ถ้าใครที่ติดตามข่าวสารวงการเกมการ์ตูนมาตลอด จะทราบดีว่าช่วงนี้จะมีข่าวการเอาเกมการ์ตูนมาทำเป็นภาพยนตร์ไม่ก็ซีรีส์ ที่มีการเปิดเผยข้อมูลพร้อมรูปที่ปล่อยออกมามากมาย อย่าง ‘One Piece’ หรือ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ที่สร้างกระแสอยู่ในตอนนี้ และหนึ่งในนั้นก็มีอีกหนึ่งเกมที่ถูกประกาศสร้างเป็นซีรีส์คนแสดง ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการถ่ายทำออกมาตลอดแต่บ้านเราไม่ค่อยพูดถึงกัน นั่นก็คือซีรีส์ที่สร้างจากเกมอย่าง ‘The Last of Us’ ที่ตั้งแต่ประกาศตัวนักแสดงนำออกมาก็สร้างกระแสพูดคุยอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงความไม่เหมาะสมกับตัวนักแสดงที่ไม่ค่อยเหมือนในเกมอย่างที่แฟน ๆ คาดหวัง ก่อนที่กระแสนั้นจะค่อย ๆ จางหายไปในบ้านเรา แต่ถ้าใครที่ติดตามข่าวเกมในต่างประเทศจะได้เห็นความคืบหน้าของซีรีส์ที่ถูกเปิดเผยออกมาเป็นระยะ จนถึงตอนนี้ตัวซีรีส์ก็ถ่ายไปจนเกือบเสร็จแล้ว เราจึงรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจของซีรีส์ ‘The Last of Us’ นี้มาให้ได้อ่านกัน มาดูกันว่าตัวซีรีส์นี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างมาดูไปพร้อมกันเลย
เนื้อเรื่องในเกม The Last of Us
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาเรามาทบทวนเรื่องราวในเกม ‘The Last of Us’ ภาคแรกก่อนว่ามันเป็นอย่างไร เพื่อว่าผู้อ่านบางคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนจะได้เข้าใจเรื่องเนื้อหาหลักของเกมไปด้วยกัน โดยเรื่องราวของเกม ‘The Last of Us’ จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนปี 2013 ที่จู่ ๆ ผู้คนก็เกิดบ้าคลั่งไล่กินคนเหมือนซอมบี้ โจเอล มิลเลอร์ (Joel Miller) คือหนึ่งในคนที่พยายามเอาชีวิตรอดในคืนนรกนั้น แต่ด้วยความเข้าใจผิดของทหารจึงทำให้ลูกสาวของโจเอลเสียชีวิต วันเวลาผ่านไปหลายปีหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นโจเอลที่ผ่านโลกที่โหดร้ายมาก็ทำให้เขากลายเป็นคนที่เย็นชาไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเอง จนวันหนึ่งเขาได้รับหน้าที่ในการพาตัวเด็กผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวที่เสียชีวิตในวันนั้น เพื่อไปสกัดยารักษาโรคซอมบี้หัวเห็ด เพราะเธอนั้นถูกซอมบี้กัดแต่ไม่ติดเชื้อ แต่การเดินทางข้ามประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งสองคนจึงต้องพบเจออะไรมากมาย ทั้งกลุ่มคนที่มีทั้งคนดีคนเลวไปจนถึงเหล่าซอมบี้หัวเห็ดที่ดุร้าย ซึ่งใครที่เคยเล่นเกมมาแล้วเราคงจะทราบเป็นอย่างดีว่ามันต้องเป็นอย่างไร ส่วนใครที่ไม่เคยเล่นก็ขอแนะนำให้รอดูในซีรีส์ไปเลย เพราะคิดว่าตอนจบคงเป็นแบบเดียวกันอย่างแน่นอน ซึ่งความสนุกของเรื่องราวนี้คือการเดินทางของทั้งคู่ที่พบเจอเรื่องราวมากมายจนคุณต้องหลงรักสองคนนี้อย่างแน่นอน
เนื้อเรื่องในซีรีส์ที่ถูกเปิดเผย
คราวนี้มาดูเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นในซีรีส์ ‘The Last of Us’ กันบ้าง จากข้อมูลบอกว่าเนื้อเรื่องในซีรีส์จะดำเนินไปเหมือนกับตัวเกม ที่ตอนแรกจะเล่าเรื่องราวของวันที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ก่อนจะตัดมาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น 20 ปีหลังจากอารยธรรมสมัยใหม่ถูกทำลายด้วยซอมบี้ โจเอลได้รับการว่าจ้างให้ลักลอบพาตัว เอลลี (Ellie) เด็กหญิงอายุ 14 ปี ออกจากเขตกักกันของทหาร ที่ทั้งคู่ต้องเดินทางข้ามสหรัฐอเมริกาเพื่อไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นโครงเรื่องแบบเดียวกับที่เราได้อธิบายไปในข้างต้น แต่ในข้อมูลยังเปิดเผยอีกว่าตัวซีรีส์จะเล่าเนื้อหาเพิ่มเติมจากในเกมลงไป เพื่อเป็นการขยายเนื้อเรื่องให้คนที่เล่นเกมรู้จักจักรวาลของเกมมากขึ้น โดยผู้ร่วมสร้างซีรีส์อย่าง เคร็ก มาซิน (Craig Mazin) ยังบอกเป็นนัยว่าซีรีส์ ‘The Last of Us’ ของ ‘HBO’ อาจเป็นเวอร์ชันที่ชัดเจนกว่าของเรื่องราวของเกม เพราะเราจะขยายเนื้อหาที่มีในเกมให้เห็นภาพมากขึ้น แต่เราจะไม่ไปเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของเกมแบบที่เรื่องอื่น ๆ ทำ เพราะโครงเรื่องของเกมนี้แข็งแรงอยู่แล้วทางเราพียงแค่เพิ่มและขยายสิ่งต่าง ๆ ให้เห็นภาพชัดขึ้น มากกว่าการเป็นเพียงบทพูดของตัวละครในเกม ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่ทีมงานบอกเราคงได้เห็นเรื่องราวที่ตรงในเกมกับเนื้อหาที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างแน่นอน
กว่าจะมาเป็นซีรีส์ The Last of Us
ถ้าใครที่ติดตามข่าวสารวงการเกมมาตลอด น่าจะพอจำได้ว่าในช่วงที่เกม ‘The Last of Us’ ภาคแรกวางจำหน่ายและกำลังโด่งดัง เคยมีข่าวว่าผู้อำนวยการสร้างเกมอย่าง นีลดรัค แมนน์ (Neil Druckmann) ได้ทำสัญญากับ ‘Sony’ โดยมี แซม ไรมิ (Sam Raimi) ผู้กำกับชื่อดังในยุคนั้นให้มากำกับภาพยนตร์จากเกมเรื่องนี้ แต่ด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่างจึงทำให้ ‘Sony’ ยกเลิกสัญญานี้ไป จนในเดือนมีนาคม 2020 ก็มีการประกาศการสร้างซีรีส์จากเกม ‘The Last of Us’ โดยทาง ‘HBO’ ที่เริ่มเปิดกล้องในเดือนมิถุนายน 2020 แต่ด้วยปัญหาโรคระบาดจึงทำให้ทุกอย่างถูกเลื่อนออกไป พร้อมกับการหาคนมาเขียนบทกำกับรวมถึงฝ่ายออกแบบทีมผลิตประกอบด้วยผู้กำกับศิลป์ 5 คนและช่างเทคนิคหลายร้อยคน ที่ต้องเตรียมการอย่างยาวนานกว่าจะเริ่มถ่ายทำในประเทศแคนาดา โดยการถ่ายทำซีรีส์เริ่มขึ้นในเมืองคาลการีรัฐอัลเบอร์ตาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2021 ซึ่งตอนนี้ขั้นตอนในการถ่ายทำครบหมดแล้วเหลือเพียงกระบวนการตัดต่อเท่านั้น อีกไม่นานเราก็จะได้ดูซีรีส์นี้แล้ว
การเขียนบทซีรีส์ที่ต่างกับภาพยนตร์และเกม
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนก็คงจะรู้สึกหวั่นใจเล็ก ๆ ว่าแม้เนื้อเรื่องจะอ้างอิงในเกม แต่เนื้อหาหลัก ๆ อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงจนผิดเพี้ยนไปก็ได้ ดูได้จากประสอบการณ์การชมภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกมตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่มันจะไม่ใช่กับซีรีส์นี้เพราะคนเขียนบทซีรีส์นี้ในครั้งนี้ก็คือตัวนีลที่เป็นผู้ให้กำเนิดเกมซีรีส์นี้มานั่งแท่นเขียนบท ไปพร้อมกับ เคร็ก มาซิน (Craig Mazin) ที่มีผลงานเด่นอย่างการเขียนบทซีรีส์ ‘Chernobyl’ ที่แสดงถึงความหดหู่สิ้นหวังที่ใครซึ่งเคยได้ดูมาแล้วต่างยกนิ้วให้ในความน่ากลัวสิ้นหวังจากซีรีส์นี้ แถมทั้งคู่ยังเคยร่วมงานกันเขียนบท ‘The Last of Us 2’ มาแล้ว จึงรับประกันได้เลยว่าเนื้อเรื่องในคราวนี้จะไม่หลุดไปจากเกม แถมยังขยายความในส่วนที่เกมไม่ได้เล่าเพิ่มไปอีกด้วย เป็นแบบนี้หลายคนอาจจะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที(รึเปล่า)
ซอมบี้ในซีรีส์กับเกม
แน่นอนว่าจุดเด่นสำคัญสำหรับซีรีส์ ‘The Last of Us’ ก็คือเหล่าซอมบี้หัวเห็ด ที่ในเกมนั้นจะมีระบบการติดเชื้อรวมถึงตัวซอมบี้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้ที่เพิ่งติดเชื้ออย่าง ‘Runners’ ที่ดูเหมือนคนบ้าคลั่งในภาพยนตร์ ‘28 Days Later’ ไปจนถึง ‘Clickers’ ซอมบี้ที่ทั้งหัวกลายเป็นเห็ดที่ใช้การสะท้อนเสียงในการจับเหยื่อ ที่คนเล่นเกมนี้มาแล้วจะรู้ถึงความน่ากลัวของซอมบี้เหล่านี้ดี และนี่ก็เป็นเพียงแค่สองแบบจากทั้งหมดในเกมที่เราจะได้เห็น ในซีรีส์เราจะได้เห็นมากกว่านี้แน่นอน แถมซอมบี้แต่ละตัวก็ยังมีรูปร่างหัวเห็ดที่ต่างกัน ซึ่งทีมงานที่มาดูแลในเรื่องนี้ก็คือ แบร์รี่ โกเวอร์ (Barrie Gower) ช่างแต่งหน้าชื่อดังที่ฝากพลงานการแต่งหน้าซอมบี้มาแล้วจากซีรีส์ ‘Game of Thrones’ แถมยังได้ทีมงานที่ดูแลเรื่องราวซอมบี้ในเกมมาดูการจัดท่าทางเสียงร้องตามที่มันควรจะเป็นอีก ที่แม้ตอนนี้เรายังไม่เห็นรูปซอมบี้ในซีรีส์ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เมื่อดูจากผลงานของทีมงานแล้วก็รับประกันได้เลยว่าว่าซอมบี้ในเกมนี้ต้องออกมาหลอนสมจริงอย่างแน่นอน
นักแสดงหลักในซีรีส์
เชื่อว่าหลายคนอาจจะรู้จักชื่อของสองนักแสดงหลักอย่าง เปโดร ปาสกาล (Pedro Pascal) และ เบลล่า แรมซีย์ (Bella Ramsey) แล้ว เพราะทั้งคู่นั้นเป็นนักแสดงจากซีรีส์ชื่อดังอย่าง ‘Game of Thrones’ ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคย แต่ถ้ายังคิดไม่ออกก็มีซีรีส์อย่าง ‘The Mandalorian’ ที่เปโดรแสดงนำ กับการรับบทโจเอลที่เรียกว่าเหมือนจนน่าแปลกใจ ขณะที่เบลล่านั้นอาจจะถูกกังขาในแง่ของความเหมือนกับตัวละครเอลลี่ในเกม แต่ฝีมือการแสดงนั้นเรียกว่าจัดจ้านมาก ๆ จึงรับประกันได้เลยว่านิสัยการพูดมากปากจัดต้องจัดเต็มแน่นอน นอกจากนี้ก็มีตัวละครที่ถูกเปิดเผยออกมาอย่าง กาเบรียล ลูน่า (Gabriel Luna) รับบทเป็น ทอมมี่ (Tommy) น้องชายของโจเอล เมิร์ล แดนดริดจ์ (Merle Dandridge) รับบทเป็น มาร์ลีน (Marlene) หัวหน้ากลุ่ม ‘Fireflies’ ที่ในเกมนั้นเธอก็เป็นคนให้เสียงตัวละครนี้คราวนี้เธอจะได้มารับบทนี้เองอีกด้วย และ แอนนา ทอร์ฟ (Anna Torv) รับบทเป็น เทส (Tess) คู่หูของโจเอลในการเดินทางช่วงแรก ที่เมื่อดูจากภาพนักแสดงกับในเกมแล้วบอกได้เลยว่าเหมือนมาก ๆ เพราะการคัดเลือกนักแสดงนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากนีลเพื่อให้ตัวละครเหมือนในเกมที่สุด คงต้องมารอดูว่าจะเหมือนขนาดไหนตอนซีรีส์ฉาย
ตัวละครสมทบที่ถูกเปิดเผยออกมา
นอกจากตัวละครหลักที่เราจะได้เห็นแล้วยังมีตัวละครสมทบที่ถูกเปิดเผยออกมา อย่าง นีโก พาร์กเกอร์ (Nico Parker) ในบทของ ซาราห์ (Sarah) ลูกสาวของโจเอลที่เสียชีวิตในช่วงต้นเกม นอกจากนี้ก็มีอีกสองตัวละครสำคัญที่เราจะได้เจอในเกมอย่าง คอน โอนีลล์ (Con O’Neill) ที่รับบทเป็น บิล (Bill) นักขนของเถื่อนเพื่อนของโจเอลที่อาศัยอยู่กับเพื่อนในเมืองร้างในช่วงต้นเกมที่โจเอลและเอลลี่ไปเจอ กับอีกหนึ่งตัวละครที่กว่าเราจะได้เจอเขาในเกมตัวละครนี้ก็เสียชีวิตไปแล้ว อย่าง แฟรงก์ (Frank) คู่หูคู่ขาของบิลที่รับบทโดย เมอร์เรย์ บาร์ทเล็ตต์ (Murray Bartlett) ที่คาดว่าเราจะได้เห็นเรื่องราวในอดีตของโจเอลกับเทสที่เคยร่วมทำธุรกิจกับบิลและแฟรงก์ ก่อนที่ทั้งสี่คนจะแยกทางกันซึ่งในเกมบอกเราแค่เพียงว่าทั้งคู่นั้นติดหนี้โจเอลเอาไว้ คราวนี้โจเอลจึงมาทวงบุญคุณที่ติดค้าง (ไม่ใช่การขอความช่วยเหลือ) โดยการให้เขาช่วยหารถในการเดินทาง ซึ่งจะเป็นหนึ่งในฉากสำคัญของซีรีส์ตอนหนึ่งเลยทีเดียว
เรื่องราวในซีรีส์จะไปถึงตรงไหนของเกม
จากข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาตัวซีรีส์ ‘The Last of Us’ จะมีทั้งหมด 10 ตอน ซึ่งทางทีมงานก็ไม่สามารถบอกเราได้ว่าใน Season แรกนั้นตัวเรื่องวจะดำเนินไปถึงตรงไหนของเกม(น่าจะรู้แต่ไม่บอก) แต่ทางทีมงาน ‘HBO’ บอกว่าอยากจะทำซีรีส์นี้ให้ถึง 8 Season ซึ่งถ้านับเฉพาะเรื่องราวในเกมก็ไม่น่าจะไปถึง 8 Season ที่มีกว่า 80 ตอนได้ แต่ถ้าเอาเนื้อเรื่องของเอลลี่โจเอลและคนอื่น ๆ มาขยาย ว่าก่อนที่ทั้งหมดจะเจอกันได้ผ่านและเจออะไรมาบ้าง ที่ภาษาภาพยนตร์เรียกว่าการเล่าเรื่องแบบย้อนอดีตที่ซีรีส์มักจะทำ ถ้าทำแบบนั้นความยาวของซีรีส์ก็อาจจะพอก็ได้ และถ้าให้เดาว่า Season แรกของ ‘The Last of Us’ จะดำเนินไปถึงไหน เมื่อดูจากรายชื่อนักแสดงหลักแล้วคิดว่าซีรีส์ Season แรกน่าจะจบลงที่โจเอลและเอลลี่ได้รถมาจากบิลที่ใช้ในการเดินทาง ซึ่งกว่าจะได้รถนั้นทั้งหมดต้องฝ่าฟันสิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการต่อสู้กับซอมบี้ตัวใหญ่อย่าง ‘Bloater’ ซอมบี้ร่างใหญ่ที่ผ่านการติดเชื้อมาหลายปีจนมีเกราะหนากว่าซอมบี้หัวเห็ดทั่วไป(รูปประกอบด้านล่าง) ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นจุดเด่นสำคัญให้ตอนท้ายของ Season แรกได้ เพราะในช่วงต่อไปจากนี้ก็จะเข้าสู่เนื้อหาใหม่ของตัวละครชุดใหม่ที่เป็นการจบ Season ที่ลงตัวที่สุด (เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น)
เรื่องราวอาจจะปูทางไปยัง The Last of Us 2
ในตอนนี้แม้เราจะยืนยันไม่ได้ว่าซีรีส์ ‘The Last of Us’ จะประสบความสำเร็จรึไม่ แต่ทางทีมพัฒนาคนเขียนบททุกคนต่างวางโครงการสำหรับซีรีส์ที่ใช้เนื้อเรื่องในภาคที่ 2 เอาไว้แล้ว ซึ่งจากข้อมูลบอกว่าทีมงานที่เขียนบทพยายามอ้างอิงสิ่งต่าง ๆ ในซีรีส์ให้มันเชื่อโยงกับในเกม ‘The Last of Us 2’ ที่ถูกสร้างมาแล้ว ทั้งความสัมพันธ์ของตัวละครรอยร้าวที่เกิดขึ้นระหว่างโจเอลกับทอมมี่ที่อยู่ระหว่าง 20 ปีก่อนเหตุการณ์ในเกมภาคแรก รวมถึงช่องว่างระหว่างเกมภาคที่ 1 กับ 2 ที่ในเกม ‘The Last of Us 2’ ไม่ได้เล่าเอาไว้ที่มีช่องว่างมากมายให้ใส่ แถมยังสามารถสร้างตัวละครใหม่เพื่อใส่ในเนื้อเรื่องช่วงที่เกมไม่ได้พูดถึง หรือเอาส่วนที่เกมพูดมาสร้างเป็นตอนต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งถ้าทำดี ๆ อาจจะยิงยาว ๆ ได้หลาย Season แบบที่ ‘The Walking Dead’ ทำได้เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอเสียงตอบรับในซีรีส์แรกก่อนว่าจะถูกใจแฟน ๆ ขนาดไหน
จากความผิดหวังมาสู่ความคาดหวังของแฟน ๆ
ปิดท้ายกับสิ่งที่เรียกว่าความคาดหวังของแฟน ๆ ที่จากประสบการณ์ของคนที่ได้ชมภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกม ส่วนมากจะเจอแต่เรื่องราวที่ไม่ตรงกับในเกมต่าง กับในซีรีส์ที่มีเวลาในการเล่าเรื่องเยอะกว่า เราจึงอาจจะได้เห็นเรื่องราวที่ถูกเล่าแบบละเอียดตรงตามในเกมก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเราจะยกตัวอย่างซีรีส์ที่สร้างมาจากเกมอย่าง ‘The Witcher’ ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเอาจริง ๆ ตัวซีรีส์ไม่ได้สร้างมาจากเกมแต่สร้างมาจากนิยายเป็นหลัก แต่เมื่อได้ดูข้อมูลทั้งหมดจากที่ผ่านมาเราก็พอจะวางใจได้หลายส่วน ว่าตัวซีรีส์ ‘The Last of Us’ จะยังคงเคารพต้นฉบับเกมแบบครบถ้วน แต่อาจจะมีการเพิ่มเติมรายละเอียดต่าง ๆ ลงไปเพื่อขยายเนื้อหาที่เกมไม่ได้เล่า ซึ่งต่างกับภาพยนตร์ที่ต้องรีบเล่ารีบจบจึงต้องตัดทุกอย่างที่มีออกไป ต่างกับซีรีส์ที่ต้องหาเนื้อเรื่องมาเพิ่ม และสิ่งที่เพิ่มมาก็จะเชื่อมโยงกับกับเกมภาค 2 ที่ออกมาแล้วยิ่งทำให้เราคาดหวังได้มากขึ้นไปอีก
เป็นอย่างไรกันบ้าง 10 เรื่องราวความคืบหน้าของซีรีส์ ‘The Last of Us’ ที่เราหยิบยกมานำเสนอ หวังบทความนี้จะทำให้ใครหลายคนที่เพิ่งผิดหวังกับภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ มาจะได้มีความหวังมากขึ้นกับซีรีส์ ‘The Last of Us’ ในคราวนี้ เพราะคราวนี้ทางทีมพัฒนาซีรีส์ได้ร่วมมือกับทีมพัฒนาเกมในการสร้าง จึงรับประกันได้เลยว่าซีรีส์นี้ต้องไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง และถ้ามีความคืบหน้าเกี่ยวกับซีรีส์นี้เราจะรีบมารายงานให้ทราบทันที ยังไงก็ติดตามกันได้ที่แบไต๋นี่ที่เดียว รับรองไม่พลาดทุกข่าวสารในวงการเกมแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส