื่อเข้ามาในร้านอาหารที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ภายในนี้กลับเงียบสนิทไม่มีใครอยู่เลย ไม่ซิต้องพูดว่าตั้งแต่ที่เธอขี่รถเข้ามาก็ยังไม่เจอใครเลย ทั้งที่เมือง ‘Raccoon City’ คือเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 100,000 คน แต่ทำไมมันถึงเงียบอย่างกับป่าช้าได้ขนาดนี้
หญิงสาวเดินสำรวจในร้านด้วยความแปลกใจ ตอนนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างในร้านด้านใน จนเมื่อเดินไปถึงก็เห็นเจ้าของร้านอาหารกำลังนั่งกินศพของลูกค้าอยู่
“เอ่อ ฉันขอโทษจริง ๆ ที่มาขัดจังหวะคุณ เชิญตามสบายเลยนะ” นี่ฉันพูดอะไรออกไปหญิงสาวที่มีท่าทางตกใจบ่นกับตัวเอง ที่เห็นชายท่าทางน่ากลัวกำลังกินศพมนุษย์ และชายคนนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่เธอ จนหญิงสาวถอยหลังออกห่างจากชายคนนั้น “เชิญคุณกินต่อไปได้เลยฉันไม่กวนแล้ว เอ่อ อย่าเดินมาได้ไหม” หญิงสาวถอยหลังมาที่ประตูทางออกแต่ก็พบร่างคนที่เหมือนศพรออยู่ที่หน้าประตู
เมื่อไร้ทางหนีหญิงสาวที่ลนลานจึงรีบวิ่งไปที่ประตูทางออกหลังร้าน แต่เมื่อเปิดประตูออกมาเขากลับพบนายตำรวจที่กำลังเล็งปืนมาทางเธอ
“เดี๋ยวอย่ายิง” หญิงสาวร้องตะโกนด้วยความตกใจ
“ก้มลง” นายตำรวจหนุ่มบอกหญิงสาวก่อนที่เขาจะยิงใส่เจ้าของร้านอาหารที่เดินตามมาจนล้มลง
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ไปที่สถานีตำรวจที่นั่นจะปลอดภัยกว่า” นายตำรวจหนุ่มบอกกับหญิงสาว ทั้งคู่จึงพากันวิ่งหนีออกจากตรงนั้น จนไปพบรถตำรวจที่จอดทิ้งไว้ทั้งสองคนจึงขับออกมา ทำให้ทั้งคู่รอดจากคมเขี้ยวของเหล่าคนตายเดินได้อย่างหวุดหวิด
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ฉันเพิ่งมาถึงเมืองนี้ก็เกิดเรื่องบ้าขึ้นมาเลย” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เยี่ยม วิทยุก็พัง” นายตำรวจหนุ่มที่ไม่ได้สนใจฟังที่หญิงสาวบ่น เขาอุทานออกมาเมื่อพยายามวิทยุขอความช่วยเหลือแต่วิทยุกลับพัง
“นี่คุณเป็นตำรวจใช่ไหม” หญิงสาวที่กำลังหงุดหงิดหันมาถามนายตำรวจหนุ่มที่เป็นคนขับ
“ใช่ ทำงานวันแรกของผมสุดยอดไปเลย” ชายหนุ่มพูดประชด “ผมชื่อ ลีออน เคนเนดี (Leon Kennedy) ยินดีที่ได้รู้จัก” นายตำรวจหนุ่มแนะนำตัว
“ฉัน แคลร์ แคลร์ เรดฟิลด์ (Claire Redfield) ฉันมาตามหาพี่ชายที่ชื่อ คริส (Chris) ที่นี่” หญิงสาวบอก
รถตำรวจวิ่งผ่านเข้ามาในเมืองโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ามีรถบรรทุกน้ำมันกำลังขับตามมาด้วยความเร็ว
“นี่ คุณลองดูที่ช่องเก็บของซิ น่าจะมีอะไรที่พอใช้ได้บ้าง” ลีออนบอกกับแคลร์ หญิงสาวที่เปิดช่องเก็บของก็พบปืนพกหนึ่งกระบอก
“คุณใช้เป็นไหม” ลีออนถาม
“แน่นอน พ่อกับพี่ชายฉันเป็นทหารกับหน่วยพิเศษ ฉันถูกฝึกให้ใช้ไอ้นี่มาตั้งแต่เด็ก” แคลร์เช็กปืนนั้นอย่างชำนาญ
และไม่ทันที่แคลร์จะพูดจบจู่ ๆ ก็มีร่างของซอมบี้ตัวหนึ่งที่อยู่ข้างหลังกระโจนเข้ามาระหว่างทั้งคู่ จนรถตำรวจเสียหลักส่ายไปมาไม่สามารถควบคุมได้ ก่อนที่รถจะเสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าจนร่างของซอมบี้นั้นกระเด็นทะลุกระจกตายคาที่
“คุณโอเคไหม” ลีออนถามแคลร์ทั้งที่ตัวเอกทั้งจุกและมึน โชคดีที่ทั้งคู่รัดกเข็มขัดนิรภัยจึงรอดมาได้
“ยังครบ 32 มั้ง” แคลร์ตอบอย่างโล่งอก
แต่เคราะห์กรรมยังไม่จบเพราะไม่ทันที่ทั้งคู่จะหายมึนจากแรงชน เขาก็ได้ยินเสียงรถบรรทุกน้ำมันวิ่งแบบไม่ชะลอความเร็วตรงมาที่ทั้งคู่ เพราะตอนนี้คนขับรถบรรทุกน้ำมันได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว
“วิ่ง” ลีออนตะโกนบอกกับแคลร์ระหว่างที่ปลดเข็มขัดนิรภัยและออกมาจากรถได้ทันอย่างเฉียดฉิว
ตูม เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั้งเมืองแยกคนทั้งคู่ออกจากกันคนละฝั่ง
“แคลร์ ปลอดภัยไหม” ลีออนตะโกนถามผ่านเปลวไฟที่ลุกตรงหน้า
“ฉันโอเค” แคลร์ตะโกนบอกอีกฝั่งของเปลวไฟ
“ดีงั้นเราไปเจอกันที่โรงพัก โชคนีนะ” ลีออนตะโกนบอกก่อนที่ทั้งคู่จะแยกทางกัน
พวกเขาถูกแยกกันโดยโชคชะตาที่เลี่ยงไม่ได้ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเท่านั้น
เสียงระเบิดได้เรียกพวกคนตายที่ได้ยินเสียงให้มารวมตัวกันที่ถนน ลีออนจึงต้องพยายามเอาชีวิตรอดด้วยทักษะของตำรวจที่เรียนมา จนวิ่งมาถึงร้านขายปืนแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นน่าจะมีสิ่งที่เขาต้องการ
“หยุดตรงนั้น” ชายเจ้าของร้านขายปืนร่างอ้วนตะโกนบอกลีออนเมื่อเขาเข้ามาในร้าน “แกเป็นใครมาทำอะไรที่นี่”
“เดี๋ยวอย่ายิง ผมเป็นมนุษย์” ลีออนตะโกนด้วยความตกใจ
“ขอโทษทีคุณตำรวจ ผมคิดว่าคุณคือพวกมันเสียอีก” ชายร่างอ้วนลดปืนและเดินมาปิดประตูร้าน
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น” ลีออนถามด้วยความแปลกใจ
“ผมเองก็ไม่รู้ จู่ ๆ ชาวบ้านก็กลายเป็นซอมบี้ออกมาไล่กินคน ผมที่ไม่รู้จะไปไหนก็พยายามแจกจ่ายปืนให้กับผู้คนเพื่อป้องกันตัว คุณเองก็ควรระวังตัวด้วยนะคุณตำรวจที่นี่ไม่ปลอดภัย” ชายร่างอ้วนบอกกับลีออน
“งั้นไปที่โรงพักกับผมไหมที่นั่นน่าจะปลอดภัย” ลีออนชวน
“ไม่ดีกว่าสำหรับผมที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว ถ้าคุณจะไปที่โรงพักก็ผ่านทางซอยหลังร้านไปทางสนามกีฬา จะทะลุไปถึงถนนใหญ่ทางนั้นจะพาคุณไปถึงโรงพัก ขอให้โชคดี” ชายเจ้าของร้านปืนบอกกับลีออน
แต่ไม่ทันทีเขาจะพูดจบเหล่าซอมบี้ที่ตามลีออนมาก็พังกระจกมารุมกินร่างชายเจ้าของร้านต่อหน้าต่อตา สิ่งที่ลีออนทำได้แค่หนีออกมาจากตรงนั้น เพราะพวกมันมีมากเกินไปกว่าปืนพกจะฆ่ามันทุกตัวได้
ลีออนวิ่งผ่านมาตามที่ชายร้านปืนบอกด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยชายคนนั้นได้ ระหว่างทางที่ไปโรงพักนั้นลีออนเจอซอมบี้และซากศพคนตายมากมายตามถนน สีหน้าของทุกศพนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสิ้นหวัง นี่มันคือนรกบนดินชัด ๆ
เมื่อมาถึงโรงพักสภาพของที่นี่ก็ไม่ต่างกับในเมืองที่เต็มไปด้วยซากศพคนตาย และที่ตรงทางเข้าก็พบชายชุดสีเหลืองที่ติดป้ายหน่วย S.T.A.R.S. ที่ตอนนี้เป็นซอมบี้ไปแล้วเดินขวางทางจนลีออนต้องยิงทิ้งก่อนเข้าไปในโรงพัก
เมื่อเข้ามาด้านในสถานีตำรวจที่นี่กลับว่างเปล่า ลีออนจึงรีบเดินมาที่ห้องทำงานตำรวจที่ภายในนี้มีการประดับป้ายยินดีต้อนรับลีออนที่เป็นนายตำรวจใหม่ที่จะมารับตำแหน่งที่นี่ แต่ไม่ทันที่จะมีงานเลี้ยงฉลองที่นี่กลับเต็มไปด้วยคราบเลือดและความตาย
“นั่นใคร” เมื่อลีออนเข้ามาในห้องทำงานเขาก็ได้เสียงของใครบางคนดังขึ้นมา เมื่อไปดูก็พบนายตำรวจผิวสีที่กำลังบาดเจ็บนั่งอยู่ “นั่นคุณนายตำรวจใหม่ใช่ไหม” นายตำรวจผิวสียิ้มทักทายลีออน “มาสายนะคุณตำรวจ งานเลี้ยงเลิกไปแล้ว”
“ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ลีออนถามด้วยความสงสัย นอกจากความกลัวแล้วความสงสัยที่ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นสึนามิก็ทำให้เขาต้องถามนายตำรวจคนนั้น แม้มันจะไม่ใช่เวลาที่ควรถามก็ตาม
“เมื่อ 2 เดือนก่อนหน่วย S.T.A.R.S. ได้ไปเจอคฤหาสน์กลางป่าที่มีการทดลองเชื้อไวรัสที่นั่น จนสืบรู้ว่าทุกอย่างนั้นเกี่ยวกับบริษัทยา ‘Umbrella Corporation’ พวกหน่วย S.T.A.R.S. ที่รอดชีวิตก็พยายามจะเปิดโปงเรื่องนี้แต่ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายเชื้อโรคก็ระบาดมาจนถึงในเมือง พอเรารู้ตัวอีกทีชาวเมืองก็กลายเป็นผีดิบไปหมดแล้ว นายก็ควรหนีไปจากที่นี่” นายตำรวจผิวสีบอกกับลีออน
“อดทนไว้เราจะหนีไปด้วยกัน” ลีออนพยายามจะช่วยนายตำรวจ
“ผมคงไปไม่ไหวแล้วคุณไปช่วยคนที่รอดชีวิตคนอื่นเถอะ” นายตำรวจให้การ์ดผ่านทางในสถานีตำรวจเพื่อเปิดประตูในโรงพักแก่ลีออน
“แต่” ลีออนลังเล
“บอกให้ไปไง” นายตำรวจตะโกนใส่ลีออนพร้อมเล็งปืนมาทางเขา
“ได้ งั้นคุณรอผมตรงนี้ ถ้าผมหาทางได้จะมารับคุณ” ลีออนบอก
“ถ้าช้าผมไม่รอนะ” นายตำรวจพูดยิ้ม ๆ เป็นเชิงประชด
ด้วยการ์ดที่ได้มาลีออนจึงสามารถเปิดประตูได้ทั้งหมดในโรงพัก จากคอมพิวเตอร์ที่ห้องโถงทางเข้า จนเมื่อเขาเข้ามาที่ทางเดินด้านข้างโรงพัก ระหว่างทางก่อนจะเดินไปถึงทางเดินที่หน้าต่างลีออนได้พบอะไรบางอย่างวิ่งผ่านหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปิดประตูมาถึงทางเดินลีออนก็พบกับคราบเลือดบนพื้นและศพนายตำรวจที่นอนตายอยู่บนพื้น จนเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับตัวประหลาดคล้ายจิ้งจกโดนถลกหนัง แต่มันคือร่างของมนุษย์ที่มีสมองขนาดใหญ่พร้อมกรงเล็บทั้งมือและเท้า พร้อมกับเขี้ยวและลิ้นที่ยาวกำลังหันมาทางลีออน
“ตัวอะไรวะนั่น” ลีออนตะโกนออกมาด้วยความตกใจจนเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นหล่นลงมาบนพื้นและตบลีออนจนคอขาด.. YOU DIED
เริ่มเล่นใหม่….ตัดมาทีลีออนอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าสัตว์ประหลาด เขาก็ฆ่ามันทันทีแม้มันจะมีลิ้นยาวในการโจมตี แต่ลีออนก็เห็นว่าเจ้าตัวนี้มันมองไม่เห็น มันจะจับความเคลื่อนไหวด้วยเสียงเขาจึงเอาชนะมันมาได้ จนมาถึงห้องทำงานของหน่วย S.T.A.R.S.
ย้อนเวลากลับมาที่แคลร์ เรดฟิลด์ หลังจากที่แยกทางกับลีออนเธอก็วิ่งไปตามถนนในเมือง ที่ถือว่าเธอโชคดีเพราะตรงที่แคลร์อยู่นั้นคือด้านหลังของโรงพักพอดีตรงลานจอดรถตำรวจ แคลร์ผ่านมาทางโรงจอดรถตำรวจก็มาถึงตัวโรงพักตามหลังลีออนไม่นาน และเมื่อมาถึงที่นั่นเธอก็พบกับเฮลิคอปเตอร์กำลังมารับนายตำรวจที่กำลังขอความช่วยเหลือ นายตำรวจคนนั้นมีท่าทางดีใจว่าคงรอดชีวิต แล้วโดยที่ไม่รู้เลยว่าที่ด้านหลังมีซอมบี้ 2 ตัวกำลังเดินมาทำร้ายตน ด้วยความตกใจเขาจึงวิ่งหนีและยิงใส่ซอมบี้ด้วยความรนราน แต่ซอมบี้พวกนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย ตรงข้ามมันกลับยังเดินมาจนนายตำรวจคนนั้นถูกซอมบี้รุมกินทั้งเป็น ซึ่งตอนที่นายตำรวจคนนั้นถูกกิน ปืนในมือของเขาก็ยังอยู่ในไกปืนค้างไว้ และมันก็ลั่นไปยิงโดนเฮลิคอปเตอร์จนตกลงมาชนในโรงพักต่อหน้าต่อตาแคลร์
“ไม่นะ พระเจ้า” แคลร์อุทานออกมาด้วยความผิดหวัง เธอพยายามรวบรวมกำลังใจตัวเองเพื่อการเดินหน้าต่อไป เธอวิ่งอ้อมไปที่ประตูทางเข้าโรงพักซึ่งที่นั่นเธอพบกับชายชุดสีเหลืองที่มีป้ายหน่วย S.T.A.R.S. เหมือนพี่ชายเธอนอนตายอยู่ แปลว่าที่นี่ยังมีคนของหน่วย S.T.A.R.S. อยู่ และเป็นไปได้ว่าพี่ชายของเธออาจจะกำลังหนีตายอยู่ในโรงพักก็เป็นได้ แคลร์คิดในใจอย่างมีความหวัง
แคลร์เข้าไปในโรงพักที่เต็มไปด้วยซอมบี้ แต่ด้วยทักษะที่เรียนรู้มาจากพ่อและพี่ชายที่เป็นทหารแคลร์ จึงมีความสามารถในการเอาตัวรอดรวมถึงการใช้อาวุธแบบต่าง ๆ ไม่ต่างกับหน่วยพิเศษ แต่เธอก็ไม่เคยต้องไปเจอเรื่องเลวร้ายจนต้องงัดทักษะนี้มาใช้เลย และการเล็งปืนใส่คนไม่ซิมันไม่ใช่คนนั้นนี่เป็นครั้งแรกของเธอเลย
“เจ้าพี่ชายบ้า ถ้ารอดไปได้นายได้เจ็บตัวแน่คริส” แคลร์บ่นระหว่างเดินในโรงพักที่เงียบสงบหลังจากเก็บซอมบี้มาหลายตัว โชคดีที่ในโรงพักมีกระสุนมากพอให้เธอใช้ป้องกันตัว
และในระหว่างที่แคลร์หาทางดับไฟจากเฮลิคอปเตอร์ที่ขวางทางตอนนั้นเองที่นอกหน้าต่างก็มีเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยแต่มันคือเฮลิคอปเตอร์ที่ทิ้งอะไรบางอย่างลงมาตามจุดต่าง ๆ ในเมือง และหนึ่งในนั้นก็คือในโรงพักนี้ด้วย
แคลร์วิ่งตามไปดูที่ต้นเสียงระเบิดของสิ่งที่ตกลงมา สิ่งที่เธอได้พบคือร่างของชายสวมเสื้อคุมขนาดใหญ่ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็ไม่น่าจะเป็นมนุษย์ และเมื่อเจ้ายักษ์นั่นเห็นแคลร์มันก็ตรงมาทำร้ายเธอทันทีจนหญิงสาวต้องหนีตายเอาชีวิตรอด
“นี่มันตัวอะไรกัน” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจที่ไม่ใช่แค่ตัวประหลาดร่างยักษ์ แต่ยังมีตัวประหลาดลิ้นยาวที่ไล่ล่าเธอ “เอาตะกั่วไปกินซะ” หญิงสาวสามารถเอาชนะเจ้าลิ้นยาวมาได้จนมาถึงห้องทำงานหน่วย S.T.A.R.S. พร้อมกับลีออนในนั้น
“ลีออน” แคลร์ทักทายด้วยความดีใจเมื่อเห็นลีออนอีกครั้ง
“ดีจริง ๆ ที่เธอยังมีชีวิตอยู่” ลีออนยิ้มอย่างโล่งอกไม่ต่างกัน เขามองตาหญิงสาวที่กำลังยิ้ม “แคลร์เสียใจเรื่องพี่ชายคุณด้วยแต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่” ลีออนส่งสมุดบันทึกของคริสให้แคลร์อ่าน ในนั้นบอกว่าคริสเดินทางไปที่ยุโรปเพื่อตามหาเรื่องราวของ ‘Umbrella Corporation’ เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
แคลร์ที่แม้จะโล่งอกที่พี่ชายปลอดภัย แต่ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตไปเจอพี่ชายไหม
“เราต้องรอดไปให้ได้ เราต้องแยกกันไปหาทางออกจากที่นี่ เอานี่ไปถ้ามีอะไรเราจะได้ติดต่อกันได้” ลีออนบอกแผนกับแคลร์พร้อมให้วิทยุสื่อสารกับเธอ และก่อนที่แคลร์จะออกไปจากห้องเธอก็ได้รับแฟกซ์ที่ถูกส่งมาจากคริสเกี่ยวกับการสืบสวนเกี่ยวกับ ‘Umbrella Corporation’ ที่กำลังทดลองเชื้อตัวใหม่ที่ชื่อว่า ‘G-Virus’ และขอให้คนที่อยู่ในหน่วย S.T.A.R.S. รับช่วงไปสืบต่อ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าที่เมืองแห่งนี้กำลังกลายเป็นนรกไปแล้ว นั่นก็แปลว่าตอนนี้โลกภายนอกยังไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองตอนนี้
เมื่อแคลร์ออกมาจากห้องของหน่วย S.T.A.R.S. เธอก็พบเด็กผู้หญิงผมสีทองในชุดนักเรียนร้องด้วยความตกใจที่เห็นซอมบี้ ก่อนที่เด็กคนนั้นจะวิ่งหนีจากไป
แคลร์วิ่งไล่ตามเด็กผู้หญิงคนนั้นไปทันที จนพบว่าเธอนั้นมุดไปที่ประตูตรงซากเฮลิคอปเตอร์ซึ่งเธอไม่สามารถมุดตามไปได้แคลร์จึงใช้ระเบิดเปิดทางเข้าไปในนั้น
เมื่อระเบิดประตูเข้ามาได้แคลร์ก็เห็นป้ายตรงทางเดิน จนทราบว่าที่นั่นคือทางเข้าห้องทำงานของ ไบรอัน ไอรอนส์ (Brian Irons) หัวหน้ากรมตำรวจ ‘Raccoon City’
เมื่อแคลร์เข้ามาในห้องทำงานไอรอนส์ก็พบชายแก่ร่างอ้วนนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน และที่แปลกประหลาดน่าสยองกว่านั้นคือที่บนโต๊ะทำงานของชายร่างอ้วน มีร่างของหญิงสาวชุดสีขาวนอนเสียชีวิตอยู่
ชายร่างอ้วนเล็งปืนมาทางเธอก่อนจะลดปืนลง “ขออภัยด้วยผมคิดว่าคุณคือซอมบี้” ชายร่างอ้วนบอกกับแคลร์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนน่าแปลกใจ
“คุณคือหัวหน้ากรมตำรวจไอรอนส์” แคลร์ถาม
“แล้วคุณคือใคร หึ ไม่ต้องบอกก็ได้เพราะอีกเดี๋ยวคุณก็ถูกพวกมันกินแบบคนอื่น ๆ อยู่ดี” ไอรอนส์พูดติดตลกแต่แคลร์ไม่ขำเลย ตรงข้ามเธอกลับสงสัยศพหญิงสาวที่นอนบนโต๊ะนั้นคือใคร ไอรอนที่เห็นท่าทางสงสัยของแคลร์จึงอธิบาย “นั่นศพลูกสาวผมเอง ผมดูแลเธอไม่ได้แต่เธอก็สวยจริง ๆ ผิวของเธอช่างสมบูรณ์แบบ ที่น่าเสียดายเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็กลายเป็นศพเดินได้” ไอรอนส์มองร่างที่ไร้วิญญาณด้วยความอาวรณ์จนแคลร์รู้สึกแปลกใจ
“งั้นคุณก็ยิงเธอที่หัวไปเสียก่อนกลายร่างซิ” แคลร์บอก
“ผมชอบเก็บความทรงจำเอาไว้ด้วยการสต๊าฟไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือสิ่งต่าง ๆ แต่ช่างเถอะผมอยากอยู่คนเดียวคุณไปเถอะ” ไอรอนส์บ่นกับตัวเองก่อนจะไล่แคลร์ไป
แคลร์ทิ้งความสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นจนลืมถามเรื่องเด็กผู้หญิงที่ผ่านมาในห้อง เธอเดินต่อมาด้านในห้องทำงานของไอรอนส์ ผ่านเสือสต๊าฟที่น่าขนลุกจนมาเจอเด็กสาวที่แอบอยู่ในห้องด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัวฉันไม่ใช่ซอมบี้” แคลร์รีบคว้าตัวเด็กน้อยเอาไว้เมื่อเธอวิ่งหนี
เด็กน้อยที่มีท่าทางตกใจแต่เมื่อรู้ว่าแคลร์ไม่ทำร้าย เธอจึงหยุดร้องและกอดหญิงสาวทั้งน้ำตาด้วยความหวาดกลัว
“พี่ชื่อแคลร์ เธอชื่ออะไร” แคลร์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เชอร์รี่ (Sherry) “ เด็กน้อยตอบ
“แล้วพ่อแม่เธอไปไหน” แคลร์ลูบหัวเด็กน้อยเพื่อปลอบใจ
“คุณพ่อกับคุณแม่ทำงานในโรงงานเคมีของ ‘Umbrella Corporation’ ใกล้ ๆ เมืองนี่เอง” เชอร์รี่ตอบทั้งน้ำตา
“โรงงานเคมี แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่”
“คุณแม่โทรมาบอกให้หนูมาแอบที่สถานีตำรวจเพราะที่บ้านไม่ปลอดภัย”
“ฉันว่าที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยนะ ทางที่ดีหนูควรมากับพี่จะปลอดภัยกว่า” แคลร์พูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ พี่จะไม่ปลอดภัยถ้ามากับหนู ตอนนี้มีตัวประหลาดที่ตัวใหญ่กว่าซอมบี้กำลังไล่ตามหนู” ระหว่างที่เด็กน้อยกำลังพูดก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นมา “นั่นคือตัวประหลาดที่ตามล่าหนู พี่ก็ระวังตัวด้วย” เด็กน้อยพูดจบก็วิ่งหนีไปทิ้งแคลร์เอาไว้ตัวคนเดียว
“เดี๋ยวเชอร์รี่”
กลับมาที่ลีออนที่ออกมาจากห้องทำงานของหน่วย S.T.A.R.S. เมื่อแยกกับแคลร์ เขาจึงคิดจะไปหานายตำรวจผิวสีที่บาดเจ็บเพื่อบอกเขาถึงข้อมูลเรื่องการทดลองของ ‘Umbrella’ ทั้ง ‘G-Virus’ และเรื่องต่าง ๆ แต่เมื่อมาถึงก็ช้าไปเสียแล้วเพราะนายตำรวจคนนั้นได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว ลีออนจึงต้องฆ่าเขาทิ้งอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนที่จะหาทางไปต่อโดยลีออนทราบว่าทางใต้ดินของสถานีตำรวจสามารถพาเขาออกไปจากเมืองได้ แต่ระหว่างทางที่ลีออนกำลังไปถึงโรงจอดรถชั้นใต้ดินเขาก็พบหญิงสาวผมสั้นในชุดรัดรูปสีแดงเล็งปืนมาทางเขา
“ขอโทษด้วย พอดีฉันเห็นเครื่องแบบตำรวจของคุณ เลยคิดว่าคุณคือพวกมัน” หญิงสาวเดินมาขอโทษลีออนเมื่อเธอเกือบยิงเขาแต่เธอยิงพลาดลงพื้น
“คราวหน้าถ้าจะยิงก็เล็งที่หัว” ลีออนผู้ประชด “คุณชื่ออะไร” ลีออนทำเสียงหล่อ
“เอด้า วอง (Ada Wong) ฉันกำลังตามหาชายที่ชื่อเบ็น (Ben) เขาคือนักข่าวที่สืบเรื่องราวของ ‘Umbrella’ ชายคนนั้นน่าจะรู้เรื่องราวบ้า ๆ นี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนน่าแปลกใจ เพราะสถานที่นรกแตกแบบนี้ถ้าไม่เป็นบ้าไปก่อนก็คงจะมีแต่คนที่เคยผ่านนรกมาแล้วเท่านั้นจึงไม่รู้สึกอะไร “เท่าที่ฉันรู้มาเขาถูกขังอยู่ที่โรงพักนี้แต่รถตำรวจมันจอดขวางทางจนฉันขยับมันไม่ได้ ขอแรงคุณตำรวจช่วยเหลือประชาชนหน่อยได้ไหม”
หลังเข็บรถไปได้ทั้งสองคนผ่านฝูงซอมบี้ที่ขวางทางจนเข้ามายังคุก
“ให้เดานะนายคือเบ็นใช่ไหม ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ลีออนที่วิ่งมาถึงคุกด้านในสุดก็พบชายวัยกลางคนกำลังนอนหลับอยู่ในคุก
“คุณต้องการอะไร ผมกำลังหลับอยู่เลย” เบ็นชายวัยกลางคนบ่น
เอด้าที่เข้ามาภายหลังมองมาทางชายวัยกลางคนด้วยสายตาเรียบเฉย “คุณเป็นนักข่าวที่ตามสืบเรื่องราวของ ‘Umbrella’ ใช่ไหม แล้วคุณบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่รู้กับเจ้าหน้าที่บ้าง” เอด้าถาม
“แล้วคุณจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม” เบ็นมองมาทางลีออนและเอด้า “แทนที่จะหนีตายเอาชีวิตรอดจากเมืองห่าผีนี้” เบ็นทิ้งน้ำเสียงด้วยความไม่พอใจ
“ฉันจำเป็นต้องรู้ เพราะจอห์น (John) แฟนของฉันที่ทำงานให้กับ ‘Umbrella’ สาขาชิคาโก้ได้หายตัวไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว จอห์นบอกฉันว่าเขาจะมาทำงานที่นี่ก่อนขาดการติดต่อ” เอด้าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอไม่มีท่าทางของความเสียใจหรือมีความหวังในน้ำเสียงเลย ทั้งที่พูดถึงแฟนที่หายตัวไปเมื่อเทียบกับแคลร์ที่พูดถึงพี่ชาย
เบ็นถอนหายใจแรง ๆ “ถ้าผมรู้แล้วทำไมผมต้องบอกคุณด้วยว่ะ ครับ”
“โอเค ถ้านายบอกฉันจะปล่อยตัวนายออกมา นายจะได้หนีไปจนเมืองนรกนี้” ลีออนยื่นข้อเสนอ
เบ็นหัวเราะ “ผมมีกุญแจอยู่แล้ว ผมต่างหากที่ขังตัวเอง อยู่ในนี้ผมปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก อีกไม่นานก็คงจะมีหน่วยอะไรก็ตามมาช่วยผมแน่ ๆ ไม่ก็เป็นพวก ‘Umbrella’ ถ้ามันไม่อยากฆ่าผมก็คงอยากจะรู้ในสิ่งที่ผมมี”
ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงร้องของตัวประหลาดดังขึ้นมา(เสียงเดียวกับที่แคลร์เชอร์รี่ได้ยิน)
“อย่างที่บอกถ้าออกไปก็อาจจะโดนตัวประหลาดจับกิน สู้อยู่ในนี้ดีกว่า” เบ็นบอก
“ก็ตามใจแกนะ อ้อ และถ้าแกไม่รู้ฉันมาจากนอกเมือง ที่นั่นเละมาก ๆ คิดว่าความช่วยเหลือที่แกรอคงไม่มาเร็ว ๆ นี้หรอก แต่ถ้านายอยากรอความช่วยเหลือก็ตามใจก็แล้วกัน ถ้าอยากเน่าตายในกรงขังก็เชิญ” ลีออนพูดเสียงดุ
เบ็นลังเล “แต่คุณนายตำรวจใหม่คุณรู้ทางหนีออกไปจากที่นี่หรอ เอาแบบนี้นะผมจะบอกทางคุณ ที่ด้านหลังจุดเลี้ยงสุนัขตำรวจมีทางเชื่อมไปยังท่อระบายน้ำใต้ดิน ถ้าเปิดทางได้ก็มาบอกผมก็แล้วกัน”
เอด้าและลีออนไม่มีทางเลือกนอกจากจะเชื่อในสิ่งที่นักข่าวคนนี้บอก ทั้งคู่มายังประตูจุดที่เลี้ยงสุนัขตำรวจ แต่ประตูนั้นถูกปิดตายไปแล้ว
“มันถูกปิดจากข้างใน คงเพราะพวกสุนัขตำรวจได้กลายเป็นซอมบี้ จึงมีการปิดตายทางเข้าออกที่นั่น แต่เรายังโชคดีที่กุญแจเพื่อใช้เปิดทางระบายน้ำก็ต้องไปเอาในส่วนของที่เลี้ยงสุนัขตำรวจ” ลีออนบอกกับเอด้า “ลืมแนะนำตัวเลย ผม ลีออน เคนเนดี เป็นตำรวจของที่นี่” ลีออนเก็กเสียงหล่อ
เอด้าพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร “ทางนั้นฉันน่าจะขึ้นไปได้” เอด้าชี้ไปที่ช้องด้านบนประตู
“แต่มันอันตรายเกินไป” ลีออนแย้ง
“หรือจะให้ฉันส่งคุณข้ามไป ฉันแบกคุณไม่ไหวหรอกนะคุณตำรวจ” เอด้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อ้อ ขอโทษผมลืมคิดไป” ลีออนรีบก้มตัวให้เอด้าปีนขึ้นไปทางช่องเหนือประตู “ระวังตัวด้วย”
ลีออนยืนรออย่างมีความหวังและภาวนาให้หญิงสาวปลอดภัย ขณะที่เอด้าก็ผ่านฝูงซอมบี้ได้อย่างไม่ยากเย็น เหมือนเธอไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาอย่างที่ลีออนเข้าใจ
“ลีออนรับนะ” ไม่นานเอด้าก็ตะโกนบอกลีออนจากอีกด้านของประตูเพื่อให้เขารับกุญแจที่เธอได้มา
“ฉันกลับทางเดิมไม่ได้ ฉันจะหาทางอื่นแล้วเราไปเจอกันที่คุก” เอด้าบอกกับลีออน
“ได้ระวังตัวด้วย” ลีออนตะโกนบอก
ลีออนที่ได้กุญแจมาก็พยายามหาทางไปต่อจนสามารถเปิดประตูทางท่อระบายน้ำได้ และระหว่างเดินทางลีออนก็กลับมาจนถึงห้องขัง
“ไม่นะ ไม่ ได้โปรดอย่าง” ลีออนก็ได้ยินเสียงร้องของเบ็นในคุก เมื่อวิ่งไปถึงก็พบเบ็นนอนสลบอยู่นอกห้องขัง ดูเหมือนเขาพยายามจจะหนีอะไรบางอย่างแต่หนีไม่ทัน และเขาก็ไม่ถูกตัวประหลาดนั้นทำร้าย
“เป็นอะไรรึเปล่า” ลีออนถามด้วยความเป็นห่วง
“บ้าที่สุด” เบ็นอุทานออกมา “ตอนนั้นผมเกือบจะสืบได้เรื่องอยู่แล้วว่าหัวหน้าตำรวจไอรอนส์มันสมคบคิดกับ ‘Umbrella’ คุณต้องเปิดโปงเรื่องนี้ให้พวกมันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเมืองนี้” เบ็นพูดไม่ทันจบเขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ร่างของเขาจะแยกออกเผยให้เห็นตัวประหลาดที่พุ่งออกมาจากร่างของเขาก่อนที่มันจะหนีไป
“ตัวบ้าอะไรว่ะนั่น” ลีออนอุทานออกมาซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เอด้ามาสมทบที่ห้องขังพอดี ลีออนจึงเล่าในสิ่งที่ตนรู้จากเบ็นให้เอด้าฟัง
“คุณควรหนีไปจากที่นี่จะดีกว่า” เอด้าบอกกับลีออนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนเดิม
“แล้วคุณจะไปไหน” ลีออนพูดด้วยความเป็นห่วง
“ฉันจะไปที่โรงงานเคมี ฉันรู้สึกว่าจอห์นจะต้องอยู่ที่นั่น” เอด้าบอกกับลีออนก่อนจะวิ่งจากไป
“บ้าจริง” ลีออนอุทานก่อนจะหยิบวิทยุมา “แคลร์ได้ยินไหม ตอนนี้ผมอยู่ที่ลานจอดรถ ผมเจอทางออกแล้วทางท่อระบายน้ำด้านหลังโรงพัก เอาไว้เราจะไปเจอกันที่นั่น”
“โอเคฉันกำลังไป” แคลร์ตอบกลับ
ลีออนตามเอด้าไปยังโรงงานเคมี แต่ระหว่างทางเขาก็เจอกับตัวประหลาดที่ออกมาจากร่างของเบ็น มันคือสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่มีดวงตาที่กลางตัว ด้วยความที่มันยังเป็นตัวอ่อนลีออนจึงฆ่ามันได้ไม่ยากเย็น ก่อนจะรีบตามไปจนเจอเอด้าที่นั่น
“คุณตามฉันมาทำไม” เอด้าถามลีออนด้วยความไม่พอใจแต่น้ำเสียงนั้นกลับราบเรียนไร้อารมณ์
“ผมเป็นตำรวจต้องดูแลประชาชนซิ” ลีออนตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าจะรอดเราต้องรอดไปด้วยกัน”
เอด้ายอมใจจนให้ลีออนไปด้วย ทั้งสองคนเดินทางจากท่อระบายน้ำเพื่อไปเพื่อไปยังโรงงานเคมีที่เอด้าบอก เมื่อลงมาถึงชั้นใต้ดินของโรงงานทั้งคู่ก็พบหญิงสาวปริศนาที่วิ่งหนีไป เอด้าที่เคยเยือกเย็นกลับมีท่าทางร้อนรนจนเห็นได้ชัด เธอวิ่งตามผู้หญิงปริศนาไปในทันทีโดยที่ไม่รู้ว่าทางนั้นได้ยิงสวนกลับมา แต่ลีออนก็มากระโดดรับกระสุนนั้นแทนจนสลบไป
เอด้าที่แม้จะห่วงลีออนแต่เธอก็สนใจเป้าหมายมากกว่า จึงรีบวิ่งตามไปทันทีทิ้งลีออนนอนเจ็บตรงนั้น แต่เมื่อวิ่งตามาเอด้าก็ถูกหญิงสาวคนนั้นดักรออยู่
“หยุด เธอคือผู้หญิงที่มากับตำรวจคนนั้น เธอเป็นใคร” หญิงสาวในชุดกราวสีขาวถามเอด้าพร้อมเล็งปืนมาทางเธอ
“เอด้า วอง” เอด้าตอบ
“เอด้า เหมือนฉันเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” หญิงสาวทำท่าคิด “ใช่นึกออกแล้ว มีชายคนหนึ่งที่มาจากสาขาชิคาโก้ ‘T-Virus’ เขาใช้รหัสคอมพิวเตอร์ว่า ‘Ada’ และ ‘John’ คงเป็นเธอซินะ” หญิงสาวยิ้มที่มุมปากทั้งที่เล็งปืนมาทางเธอ
“คุณรู้ได้อย่างไร” เอด้าถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณคือใคร”
“ฉันชื่อ แอนเน็ต เบอร์กิ้น (Annette Birkin) สามีของฉันดูแลรับผิดชอบโครงการ ‘T-Virus’ วิลเลี่ยม เบอร์กิ้น (William Birkin) “ แอนเน็ตถอนหายใจเบา ๆ เมื่อพูดถึงสามีของตน “และเสียใจด้วยเรื่องจอห์นเขาเสียชีวิตไปแล้ว ฉันเห็นเขากลายเป็นซอมบี้ไปเมื่อหลายเดือนก่อนที่ห้องทดลอง”
เอด้ามีสีหน้าเรียบเฉยเธอไม่แสดงท่าทางเสียใจหรือเศร้าอะไรออกมาเลยแม้แต่ในแววตา จนแอนเน็ตดูออก
“แบบนี้นี่เอง เธอคงจะเป็นสายของใครบางคนซินะ” แอนเน็ตที่ก่อนหน้านี้ก็สงสัยอยู่แล้วได้ความกระจ่างจากกิริยาของเอด้า “ถ้าอย่างนั้นงานเธอก็คงจบลงตรงนี้เพราะฉันจะไม่ให้ ‘G-Virus’ กับแกหรอก” แอนเน็ตยิ้มที่มุมปากแต่แววตาของเธอนั้นดูเศร้าจนเห็นได้ชัด
“G-Virus” เอด้าถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
แอนเน็ตหัวเราะเบา ๆ “ฮึ ถามจริงว่าไม่รู้จัก ‘G-Virus’ มันคือสิ่งที่สามีของฉันสร้างขึ้นมา มันมีพลังมากกว่า ‘T-Virus’ เสียอีก”
“งั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ก็มาจาก” เอด้าหยุดพูดก่อนจะเอ่ยจบ
“ใช่ ทั้งหมดเป็นเพราะ ‘Umbrella’ เรื่องราวทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าพวกมันไม่คิดมาขโมยผลงานของสามีฉัน” แอนเน็ตหัวเราะเบา ๆ “พวกมันสมควรโดนแล้ว”
ภาพตัดมาที่ วิลเลี่ยม เบอร์กิ้น ที่กำลังเก็บตัวทดลองเชื้อไวรัสใส่กระเป๋า จู่ ๆ ก็มีหน่วยพิเศษของ ‘Umbrella’ มาแย่งเชื้อที่เขาสร้างมา ซึ่งตัวของวิลเลี่ยมที่รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้นจึงเตรียมตัวหนี แต่ทาง ‘Umbrella’ รู้ตัวเร็วกว่าที่คิด
“คิดไว้แล้วว่าพวกแกต้องมา” วิลเลี่ยมเล็งปืนมาทางหน่วยพิเศษของ ‘Umbrella’
“เราแค่มารับเชื้อเท่านั้นไม่คิดทำร้ายใคร” หน่วยพิเศษบอก
“ผลงานนี้มันคือทั้งชีวิตของฉัน ไม่ยอมให้พวกแกเอาไปหรอก” วิลเลี่ยมที่เคยเห็นสิ่งนี้มาแล้วในอดีตจึงไม่มีทางเชื่อสิ่งที่ ‘Umbrella’ บอก
และตอนที่วิลเลี่ยมถอยหลังนั่นเองเขาได้ทำหลอดทดลองตก จนทำให้ฝ่ายทหารตกใจทำปืนลั่นใส่วิลเลี่ยมจนบาดเจ็บสาหัสก่อนจะขโมยไวรัสไป
แอนเน็ตที่ตามเสียงปืนมาก็ร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสามีถูกยิง “ไม่นะที่รักพวกมันทำอะไรคุณ ดะ เดี๋ยวฉันไปตามหมอก่อน”
เมื่อแอ็นเน็ตวิ่งจากไปวิลเลี่ยมก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายฉีด ‘G-Virus’ ลงไปที่ร่างของตน ก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด เพื่อไปฆ่าหน่วยพิเศษของ ‘Umbrella’ ทุกคน จนทำให้เชื่อ ‘T-Virus’ และ ‘G-Virus’ กระจายเข้าสู่เมืองผ่านทางหนูและน้ำในท่อระบาย
“ผลของเชื้อทำให้วิลเลี่ยมไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป” แอนเน็ตบอกกับเอด้า เธอน้ำตาคลอเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “และยิ่งเลวร้ายกว่านั้นคือตัววิลเลี่ยมยังสามารถฝังตัวอ่อนลงไปที่คนอื่นได้” ไม่ทันที่แอนเน็ตจะพูดจบเอด้าก็ใช้จังหวะนั้นแย่งปืนจนทำให้แอนเน็ตตกลงไปด้านล่างของห้องทดลองที่เป็นทางระบายน้ำ
“ตกน้ำไปซินะ” เอด้าคิดจะตามไปฆ่าแอนเน็ตซ้ำ แต่เมื่อเธออ้อมไปอีกทางเพื่อไปยังทางระบายน้ำที่แอนเน็ตตกลงไปเธอก็เจออะไรบางอย่าง
ย้อนกลับมาที่แคลร์หลังจากที่เชอร์รี่วิ่งหนีออกมาจากห้องทำงานของไอรอนส์ เธอก็วิ่งตามมาทันทีเพราะเป็นห่วงเด็กน้อย ซึ่งระหว่างทางนั้นเธอก็ถูกชายเสื้อคลุมตัวใหญ่ไล่ล่าอีกครั้งแต่แคลร์ก็สามารถหนีมาได้จนเจอกับเชอร์รี่
“ขอบคุณพระเจ้า” แคลร์อุทานออกมาด้วยความดีใจเมื่อเจอเด็กน้อย “ที่นี่มันอันตรายเธอไม่ควรไปไหนคนเดียวแบบนี้ เดี๋ยวพี่จะพาเธอหนีไปจากที่นี่” แคลร์ดุเด็กน้อย
“ไม่หนูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูอยู่ที่นี่ หนูจะไปตามหาพวกท่าน” เชอร์รี่เงียบเมื่อพูดจบ “หนูได้ยินเสียงคุณพ่อเรียกหนู ท่านกำลังโดนสัตว์ประหลาดทำร้ายหนูต้องไปช่วยท่าน” เด็กน้อยพูดจบก็วิ่งหนีแคลร์ไปอีกครั้ง
“เชอร์รี่เดี๋ยว” แม้แคลร์จะตะโกนห้ามแต่เด็กน้อยก็ไม่ฟัง เธอปีนข้ามไปอีกฝั่งซึ่งช่องนั้นมันเล็กมากจนเธอข้ามตามไปไม่ได้
เชอร์รี่ที่แม้จะเป็นเด็กแต่เธอก็รู้เส้นทางที่นี่ดี เด็กน้อยวิ่งไปหาพ่อตามทางที่เธอคิดว่าท่านน่าจะอยู่แต่ก็ไม่พบเธอจึงกลับมาที่เดิม
“แคลร์หนูไม่เจอคุณพ่อแต่เจอกุญแจเปิดประตู” เด็กน้อยโยนกุญแจให้เธอผ่านช่อง “เดี๋ยวหนูจะอ้อมไปอีกทางนะ ทางเก่าหนูปีนกลับไปไม่ได้” เด็กน้อยพูดจบก็วิ่งจากไป
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเราไปเจอกันที่ห้องทำงานนายตำรวจไอรอนส์ เธอจำทางไหม” แคลร์ตะโกนบอก
“หนูรู้ทางไป” เชอร์รี่พูดจบก็วิ่งไปทันที
“เดี๋ยว ระวังตัวด้วย” แคลร์ไม่ทันจบลีออนก็วิทยุมาหา
“แคลร์ได้ยินไหม ตอนนี้ผมอยู่ที่ลานจอดรถ ผมเจอทางออกแล้วทางท่อระบายน้ำด้านหลังโรงพัก เอาไว้เราจะไปเจอกันที่นั่น” ลีออนบอกกับแคลร์
“โอเคฉันกำลังไป” แคลร์ตอบวิทยุกลับ “คงต้องรีบแล้ว ถ้าจำไม่ผิดที่ห้องทำงานของไอรอนส์มีทางใต้ดินนี่นา ทางนั้นอาจจะไปได้” แคลร์บอกกับตัวเองเพราะเธอต้องรีบไปตามตัวเชอร์รี่ให้รีบหนีไปจากที่นี่ แต่ระหว่างทางที่เธอไปนั้นก็ยังถูกตัวประหลาดเสื้อคลุมไล่ล่า
“ตามตื้อแบบนี้สาว ๆ ไม่ชอบหรอกะ” แคลร์สาดกระสุนใส่ระหว่างที่หนีการตามล่าของตัวประหลาดนั้น จนมาพบเชอร์รี่ที่ห้องทำงานหัวหน้าตำรวจไอรอน
“โล่งอกไปทีเธอปลอดภัย” แคลร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเด็กน้อยปลอดภัย
“หนูก็ดีใจที่พบคุณ” เด็กน้อยยิ้ม
ทั้งคู่เดินมาถึงทางลับที่อยู่ในห้องทำงานของไอรอนส์
“พี่รู้ทางออกไปจากที่นี่แล้ว เอาละเดี๋ยวพี่จะลงไปก่อนถ้าปลอดภัยแล้วพี่จะเรียก” แคลร์บอกกับเด็กน้อยเมื่อเจอทางลงไปชั้นใต้ดินท่อระบายน้ำ
เมื่อลงมาที่ด้านล่างแคลร์ก็พบกับนายตำรวจไอรอนที่มีท่าทางหอบและจับหน้าอก
“มาถึงที่นี่จนได้นะคุณผู้หญิง” ไอรอนส์เล็งปืนมาทางแคลร์
“เดี๋ยวก่อนอย่ายิง คุณเป็นบ้าอะไรเมื่อกี้เรายังคุยกันดี ๆ อยู่เลย” แคลร์มีท่าทางตกใจเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายแก่
“ไม่ต้องพูดมากเพราะพวกแกเลยทำให้เมืองที่สวยงามของฉันเละแบบนี้ ทั้งที่ฉันช่วยพวกแกทุกอย่างทั้งการฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐานเพื่อช่วยพวกมัน แต่พวกแกก็ทำลายเมืองนี้จะพินาศ พวกแกทุกคนต้องรับผิดชอบ” ไอรอนตะโกนเหมือนคนเสียสติ
“พูดแบบนี้ก็แปลว่าคุณมีส่วนกับการทดลองเชื้อ ‘G-Virus’ ตามที่คริสบอกซินะ” แคลร์ชี้นิ้วใส่หัวหน้าตำรวจ
ชายร่างอ้วนยิ้มทั้งที่เหงื่อไหลท่วมหน้า “ถ้าแกอยากรู้ว่า ‘G-Virus’ มันยอดเยี่ยมขนาดไหนแกต้องมาเห็นเอง เพราะฉันเห็นกับตามาแล้วว่าวิลเลี่ยม เบอร์กิ้นที่กลายร่างเป็นสุดยอดอาวุธขนาดไหน” ชายแก่พูดเพ้อเหมือนคนเสียสติ
“วิลเลี่ยนม เบอร์กิ้น” แคลร์ทวนคำด้วยความตกใจ
“ใช่ อย่างที่เธอคิดนั่นละ เด็กที่วิ่งไปมาในโรงพักที่ชื่ออะไรนะ เชอร์รี่ใช่ไหม เด็กนั่นก็คือลูกสาวของวิลเลี่ยม” ไอรอนส์เล็งปืนมาทางแคลร์ใกล้ขึ้น “ตอนนี้แกก็รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว ก็ควรจะหุบปากไปเสียที ฉันจะไดรีบหนีไปจากเมืองนรกนี้”
ระหว่างที่ไอรอนกำลังคุยกันนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาที่ประตูทางลงท่อระบายน้ำ
“เสียงอะไรว่ะ ไม่นะไม่” ไม่ทันที่ไอรอนจะพูดจบเขาก็ถูกมือประหลาดดึงลงไปที่ประตูด้านล่าง ก่อนที่ร่างนั้นจะถูกโยนขึ้นมาในสภาพขาดครึ่งท่อนอย่างน่าอนาถ
“บ้าจริง” แคลร์ที่ไม่มีทางเลือกเธอจึงต้องลงไปที่ตรงนั้น เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะลงไปทางท่อระบายน้ำ
เมื่อลงมาเธอก็พบกับวิลเลี่ยมที่ตอนนี้มีดวงตาขนาดใหญ่ที่แขน และมันก็พร้อมจะมาทำร้ายเธอ แคลร์จึงต้องต่อสู้ด้วยจนมันพลัดตกลงไปที่ด้านล่างทางระบายน้ำ
“นั่นคือวิลเลี่ยมที่ไอรอนส์บอกซินะ” แคลร์บอกกับตัวเอง ก็จะไปตามเชอร์รี่ให้รีบมาโดยที่เธอไม่บอกเรื่องนี้กับเด็กน้อย
“แคลร์คุณปลอดภัย หนูได้ยินเสียงปืน” เด็กน้อยกอดแคลร์ทั้งน้ำตา
“ฉันปลอดภัย เราต้องรีบไปจากที่นี่แล้ว”
“แต่หนูยังหาพ่อแม่ไม่เจอ”
“พวกท่านอาจจะหาทางออกไปจากเมืองแล้วก็ได้ ทางที่ดีเราควรหนีไปก่อนดีกว่า” แคลร์บอกกับเด็กน้อยจนเธอยอมตามมา
ทั้งสองคนวิ่งผ่านทางระบายน้ำใต้ดินตามที่ลีออนบอก แต่ระหว่างนั้นเองเชอร์รี่ได้ลื่นล้มจนถูกท่อระบายน้ำดูดไปอีกทาง แคลร์จึงต้องรีบอ้อมไปอีกด้านเพื่อไปตามหาเด็กน้อยจนมาพบกับลีออนที่นอนสลบอยู่
“ลีออนคุณเป็นอะไรไหม” แคลร์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมโอเค พอดีผมช่วยเอด้าผู้หญิงที่รอดชีวิตอีกคน เธอถูกใครบางคนยิงแต่ผมมาบังกระสุนไว้ ตอนนี้เธอน่าจะตามคน ๆ นั้นไป ผมต้องไปช่วยเธอ” ลีออนหายใจติดขัด
“แต่คุณถูกยิง ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
“ไม่เป็นไรผมห่วงเอด้ามากกว่า” ลีออนพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่ไหว
“โอเคเดี๋ยวฉันไปดูให้ เพราะฉันต้องไปช่วยเด็กผู้หญิงเหมือนกัน เธอตกท่อไปเมื่อกี้ถ้ายังไงฉันจะติดต่อวิทยุมาหาคุณแล้วกัน” แคลร์บอกกับลีออนด้วยความไม่พอใจก่อนจะรีบวิ่งไป
“ตัวเองก็ไม่ไหวยังห่วงผู้หญิงเชื่อเขาเลย” แคลร์บ่นดัง ๆ ระหว่างวิ่งไปตามทางระบายน้ำและที่สุดทางแคลร์ก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ตกลงมาจากข้างบน
“คุณเป็นอะไรไหม” แคลร์ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหญิงสาวขึ้นมาจากน้ำ
“อย่างมายุ่งกับฉัน แกก็ต้องการ ‘G-Virus’ จากสามีเหมือนกันใช่ไหม อย่าหวังว่าจะได้ไปเลย” แอนเน็ตพูดเสียงแข็งใส่แคลร์
“สามี งั้นคุณก็คือแม่เชอร์รี่” แคลร์ถาม
“เธอรู้จักลูกสาวฉันได้ไง” แอนเน็ตถามด้วยความตกใจ “ใช่แล้วฉันบอกให้แกมาที่นี่เอง”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถาม ลูกสาวคุณถูกท่อระบายน้ำดูดไปที่ไหนไม่รู้ฉันต้องรีบไปช่วย” แคลร์พูดไม่ทันจบแอนเน็ตก็ตะโกนออกมา
“คุณต้องช่วยลูกสาวฉัน ตอนนี้เธอไม่ปลอดภัย เพราะวิลเลี่ยมต้องการ” แอนเน็ตพูดไม่ทันจบเธอก็สลบไปเสียก่อน แคลร์ที่แม้จะสงสัยในหลาย ๆ เรื่องแต่ก็ไม่มีเวลามาคิดเพราะเธอเป็นห่วงเด็กน้อยมากกว่า
กลับมาที่ลีออนเมื่อแคลร์จากไปเขาก็พอจะมีแรงไปต่อ เพราะกระสุนยิงไม่โดนจุดสำคัญ ด้วยความเป็นห่วงเอด้าเขาจึงรีบวิ่งผ่านทางระบายน้ำจนมาพบเอด้าที่กำลังยิงอะไรบางอย่างอยู่ในน้ำ
“เอด้า” ลีออนตะโกนเรียกเธอจากอีกฝั่งของทางระบายน้ำ
“ลีออนหนีไป” เอด้าตะโกนไม่ทันจบก็มีจระเข้ตัวใหญ่กระโดนมาทำร้ายลีออนเพราะกลิ่นคาวเลือกจากบาดแผลของเขาที่ดึงดูดมัน
“งานงอกแล้ว” ลีออนหนีมาจนสุดทางเขาก็พบถังแก๊สวางอยู่ เขาจึงกะจังหวะที่จระเข้ยักษ์ผ่านมาจึงยิงถังแก๊สระเบิดปลิดชีพสัตว์ประหลาดแห่งท่อระบายน้ำไว้ที่นี่
“ลีออนคุณเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเอาชนะจระเข้มาได้ลีออนก็มาหาเอด้า ที่ตอนนี้เธอมีน้ำเสียงที่เป็นห่วงลีออนจนแม้แต่ชายหนุ่มยังรู้สึกได้
“แผลแค่นี้เอง” ลีออนบอกก่อนที่หญิงสาวจะทำแผลให้
“ฉันเป็นหนี้คุณสองครั้งแล้ว ขอบคุณ” เอด้าขอบคุณลีออน
“แค่เกือบโดนยิงตายแถมโดนจระเข้ยักษ์ไล่กินเองแค่นี้เองสบายมาก” ลีออนพูดติดตลกแต่หญิงสาวไม่ขำ “แล้วคุณตามผู้หญิงคนนั้นไปได้อะไรมาบ้าง”
เอด้าเงียบไป “ลีออนฉันรู้แล้วว่าจอห์นตายแล้ว ผู้หญิงคนนั้นบอกกับฉัน”
“เสียใจด้วย ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องมาอยู่ตรงนี้แล้ว รีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะ ผมเชื่อว่าจอห์นเองก็คงอยากให้คุณมีชีวิตรอดไปจากที่นี่” ลีออนปลอบใจเอด้า
ทั้งคู่วิ่งผ่านซากจระเข้ยักษ์ที่เหม็นกลิ่นเลือด จนมาถึงรถรางที่จะนำทั้งหมดออกไปจากเมือง แต่ระหว่างทางที่รถรางวิ่งไปนั้นก็มีกงเล็บประหลาดมาทำร้ายจนทั้งสองคนสามารถไล่มันไปได้ จนรถมาถึงที่หมายซึ่งเป็นจุดจอดรถไฟซึ่งต้องลงไปยังสถานีวิจัยด้านล่าง เพื่อเชื่อมหัวรถไฟเข้ากับขบวนในการหนีออกไปจากเมืองนี้
แต่ระหว่างที่หัวรถไฟกำลังลงไปที่ชั้นใต้ดินกงเล็บประหลาดก็ทะลุพนังรถไฟมาทำร้ายเอด้าจนบาดเจ็บ ลีออนจึงออกไปจัดการกับมัน ซึ่งสิ่งที่ลีออนเห็นนั้นคือวิลเลี่ยมที่พัฒนาตัวเองไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว แต่สำหรับลีออนนั้นมันคือครั้งแรกที่เขาได้พบกับวิลเลี่ยมในร่าง ‘G’ ที่ตอนนี้ใบหน้ามนุษย์นั้นได้หดมาอนู่ที่หน้าอกและมีหัวใหม่ที่น่าเกลียดขึ้นมาแทน
“ตัวอะไรว่ะนั้น” ลีออนสามารถเอาชนะวิลเลี่ยมจนมันหนีไป
เมื่อรถรางมาถึงด้านล่างลีออนจึงพาเอด้ามาพักในห้องพักพนักงานที่ชั้นล่าง ก่อนที่เขาจะรีบไปหายามารักษาเธอ
ตัดมาที่แคลร์ซึ่งกำลังตามหาเชอร์รี่ทางท่อระบายน้ำก็พบเด็กน้อยกำลังนอนสลบอยู่
“แคลร์หนูเจอคุณพ่อด้วยท่านกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้” เชอร์รี่พูดไปร้องไห้ไป
“แล้วเขาทำอะไรเธอรึเปล่า” แคลร์ถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณพ่อเขา” เชอร์รีจับหน้าอกเธอพูดไปไอไป เหมือนเด็กน้อยจะไม่กล้าพูดในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ช่างเถอะยังไงเราก็หนีไปจากที่นี่กันก่อน” แคลร์จึงรีบพาเด็กน้อยที่ยังเดินไหวมายังสถานีวิจัยผ่านทางรถรางที่บนหลังคามีรูแปลก ๆ เหมือนที่นี่เพิ่งเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ไม่นานทั้งคู่เดินทางมาจนถึงจุดหัวรถไฟแต่ตัวหัวรถไฟอยู่ด้านล่าง เธอจึงต้องไปห้องควบคุมเพื่อเรียกรถรางขึ้นมา
ภายในรถไฟนั้นมีรูขนาดใหญ่อยู่ตรงกำแพงเหมือนเพิ่งเกิดเรื่องบางอย่างมาเหมือนบนรถราง และไม่ทันที่จะหายสงสัยที่ด้านนอกก็มีเสียงร้องของตัวประหลาดดังขึ้นมา
“นั่นคุณพ่อ” เด็กน้อยมากอดแคลร์และพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“รอพี่อยู่ในนี้เดี๋ยวพี่มา” แคลร์บอกกับเด็กน้อยก่อนจะรวบรวมความกล้าออกข้างนอก
“ตัวอะไรว่ะเนี้ย” แคลร์อุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นตัวประหลาดสี่แขนที่น่าจะเป็นวิลเลี่ยมที่วิวัฒนาการไปอีกขึ้นหลังจากที่มันพ่ายแพ้ให้กับลีออนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่สัตว์ประหลาดก็ไม่สามารถสู้กระสุนปืนได้ วิลเลี่ยมในร่างสัตว์ประหลาดหนีไปอีกครั้งจนรถมาถึงด้านล่าง
“แคลร์ขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยหนู คุณห่วงหนูเหมือนกับคุณแม่เลย แม้พวกท่านจะงานยุ่งแต่ก็มีเวลาให้หนูต่างกับคุณพ่อที่ทำแต่งานไม่ค่อยสนใจหนูเลย” เชอร์รี่มีการการเจ็บหน้าอก “แคลร์หนูไม่ค่อยสบาย”
แคลร์ที่รู้ได้ทันทีว่าเชอร์รี่อาจจะติดเชื้อ เธอจึงพยายามปลอบใจโดยการเอาเสื้อตัวเองสวมให้เด็กน้อย “สวมไว้นะมันคือเสื้อนำโชคของฉันเธอจะต้องปลอดภัย อยู่ที่นี่เดี๋ยวพี่ไปหายามารักษาเธอเอง” แคลร์บอกกับเด็กน้อยก่อนจะทิ้งให้เธอนอนในหัวรถไฟเพื่อไปหายาแก้ โดยวิ่งผ่านห้องพักพนักงานที่เอด้านอนอยู่
ย้อนกลับมาที่ลีออนหลังจากที่ให้เอด้านอนพัก
“ลีออนคุณควรรีบหนีไปจากที่นี่ก่อนจะสายเกินไป” เอด้าที่บาดเจ็บไล่ลีออน
“ผมจะไม่ไปถ้าไม่มีคุณ อย่าลืมซิว่าคุณติดหนี้ผมอยู่สามครั้งแล้ว” ลีอออนพูดติดตลก “ตอนนี้เราอยู่ในสถานีของ ‘Umbrella’ ผมจะไปหายามารักษาคุณรออยู่ที่นี่ก่อน
เอด้ายิ้ม “แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ฉันก็ดีใจที่ได้รู้จักคุณ” น้ำเสียงและแววตาคราวนี้มันต่างไปจากเดินจนลีออนเองยังรู้สึกได้
ลีออนวิ่งไปมาในสถานีวิจัยเพื่อหายาต้านไวรัส ซึ่งที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่หลุดออกมาจากห้องทดลองที่เป็นยิ่งกว่านรกด้านบนเสียอีก
“บ้าที่สุด” ลีออนหมดหวังเพราะแม้จะหาเท่าใดก็ไม่พบวัคซีนเลย
“หานี่อยู่ใช่ไหม คุณตำรวจ” แอนเน็ตที่ฟื้นจากการสลบยืนรอลีออนที่หน้าประตูห้องเอกสารที่ลีออนออกมา
“คุณคือคนเมื่อตอนนั้น” ลีออนมีท่าทางตกใจ
แอนเน็ตยิ้ม “ฉันเห็นทุกอย่างหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แกคือคนที่ทำร้ายสามีฉันแถมยังร่วมมือกับนางสายลับนั่นมาขโมยเชื้อ ‘G-Virus’ จากฉันไม่มีทางหรอก”
“สายลับ ‘G-Virus’ อะไรนั่นผมไม่สนใจหรอก ผมสนแค่ยานั่น” ลีออนตะโกนบอกแอนเน็ต
“คุณตำรวจนี้หลอกง่ายจริง ๆ ไม่รู้หรอว่านางผู้หญิงนั่นกำลังหลอกคุณ เธอไม่ได้ติดเชื้ออะไรทั้งนั้น ทุกอย่างมันคือแผนที่หลอกให้คุณไปหา ‘G-Virus’ มาให้เธอก็เท่านั้น” แอนเน็ตหัวเราะ
“เป็นไปไม่ได้” ลีออนแย้ง
“เสียใจด้วยที่มันคือเรื่องจริง เพราะฉันไปตรวจสอบประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาแล้วว่าคือของปลอม ผู้หญิงคนนั้นมาตีสนิทกับจอห์นเพื่อหวังจะเข้าถึงที่นี่ ให้เดานะผู้หญิงคนนั้นน่าจะสายลับที่ทำงานให้องค์กรอะไรบางอย่าง ส่วนคุณตำรวจก็เป็นแค่เบี้ยที่ถูกใช้เหมือนจอห์น” ลีออนหน้าถอดสีที่แม้ใจเขาจะไม่ยอมรับ แต่สิ่งที่แอนเน็ตพูดก็มีมูลมากพอที่จะเป็นความจริง และเธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาโกหกเขาตอนนี้
“เป็นไปไม่ได้” ลีออนพูดกับตัวเอง
“จะเชื่อรึไม่แกก็ต้องตายอยู่ดี” ระหว่างที่แอนเน็ตจะยิงลีออนก็เกิดแผ่นดินไหวจนแท่งเหล็กหล่นใส่หัวแอนเน็ตจนสลบ
“ขอไปแล้วกันนะ” ลีออนที่บอกกับแอนเน็ตก่อนจะรีบวิ่งไปหาเอด้าที่ห้องพักพนักงาน แต่เมื่อมาถึงเอด้าก็หายไปแล้ว
“เอด้าเธอไปไหนแล้ว” ลีออนรนรานเมื่อไม่เห็นเอด้า
เข้าวิ่งกลับเข้าไปในสถานีวิจัยเพื่อตามหาเธอ ทั้งที่ส่วนหนึ่งในใจก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งที่แอนเน็ตพูด ลีออนวิ่งมาจนถึงด้านในสุดของของวิจัยเขาก็พบเอด้ายืนถือปืนเล็งมาทางเขา
“เอด้า” ลีออนมีท่าทางแปลกใจเพราะตอนนี้เอด้าเธอดูปกติไม่เหมือนคนที่ติดเชื้อเลย
“คุณรู้ทุกอย่างจากแอนเน็ตหมดแล้ว ฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว ส่ง ‘G-Virus’ มาซะแล้วฉันจะปล่อยคุณไป” เอด้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ลีออนรู้ได้จากความรู้สึกว่าเธอพยายามปั้นเสียงให้เป็นปกติ
“เป็นไปไม่ได้” ลีออนพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้แต่คุณไม่ฟัง” เอด้าเดินเข้ามาใกล้ลีออนจนเขาเห็นแววตาของเธอที่สั่นไหวเหมือนพยายามเก็บกลั้นความรู้สึก “อย่าให้ฉันต้องยิงคุณ”
“คุณไม่ทำแบบนั้นหรอก” ลีออนท้า
ทั้งคู่จ้องตากันด้วยความรู้สึกของใจที่สื่อถึงกัน จนเอด้าที่ทำท่าจะยิงแต่สุดท้ายเธอก็ลดปืนลง
“ปัง” ไม่ทันที่จะพูดอะไรแอนเน็ตที่ตามมาก็ยิงใส่เอด้าจนเธอเสียหลักหล่นจากระเบียง แต่ลีออนก็คว้าเอาไว้ได้ทัน ขณะที่ตัวแอนเน็ตก็สลบไปอีกครั้ง
“ลีออนมันจบแล้วปล่อยมือฉันเถอะ” เอด้าบอกกับลีออน
“อย่างเพิ่งพูดผมจะช่วยคุณขึ้นมา” ลีออนที่ตัวเองก็บาดเจ็บแต่ก็ไม่ยอมแพ้
“คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” เอด้าสบตาลีออน
“เราต้องหนีไปด้วยกันซิ อย่าเพิ่งยอมแพ้” ลีออนพยายามกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดและดึงเธอขึ้นมา
เอด้าสบตาลีออนเป็นครั้งสุดท้าย “ฉันอยากหนีไปกับคุณจริง ๆ นะ ลาก่อน” เอด้าพูดจบเธอก็ทิ้งตัวลงไปด้านล่าง ทิ้งให้ลีออนร้องไห้เสียน้ำตาอยู่ตรงนั้น
“เอด้า” ลีออนตะโกนเสียงดัง เขามองดูยาต้านไวรัสในมือ “เพราะไอ้ของบ้า ๆ แบบนี้ ทุกคนถึงต้องตาย” ลีออนปาไวรัสทิ้งไปก่อนจะหาทางหนีออกไปจากที่นี่โดยทิ้งแอนเน็ตไว้ตรงนั้น
กลับมาที่ด้านของแคลร์ซึ่งตอนนี้เธอเก็บเอกสารจนได้วิธีทำยาแก้จากห้องทดลอง ที่ตอนนี้ไปมันเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่หลุดออกมาจากห้องขัง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้เดินได้ไปจนถึงซอมบี้ไร้ผิวหนังที่มาจากการทดลอง และที่ห้องควบคุมหลังจากที่ได้ยาแก้มาแล้วแคลร์ก็พบแอนเน็ตอีกครั้ง
“ลูกสาวฉันอยู่ที่ไหน” เธอเล็งปืนมาที่แคลร์
“เธอติดเชื้อจากวิลเลี่ยมฉันต้องช่วยเธอ” แคลร์รีบอธิบาย
แอนเน็ตลดปืนลง “ว่าแล้วเชื้อ ‘G-Virus’ มันจะแพร่พันธุ์ได้เฉพาะผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันจริง ๆ ตามที่คิดไว้เลย” แอนเน็ตบ่นกับตัวเอง
“เราต้องรีบช่วยเธอ” ไม่ทันที่แคลร์จะพูดจบที่กล้องวงจรปิดก็ให้เห็นเชอร์รี่ที่กำลังวิ่งหนีชายร่างยักษ์ที่สวมเสื้อคลุม ที่ตอนนี้มันได้ตามแคลร์มาจนถึงข้างล่างแล้ว
“เจ้านั่นคือ ‘Mr.X’ มันถูกสั่งมาให้มาหา ‘G-Virus’ ที่อยู่ในสร้อยคอของเชอร์รี่” แอนเน็ตพูดจบรีบวิ่งไปช่วยลูกสาวทันที
แคลร์ที่ทราบเรื่องก็รีบวิ่งตามไปทันที แต่ด้วยความที่เธอไม่รู้ทางเหมือนแอนเน็ตเธอจึงไปช้ากว่า ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบร่างแอ็นเน็ตนอนบาดเจ็บเพราะปกป้องเชอร์รี่ ขณะที่เด็กน้อยก็วิ่งหนีมาจนติดกำแพง
“เชอร์รี่โยนสร้อยคอมาทางนี้” แคลร์ตะโกนบอกเชอร์รี่จนเด็กน้อยโยนสร้อยคอมา
“ทางนี้ไอ้โง่” แคลร์ชูสร้อยคอที่ใส่เชื่อ ‘G-Virus’ ให้ ‘Mr.X’ ดูจนมันหันมาสนใจเธอแทน “เด็กดี” แคลร์พูดอย่างใจเย็นก่อนจะโยนสร้อยคอลงไปในบ่อหลอมละลาย “ไปเก็บมา”
เจ้าสัตว์ประหลาดตามสร้อยคอลงไปในบ่อหลอมอย่างว่าง่าย ขณะที่เชอร์รี่รีบวิ่งมาดูแม่ที่กำลังใกล้หมดลมหายใจ
“แม่ขอโทษที่แม่เป็นแม่ที่ไม่ดี ลูกจะให้อภัยแม่ได้ไหม” แอนเน็ตพูดกับลูกสาวด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี
“คุณแม่อย่าทิ้งหนูไป” เด็กน้อยร้องไห้
“หนีไปจงมีชีวิตรอด แม่คงส่งลูกได้เท่านี้” แอนเน็ตหมดลมหายใจต่อหน้าลูกสาว ขณะที่สถานทีวิจัยเริ่มจะทำลายตัวเองเพราะระบบขัดข้อง
“เราต้องรีบไปกันแล้ว” แคลร์อุ้มเชอร์รี่มาที่รถไฟที่ตอนนี้ต่อขบวนเรียบร้อย แต่ก่อนที่จะหนีออกมา ‘Mr.X’ เจ้าเก่าที่ตกบ่อหลอมเหลวยังไม่ตาย และมันก็วิวัฒนาการไปอีกขึ้นเพื่อมาฆ่าแคลร์
“ตายยากตายเย็นจริง ๆ “ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเริ่มขึ้น แคลร์ได้ใช้ปืนใหญ่ที่อยู่แถวนั้นยิงจนร่าง ‘Mr.X’ กลายเป็นเศษเนื้อ
“ไปลงนรกซะ” แคลร์รีบมาที่รถไฟเพื่อฉีดยาแก้ให้เชอร์รี่ขณะที่สถานีวิจัยใกล้ระเบิด
“ลีออนนายอยู่ไหน รถไฟจะออกแล้ว” แคลร์วิทยุหาลีออนขณะที่สถานวิจัยใกล้ระเบิดตัวเอง
“ฉันกำลังไป” ลีออนตอบขณะที่ตนเองกำลังยืนดูแคลร์ในห้องควบคุมผ่านกล้องวงจรปิด
“คำเตือน สถานวิจัยกำลังจะทำลายตัวเอง พนักงานทุกคนรีบอพยพไปจากที่นี่โดยด่วน คำเตือน” เสียงประกาศเตือนพร้อมนับเวลาถอยหลังเริ่มทำงาน
“ต้องรีบไปแล้ว” ลีออนรีบวิ่งไปที่รถไฟแต่ก่อนที่เขาจะไปถึงก็เจอกับวิลเลี่ยมอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์สี่ขาที่มีเขี้ยวเล็บซึ่งพร้อมจะกำจัดเป้าหมาย แต่ลีออนที่กำลังอยากหาอะไรระบายก็สามารถเอาชนะวิลเลี่ยมไปได้อย่างหวุดหวิด และรีบวิ่งขึ้นรถไฟที่กำลังวิ่งออกมาได้อย่างเฉียดฉิว
“เกือบไม่รอดแล้ว” ลีออนบอกกับตัวเองที่ขึ้นรถไฟได้ทันก่อนระเบิดสถานีวัจัยจะระเบิด
“ลีออน” แคลร์วิ่งมากอดลีออนด้วยความดีใจ
“จบเสียที” ลีออนบอกกับทุกคน
“มันยังไม่จบหรอกเพราะฉันต้องไปตามหาพี่ชายต่อ” แคลร์บอกด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่น
“ใช่เธอพูดถูกมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นตราบที่ ‘Umbrella’ ยังอยู่โลกนี้ก็ไม่ปลอดภัย” ลีออนบอกกับแคลร์
“ไงสาวน้อย” แคลร์เดินมาหาเชอร์รี่ที่เสียทั้งพ่อและแม่ไปในเหตุการณ์นี้
“หนูกลัว” เด็กน้อยพูดเสียงสั่น
“ไม่ต้องกลัวนะ เพราะเธอสวมเสื้อนำโชคของฉัน นางฟ้าจะคุ้มครองเธอเอง” แคลร์พูดยิ้ม ๆ และกอดกับเชอร์รี่
“เก่งมาเลยนะที่รอดมาได้” ลีออนชมแคลร์ “เธอด้วยสาวน้อย” ลีออนลูบหัวเชอร์รี่
“คุณก็ด้วย” แคลร์ยิ้มตอบ “เสียใจเรื่องผู้หญิงที่คุณจะไปช่วยด้วย” แคลร์ที่เห้นลีออนมาคนเดียวก็พอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ลีออนยิ้ม
และไม่ทันที่ทั้งสามคนจะสบายใจจู่รถไฟก็เกิดการสั่นสะเทือน
“คำเตือน ๆ มีชีวภาพปนเปื้อนรถไฟ ระบบฉุกเฉินจะทำการระเบิดขบวนรถไฟในอีกสามนาที” เสียงคำเตือนดังขึ้นจนแคลร์กับลีออนต้องรีบไปดูที่ท้ายขบวน
“พระเจ้า มันยังไม่ตาย” แคลร์อุทานออกมาเมื่อเห็นวิลเลี่ยมในร่างขนาดใหญ่มันวิวัฒนาการจนเกือบจะอมรถไฟได้ทั้งขบวนแล้วตอนนี้
แคลร์มีเวลาไม่ถึงนาทีในการกำจัดวิลเลี่ยม เพื่อไม่ให้มันมาถึงหัวขบวน เธออัดปืนทุกอย่างที่มีใส่ร่างสัตว์ประหลาดแต่มันกลับไม่เป็นอะไรเลย จนแคลร์ต้องหนีกลับมาที่หัวขบวนขณะที่วิลเลี่ยมก็ไล่ตามมา
“ลีออนเปิดประตูที” แคลร์ตะโกน
“ระบบมันปิดผมเปิดไม่ได้ คุณต้องปีนมาทางด้านบน” ลีออนตะโกนบอก “เชอร์รี่ไปหลบข้างหลังเร็วเข้า” เมื่อแคลร์ปีนไปเขาก็หันมาตะโกนบอกเชอร์
วิลเลี่ยมที่ตอนนี้พังประตูเข้ามาในหัวรถจักรพยายามจะกินทุกคนในนั้น
“ไม่ยอมตายง่าย ๆ จริง ๆ นะแก” แคลร์ที่ปีนมาด้านบนรถไฟก็พยายามไปที่ห้องคนขับโดยมีหนวดของลิลเลี่ยมไล่ตามมาติด ๆ
เชอร์รี่ที่กำลังรนรานก็เห็นช่องที่ตนเองสามารถลอดข้ามไปได้ เธอจึงเข้าไปถึงห้องควบคุมรถไฟ แต่เด็กน้อยไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหน ขณะที่แคลร์ก็มาถึงพอดีจึงบอกให้เชอร์รี่กดปุ่มหยุดรถฉุกเฉิน ขณะที่ลีออนก็ที่จวนตัวก็หนีออกมานอกรถไฟได้อย่างเฉียดฉิว
รถไฟหยุดทันทีเมื่อเชอร์รี่กดปุ่มทั้งสามคนจึงรีบวิ่งออกมาจากรถไฟทันที เพราะตอนนี้มันกำลังจะระเบิดตัวเองในอีกไม่กี่นาที ขณะที่ตัวของวิลเลี่ยมก็เริ่มกลืนหัวขบวนรถไฟ
“3 2 1 “ เสียงระเบิดดังกึ่งก้องขณะที่ทั้งสามคนวิ่งออกมาจากอุโมงค์ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“รอดแบบเฉียดฉิวเหมือนในหนังเลยว่าไหม” ลีออนพูดติดตลกกับเชอร์รี่
“ไม่หนูเคยเห็นในทีวีพระเอกไม่รอด” เชอร์รี่บอก
ทั้งสามคนยืนดูซากของรถไฟที่ไหม้ไฟ ส่งวิลเลี่ยมในร่างสัตว์ประหลาดให้เละเป็นเศษเนื้อในอุโมงค์ของรุ่งเช้าของวันใหม่ แต่ภายในเมืองยังคงวุ่นวายเพราะเหล่าซอมบี้ยังเดินไปมา ที่ตอนนี้สื่อต่าง ๆ ทั่วโลกน่าจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
“ไปกันเถอะ เรายังมีงานต้องทำ” ลีออนบอกกับเชอร์รี่และแคลร์
“ใช่ฉันต้องไปตามหาพี่ชาย” แคลร์บอก
“ส่วนฉันก็จะไปทำลาย ‘Umbrella’ ให้สิ้นซากลีออนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทั้งสามคนเดินจับมือในรุ่งเช้าอันสดใส ทิ้งความเลวร้ายที่เป็นยิ่งกว่านรกเอาไว้เบื้องหลัง
จบเรื่องราว ‘Resident Evil 2’
ก็จบกันไปแล้วกับนิยายเรื่องสั้น ‘Resident Evil 2’ หวังว่าจะถูกใจกัน โดยต้องบอกก่อนว่าเนื้อหาหลาย ๆ ส่วนผู้เขียนได้ดัดแปลงไปบ้าง เพราะต้นฉบับในเกมนั้นมีบทพูดที่ค่อนข้างแข็งรวมถึงเหตุการณ์ที่ไม่เชื่อมโยง จนผู้เขียนต้องดัดแปลงเนื้อหาให้เข้ากับบทของนิยาย รวมถึงการเสริมเพิ่มเติมแต่งบทพูดใหม่ให้เข้ากับตัวนิยาย โดยอ้างอิงจากตัวเกม ‘Resident Evil 2 Remake’ มาเป็นต้นแบบ และในช่วงท้ายผู้เขียนได้ดัดแปลงเนื้อเรื่องใหม่ เพราะในเนื้อเรื่องของแคลร์ B ที่ได้อ่านนั้นตัวเชอร์รี่จะไม่ติดเชื้อ ‘G-Virus’ ผู้เขียนจึงเปลี่ยนเนื้อหาให้เข้ากับเรื่องราวหลัก แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหาเกมโดยรวมไป ซึ่งถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมาด้วย ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว