คุณเคยอ่านนิยายหรือเคยดูภาพยนตร์เรื่อง ‘Ready Player One’ กับ ‘The Matrix’ บ้างไหม ที่ในเรื่องเราจะได้เข้าไปในโลกเสมือนจริงที่สามารถจะใช้ชีวิตพูดคุยเดินเล่น หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้แบบในภาพยนตร์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูเกินจริงมาก ๆ ในตอนนั้น แต่ล่าสุดความฝันนั้นก็เริ่มเป็นจริงเมื่อมีข่าวการเปิดตัวของระบบ ‘Metaverse’ ที่เหมือนในภาพยนตร์ 2 เรื่องนี้ ที่มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนอกจากการเอาไว้พูดคุยเดินเล่นในโลกเสมือนจริงแล้ว เรายังสามารถหลุดเข้าไปในเกมหรือภาพยนตร์ต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริงมันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร โดยเราจะขอคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าถ้าอนาคตมันเกิดขึ้นได้จริงจะเป็นอย่างไรผ่านบทความนี้ เพื่อว่าในอนาคตเมื่อระบบนี้เกิดขึ้นแล้วและเรามาได้ย้อนมาอ่านบทความนี้ย้อนหลัง จะได้รู้กันว่าสิ่งที่อยู่ในบทความนี้จะเกิดขึ้นได้จริงขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปมโนไปพร้อมกันเลย
Resident Evil ทั้งเกมและภาพยนตร์
เริ่มต้นเรื่องแรกถ้าระบบ ‘Metaverse’ เกิดขึ้นได้จริง ๆ เกมแรกที่บ้านเราคงอาจจะเล่นกันมากที่สุด ก็น่าจะเป็นเกมซีรีส์ ‘Resident Evil’ ทุกภาค เพราะการหนีตายซอมบี้เป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะแค่การเล่นเกมได้ควบคุมตัวละครในเกมแบบมุมมองบุคคลที่ 1 อย่างในเกมภาค 7 มันดูสมจริงมาก ๆ ก็ตาม แต่ถ้าเป็นระบบ ‘Metaverse’ จะต่างออกไป เพราะเราจะกลายเป็นตัวละครที่ยืนอยู่ในเกมได้เดินสำรวจด้วยขาตัวเอง ที่คล้ายกับ ‘Resident Evil 4 VR’ ที่แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว เพราะทุกย่างก้าวของเราจะเต็มไปด้วยความสยองที่สมจริงยิ่งกว่าเล่นเกมทั่วไป หรือถ้าคุณไม่ชอบความสยองก็สามารถเลือก ‘Resident Evil’ แบบภาค 4 ถึง 6 ไปจนถึงการเล่นแบบภาพยนตร์ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะถ้าคุณได้เล่นเป็นผู้มีพลังพิเศษแบบในภาพยนตร์ ที่สามารถกระโดดยิงต่อยเตะซอมบี้ได้มันก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งถ้าใครคิดภาพไม่ออกก็ให้คิดถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Ready Player One’ ที่เหล่าตัวเอกต้องเข้าไปในภาพยนตร์สยองขวัญ ที่สามารถเดินไปมาในฉากของภาพยนตร์ได้ ที่แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว
โลกแห่งอาชญากรภาพยนตร์ Free Guy กับเกม Grand Theft Auto
‘Free Guy’ คืออีกหนึ่งภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาคล้ายกับระบบ ‘Metaverse’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นมากที่สุด เมื่อเราสามารถเข้าไปอยู่ในโลกของเกม ที่สามารถปล้นธนาคาร ฆ่าตัวละคร NPC ไปจนถึงผู้เล่นคนอื่นตามถนน ไปจนถึงการขับรถเที่ยว หรือจะไประเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบในเกมซีรีส์ ‘Grand Theft Auto’ ก็ทำได้ โดยที่คนเล่นเกมจะต้องสวมแว่นตาเพื่อเข้าไปในโลกของเกมนั้น ทีนี้เราก็สามารถทำภารกิจ หรือจะแค่ขับรถเล่นไล่ยิงคนหนีตำรวจแบบในเกม ‘GTA’ ได้แล้ว (ในภาพยนตร์ก็เป็นแบบนั้น) โดยตัวละครที่อยู่ในเกมนั้นอาจจะเป็นตัวเราไปเลย หรือจะเป็นตัวละครที่เราสร้างขึ้นมาแบบในเกม ‘GTA Online’ ก็ได้ ซึ่งถ้าใครคิดภาพไม่ออกก็ให้ไปดูตัวอย่างภาพยนตร์ ‘Free Guy’ ได้ (ตัวหนังฉายในโรงภาพยนตร์ไปแล้ว) และ ‘GTA’ ภาคที่ควรเอามาทำในระบบนี้มากที่สุดก็คงจะเป็นภาคไหนไปไม่ได้นอกจาก ‘GTA V’ ในชื่อภาคว่า ‘Grand Theft Auto V Metaverse’ แน่นอน
จับ Pokemon
ย้อนกลับไปในช่วงที่เกม ‘Pokemon GO’ปล่อยออกมาให้คนทั่วโลกได้เล่น ตอนนั้นมันคืออะไรที่น่าสนใจมาก ๆ กับการเดินไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อไปจับ ‘Pokemon’ มาเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ แต่ถ้ามีระบบ ‘Metaverse’ ความฝันที่เราจะได้เดินคู่ไปกับเหล่า ‘Pokemon’ แบบ ซาโตชิ (Satoshi) ในการ์ตูนหรือในภาพยนตร์ ‘Pokemon Detective Pikachu’ ก็ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป โดยตัวระบบ ‘Metaverse’ สามารถให้คุณเข้าไปในโลกของเกม หรือจะให้โลกของเรามีเหล่า ‘Pokemon’ ก็ได้ ทีนี้คุณก็สามารถเดินทางไปข้างนอกบ้าน พอเจอคนอื่นที่เล่นเกมเดียวกันก็สามารถมาท้าสู้กันได้ ให้คิดภาพ ‘Pokemon GO’ ที่พัฒนาไปอีกระดับ ที่สามารถเรียก ‘Pokemon’ ออกมาต่อสู้แบบในการ์ตูนกับเกมก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป ลองคิดถึงตัวคุณและเพื่อน ๆ รวมเดินทางไปยังถ้ำที่มี ‘Pokemon’ ในตำนานหลับใหลอยู่ ก่อนที่คุณและเพื่อน ๆ จะเรียก ‘Pokemon’ ที่ตนเองฝึกไว้ออกมาสู้ ที่แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว
เกม Open World โลกหลากหลายแบบสำหรับสายท่องเที่ยว
เอาใจสายชอบท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ กันบ้าง ซึ่งเมื่อมีระบบ ‘Metaverse’ เกิดขึ้นการท่องเที่ยวในโลกแห่งความเป็นจริงคงจะน่าเบื่อไปในทันที เพราะเมื่อเราเข้ามาในโลกของ ‘Metaverse’ คุณสามารถไปเที่ยวได้ทุกที่ในโลก เหมือนเราเข้าไปใน ‘Google Street View’ แต่แทนที่เราจะแค่กดดูรูปหน้าคอม แต่เราสามารถลงไปเดินเที่ยวซึมซับบรรยากาศได้แบบสมจริงทุกที่ในโลก ทั้งบนท้องฟ้า ในน้ำ บนอวกาศก็สามารถไปได้ และเมื่อระบบเข้ากับเกมแนว ‘Open World’ อย่าง ‘Assassin’s Creed’ เราก็จะได้ย้อนเวลาไปในโลกอดีตที่สมจริง เพื่อไปดูเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย หรือจะเป็นเกมแนวแฟนตาซีโลกอนาคตที่ล่มสลาย ไปจนถึงโลกอนาคตแบบในเกม ‘Cyberpunk 2077’ ก็ได้ ทีนี้คุณก็ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาเดินทาง แค่อยู่บ้านและเปิดระบบ ‘Metaverse’ ทีนี้คุณก็สามารถไปได้ทุกที่ในโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการได้แบบไม่มีเบื่อ แถมยังชวนเพื่อน ๆ จากต่างที่มาเดินเล่นจีบกันก็ได้ นับเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก ๆ และมันอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
เกมแนว Survival Horror
ในอนาคตเมื่อมีระบบ ‘Metaverse’ ออกมา หนึ่งในแนวเกมที่คนอยากเล่นและต้องการเข้าไปรวมมากที่สุด ต้องเป็นเกมแนวเกมแอ็กชันสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่เรียกว่า ‘Survival Horror’ ที่เราและเพื่อน ๆ ต้องร่วมมือกันทำภารกิจ อย่างในเกม ‘Dead by Daylight’ หรือ ‘Home Sweet Home Survive’ ซึ่งแทนที่เราจะได้เล่นเป็นตัวละครอื่น แต่เราจะได้เล่นเป็นตัวเองที่ต้องวิ่งเองปั่นไฟสวดมนต์เอง แบบนั้นคงจะน่าสนใจไม่น้อย หรือถ้าเราไม่อยากเอาหน้าตัวเองไปอยู่ในเกม ก็สามารถใช้ตัวละครที่เกมมีให้เพื่อเอาชีวิตรอดก็ได้ หรือเราจะเล่นเป็นฝ่ายผู้ล่ารับรองว่าต้องน่าสนใจแบบสุด ๆ เพราะแค่นั่งกดอยู่หน้าทีวีก็สนุกตื่นเต้นแล้ว แต่ถ้าเราไปอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ผ่านระบบ ‘Metaverse’ จะยิ่งตื่นเต้นชวนระทึกกว่าเดิมขนาดไหน
เกมแข่งรถ
อีกหนึ่งแนวเกมที่ต้องได้รับความนิยมมาก ๆ แน่ นั่นคือเกมแนวแข่งรถ ที่เราจะสามารถเข้าไปนั่งในห้องคนขับ ได้จับพวงมาลัยจับคันเกียร์ได้เหมือนนั่งอยู่ในห้องคนขับจริง ๆ ซึ่งถ้าจะเล่นเกมแนวนี้คงต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความสมจริงในการเล่น แต่เมื่อได้ลองรับลองว่าหลายคนต้องชื่นชอบแน่นอน เพราะการขับรถแข่งด้วยความเร็วในสนามนั้นมันคือความสนุกที่ต่างกับการขับรถจริง ที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุในเกมเราก็แค่เริ่มต้นเล่นใหม่ที่ชีวิตจริงไม่สามารถทำได้ หรือจะเป็นเกมแข่งรถแนวแฟนตาซีแกล้งกันอย่างซีรีส์ ‘Mario Kart’ ที่เล่นกับเพื่อน ๆ ในสนามเดียวกันแค่คิดก็น่าสนใจแล้ว และในอนาคตอาจจะมีการแข่งรถในเกมแบบจริงจังก็ได้ใครจะรู้
เกมภาพยนตร์สงคราม
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงสงครามคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นจริง แต่ในโลกของวิดีโอเกมแล้วสงครามคือสิ่งที่เราขาดไม่ได้ ยิ่งถ้ามีระบบ ‘Metaverse’ ที่ให้เราและเพื่อน ๆ ได้เข้าไปอยู่ในสงครามที่สมจริง อย่างเกมในซีรีส์ ‘Call of Duty’ หรือ ‘Battlefield’ จะน่าสนใจขนาดไหน ซึ่งตามข่าวบอกว่าในอนาคตจะมีชุดเอาไว้สวม เพื่อให้เรารับรู้แรงสัมผัสการสั่นสะเทือนเมื่ออยู่ในเกมนั้น ๆ คราวนี้เราคงจะได้รู้สึกถึงการถูกยิง (แต่คงไม่เจ็บ) และนอกจากชุดที่สวมแล้วคงจะต้องมีอุปกรณ์เสริมอย่างปืนแบบต่าง ๆ เพิ่มเข้ามา เพื่อความสมจริงในการเล่นมากยิ่งขึ้น หรือถ้าคุณไม่ชอบสงครามแบบสมจริงก็มีสงครามอวกาศแบบ ‘Star Wars Battlefront 2’ คงทำให้การเล่นเกมออนไลน์แบบเดิม ๆ กลายเป็นของตกยุคไปในทันทีเมื่อเจอแบบนี้
เกมต่อสู้
เมื่อพูดถึงเกมต่อสู้ที่จะไปอยู่ในระบบ ‘Metaverse’ หลายคนคงจะคิดไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเชื่อว่าหลายคนคงจะคิดภาพไม่ออกว่าตัวเราที่ขยับได้แค่เตะ ๆ ต่อย ๆ จะไปทำท่าต่อสู้แบบในเกมได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนั้นได้ถูกแก้ไขไปเรียบร้อยแล้วในเกมบนเครื่อง ‘Nintendo Switch’ อย่างเกม ‘ARMS’ เกมชกมวยแฟนตาซีที่เราต้องขยับแขนเพื่อต่อยศัตรู ด้วยตัวควบคุมของ ‘Nintendo Switch’ ส่วนท่าพิเศษต่าง ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อค่าพลังถึงกำหนด เราจะสามารถใช้ท่าพิเศษที่เราขยับตามไม่ได้ ซึ่งถ้าระบบ ‘Metaverse’ นำมาใช้คงจะทำให้ง่ายขึ้นกับเกมแนวนี้ คราวนี้เกมต่อสู้ที่เราจะได้ขยับตัวเองก็จะเป็นจริง ซึ่งนอกจากความสนุกแล้วยังได้การออกกำลังกายด้วย แค่คิดก็อยากเล่นแล้ว
เกมการ์ด
มาเล่นเกมแห่งความมืดกันเถอะ จั่วการ์ด เสียงตะโกนของเราที่กำลังเล่นการ์ดเกม ‘Yu-Gi-Oh!’ อยู่ใน ‘Metaverse’ ที่เมื่อลงการ์ดไปตัวละครที่เราเลือกก็จะออกมาจากในการ์ดแบบในเกม ‘Jump Force’ กับการ์ตูน ‘Yu-Gi-Oh!’ ภาคต่าง ๆ หรือจะเป็นการ์ดเกมอื่น ๆ อย่างซีรีส์ ‘Pokemon’ หรือ ‘Hearthstone’ ที่เราจะได้เห็นตัวละครออกมาต่อสู้กันแบบสมจริง ที่แค่คิดก็อยากให้เป็นจริงเร็ว ๆ ขึ้นมาทันที ซึ่งในอนาคตเราอาจจะได้เป็นผู้ชมที่เข้าไปในระบบ ‘Metaverse’ ในฐานะคนดูที่เห็นผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเรียกการ์ดออกมาต่อสู้กัน หรือตัวเราเองนั่นละที่เข้าไปแข่งกับเพื่อน ๆ แบบที่การ์ตูน ‘Yu-Gi-Oh!’ ภาค ZEXAL ก็ได้ ซึ่งเราสามารถเอาไปยืนเล่นในโลกแห่งความจริง หรือจะเป็นโลกจำลองกับผู้เล่นคนอื่นก็ทำได้ แต่คงต้องมีอุปกรณ์ไปจนถึงการ์ดจริง ๆ มารองรับที่เชื่อว่าในอนาคตมันต้องเกิดขึ้นจริงแน่นอน
โลกออนไลน์แฟนตาซี
ปิดท้ายกับความสมจริงแบบโลกแฟนตาซีในเกมออนไลน์ ที่เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะเข้าไปใช้ชีวิตมากที่สุด ยกตัวอย่างโลกแฟนตาซีอย่างเกม ‘FINAL FANTASY XIV Online’ ที่เราจะได้ไปเดินเป็นตัวละครนั้น ๆ ในเกมเลย ไม่ต้องมานั่งกดที่หน้าจออีกแล้วแบบในภาพยนตร์ ‘Ready Player One’ หรือถ้าใครคิดไม่ออกก็ให้คิดถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Brave Father Online our story of Final Fantasy XIV’ ที่เล่าเรื่องราวของพ่อลูกที่เล่นเกม ‘FINAL FANTASY XIV Online’ ด้วยกัน แต่ทางพ่อไม่รู้ว่าเพื่อนในเกมนั่นคือลูกชายตัวเอง ที่ในเรื่องจะตัดฉากที่ตัวละครในเกมนี้นั่งคุยกันออกไปทำภารกิจด้วยกัน ทั้งที่ทุกคนก็แค่นั่งกดเกมอยู่หน้าจอเท่านั้น แต่เมื่อเรามีระบบ ‘Metaverse’ ทีนี้เราจะได้เข้าไปเดินเล่นหรือไปล่าสัตว์ประหลาดได้ด้วยตัวเราเอง หรือจะเป็นเกมล่าแย้อย่างในเกม ‘Monster Hunter World’ ก็สามารถได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ หลายคนคงจะมีสังคมมีเพื่อนมากขึ้น เพราะเราต้องคุยขยับท่าทางด้วยตัวเองที่ไม่ต่างกับการเข้าสังคมจริง ๆ แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว
ก็จบกันไปแล้วกับ 10 การมโนคิดไปไกลว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจริง เมื่อมีระบบ ‘Metaverse’ เกิดขึ้นมา ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไปว่าถ้ามันเกิดขึ้นได้จริง ๆ จะเป็นแบบในบทความนี้ไหม และในอนาคตอีกหลายปีต่อไปจากนี้ เมื่อระบบ ‘Metaverse’ สมบูรณ์แบบจนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต แบบที่เราเห็นคนพิมพ์พูดคุยรู้จักกับเพื่อน ๆ ทั่วโลกผ่านตัวหนังสือบนหน้าจอ ที่ถ้าเอาเรื่องนี้ไปพูดเมื่อ 30 กว่าปีก่อนที่ยังใช้การเขียนจดหมายหรือโทรศัพท์ติดต่อกัน คนในยุคนั้นคงพูดว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ในยุคนี้มันคือเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ซึ่งในอนาคตเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นเหมือนตอนนี้ก็ได้ใครจะรู้ และเมื่อถึงตอนนั้นเราจะได้มาย้อนอ่านบทความนี้กันว่าสิ่งที่อยู่ในบทความนี้จะเกิดขึ้นได้จริงกี่อย่างกัน ถือว่าเป็นการทำนายอนาคตล่วงหน้าก็แล้วกัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส