Bungie บริษัทผู้พัฒนาเกม Destiny ซึ่งเคยอยู่ภายใต้สังกัด Activision Blizzard ก่อนจะออกมาเป็นสตูดิโออิสระ นั้นก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้เคยแถลงวิจารณ์สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษและการรังแกที่เกิดขึ้นในอดีตบริษัทแม่ ทว่าในตอนนี้ Bungie กลับตกเป็นจำเลยสังคมจากข้อกล่าวด้านปัญหาสภาพแวดล้อมการทำงานของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ IGN เปิดเผยรายงานที่ระบุว่าพนักงานทั้งอดีตและปัจจุบันจำนวน 26 รายของ Bungie ได้เคยเผชิญกับวัฒนธรรมการทำงานที่ทั้งเป็นพิษ กีดกันทางเพศ และการรังแกภายใต้การบริหาร ตัวอย่างของปัญหาที่เกิดขึ้นมีทั้งการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมของผู้บังคับบัญชาชายที่มีต่อพนักงานหญิง การทำงานล่วงเวลาที่แสนโหดในบางทีม ไปจนถึงการแย่งเครดิตและความดีความชอบที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความรู้สึกย้อนแย้งให้แก่พนักงานเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ทางสตูดิโอได้แถลงต่อต้านพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันนี้ของ Activision Blizzard
แหล่งข่าวนิรนามในรายงานของ IGN ระบุว่า “ทวิต [ของ Bungie ที่วิจารณ์ Activision Blizzard] นั้นสร้างความย้อนแย้งอย่างมาก เพราะการวางตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองว่า ‘ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของปัญหา’ ในการตอบโต้การเหยียดสตรีเพศที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบภายในวงการ [เกม] …อยากให้หยุดปฏิเสธและยอมรับความผิดของตัวเอง”
พีท พาร์สันส์ (Pete Parsons) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bungie ได้แถลงว่า “แม้ว่าผมจะดีใจกับความก้าวหน้าที่เราได้ทำ [เพื่อต่อต้านบรรยากาศที่เป็นพิษและการเลือกปฏิบัติทางเพศ] แต่มันก็ยังไม่พอ และมันใช้เวลานานเกินไป มันยังไม่ได้ปัดเป่าประสบการณ์แย่ ๆ ที่ผู้คนที่พบเจอในบริษัทของเรา”
พาร์สันส์ระบุว่าที่ผ่านมาทางสตูดิโอได้พยายามพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกพื้นเพด้วยการแต่งตั้งผู้บริหารที่มีความหลากหลายและสร้างชมรมที่เป็นตัวแทนคนที่มาจากกลุ่มที่ยังมีบทบาทน้อยในบริษัท
“ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มันเป็นงา่นของผมที่จะต้องคำนึงถึงอดีตและอนาคต และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด การได้พูดคุยกับทีมงาน อ่านเรื่องราว และเห็นปัญหาที่ทั้งเกิดขึ้นมานานหรือเพิ่งเกิดขึ้น เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ายังมีงานที่เราต้องทำอีกมาก” พาร์สันส์ระบุ
ที่มา Shacknews
ที่มาภาพปก PCGamer/Glassdoor
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส