“รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” คำขวัญวันเด็กจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้กับเด็ก ๆ ในปีนี้ เป็นการบอกถึงความสำคัญที่เด็ก ๆ ในวันนี้ ที่ต้องรู้จักหน้าที่ตัวเองและต้องรับผิดชอบต่อสังคม เพราะทุกคนทุกอายุต่างก็มีส่วนร่วมในสังคมเท่าเทียมกัน นั่นคือสิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้บอกกับเรา ซึ่งถ้าเรามองเด็ก ๆ ในยุคนี้เราก็อาจจะเห็นหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ต่างกับเด็ก ๆ ยุคอดีตในช่วงปลายปี 1980 ถึงปี 1990 ที่เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของยุค เพราะหลายสิ่งในช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีไปจนถึงสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป และคนในช่วงอายุนี้ก็อยู่กึ่งกลางระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก จึงค่อนข้างจะเข้าใจมุมมองของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ว่าต้องการอะไร ซึ่งแม้ตัวจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่หลายคนก็ยังคิดถึงวันวานสมัยเด็กอยู่ วันนี้เราเลยไปรวบรวมความอยากมีอยากเป็นของเด็กในยุคปลาย 80s ถึงช่วงต้น 90s มานำเสนอ จะมีเรื่องราวอะไรสนุก ๆ น่าสนใจในยุคนั้นบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

อยากมีโดราเอมอนเหมือนโนบิตะ

Doraemon

เริ่มต้นเรื่องแรกกับสิ่งที่เด็กชายหญิงในช่วงยุคปลาย 80s ถึงปี 90s อยากมี ก็คือเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าไร้หูจากอนาคตอย่าง โดราเอมอน (Doraemon) ที่หลายคนน่าจะทราบดีว่าการ์ตูนเรื่องนี้กำเนิดมาในช่วงปี 1969 แต่กว่าที่การ์ตูนเรื่องนี้จะโด่งดังและเข้ามาในบ้านเราอย่างเป็นทางการ ก็ช่วงปี 80s ขึ้นมาแล้วกับฉบับการ์ตูนและหนังสือที่ตีพิมพ์ออกมามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าเด็ก ๆ ที่ได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็คงอยากจะมีเพื่อนที่แสนดีอย่างโดราเอมอน และอิจฉาเจ้าแว่น โนบิตะ (Nobita) กันแบบสุด ๆ จนถึงตอนนี้ถ้าเราไปสอบถามเด็กในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนญี่ปุ่น ก็คงอยากมีเจ้าแมวสีฟ้าตัวนี้เป็นเพื่อนอยู่ และถ้าพูดถึงโดราเอมอนก็ถึงนึกถึงเสียงพากย์ไทยที่เป็นตำนาน ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ยังคงให้เสียงตัวละครเหล่านี้อยู่จนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นความทรงจำแรก ๆ ของคนยุคนั้นที่ยังชื่นชอบจดจำมาจนถึงตอนนี้เลยก็ว่าได้

Doraemon

อยากให้เพื่อนผู้หญิงเล่นขบวนการ 5 สีด้วยเพราะขาดสีชมพู

Super Sentai

เมื่อพูดถึงขบวนการ 5 สีหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘Super Sentai’ เราต้องคิดถึงเหล่าวัยรุ่น 5 คน (บางขบวนการก็มี 6 คน) ที่ออกมาปราบเหล่าร้าย ซึ่งในช่วงที่ขบวนการ 5 สีโด่งดังที่สุดและเป็นที่จดจำของเด็ก ๆ ในช่วงยุค 80s ถึง 90s ก็มีอยู่ 2 ขบวนการนั่นคือขบวนการ 5 นักรบไดโนเสาร์ ‘Zyuranger’ กับขบวนการวิหกสายฟ้า ‘Jetman’ ที่อยู่ในความทรงจำของเด็ก ๆ และแถมด้วยขบวนการ 5  สีของอเมริกาในชื่อ ‘Power Rangers’ ที่เป็นการนำขบวนการ ‘Zyuranger’ มาสร้างเปลี่ยนตัวละคร และเพิ่มเนื้อหาใหม่ที่สนุกไม่แพ้ฉบับญี่ปุ่น และเมื่อการ์ตูนโด่งดังขนาดนี้เหล่าเด็กผู้ชายก็อยากแปลงร่างทำท่าเท่ ๆ แบบในการ์ตูน  แต่ปัญหาคือทุกคนจะแย่งกันเป็นสีแดงซึ่งเป็นตัวละครที่สีเด่นที่สุด กับการไม่อยากเป็นสีชมพูที่เป็นสีของตัวละครหญิง (บางคนยอมเป็นสัตว์ประหลาดดีกว่าเป็นสีชมพู) ซึ่งน้อยครั้งมาก ๆ ที่เราจะได้เห็นเด็กผู้หญิงมาร่วมเล่นแบบนี้ด้วย ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้เล่นเพราะขาดสีชมพู นั่นคือสิ่งที่เด็ก ๆ ในยุคนั้นต้องเจอ

Super Sentai

อยากเล่นพ่อแม่ลูกตุ๊กตากระดาษกระโดดยางกับเพื่อนผู้หญิง

แฟนฉัน

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาในส่วนนี้ เราต้องขออธิบายถึงกฎบางอย่างที่เด็กยุคนั้นเป็นกัน เหมือนที่เราได้ดูในเรื่องแฟนฉัน ที่เด็กผู้ชายกับผู้หญิงเราจะมีรูปแบบของเล่นที่ต่างกันอย่างชัดเจน เราจะไม่เล่นข้ามระบบกัน เพราะถ้าใครทำคน ๆ นั้นจะกลายเป็นแกะดำ ซึ่งส่วนมากกฎนี้จะเคร่งครัดในกลุ่มเด็กผู้ชายมากกว่า ยกตัวอย่างเด็กผู้ชายที่ไปเล่นพ่อแม่ลูกกระโดดยางหรือตุ๊กตากระดาษกับเด็กผู้หญิง เราจะถูกล้อว่าเป็นกระเทยทันที ซึ่งต้องอธิบายก่อนว่าสมัยนั้นการเหยียดเพศที่สาม หรือการล้อเลียนเป็นเรื่องปกติต่างกับสมัยนี้ ผู้ชายที่มีจิตใจเป็นหญิงจึงมักจะเก็บมันเอาไว้ แต่เมื่อมีหนทางเด็กผู้ชายเหล่านั้นก็จะมาขอเล่นกับเด็กผู้หญิงด้วย ซึ่งเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเบี่ยงเบน แต่เพราะชอบการเล่นของเด็กผู้หญิงจะไม่เน้นเอาชนะ แต่จะเน้นการผ่านด่านพูดคุยเล่นตามบทบาท ขณะที่ฝ่ายชายจะเน้นการเอาชนะใช้กำลังตัดสินหาที่ 1 ในการแข่ง ที่เด็กผู้ชายหลายคนก็ไม่ชอบแบบนี้ แต่ก็อย่างว่ากฎก็คือกฎถ้าไม่อยากถูกล้อก็อย่าไปทำ ไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นแบบเจี๊ยบไม่รู้ด้วย

แฟนฉัน

อยากมีของเล่นเกมใหม่ ๆ ที่เด็กบ้านรวยมาโชว์

Doraemon

กลับมาที่เรื่องราวของการ์ตูน ‘Doremon’ อีกครั้ง ที่การ์ตูนเรื่องนี้จะจำลองชีวิตเด็กยุค 80s ถึง 90s ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่เราต้องทนดูเด็กบ้านที่มีฐานะ เอาของเล่นใหม่มาอวดแบบที่ ซูเนโอะ (Suneo) ทำกับพวกโนบิตะ ด้วยประโยคอวดที่ว่า “บ้านฉันซื้อเครื่อง ‘Family FR202’ มีเกม 66 in 1 ด้วย” พวกเราที่บ้านไม่มีก็จะไปนั่งดูเด็กบ้านรวยเล่น ซึ่งบางทีโชคดีเราก็จะได้เล่นเกมนั้นด้วย แต่ส่วนมากจะทำได้แค่นั่งดูเท่านั้น เพราะเราไม่สามารถไปขอให้พ่อแม่ซื้อแบบนั้นได้ ถ้าไม่เชื่อลองไปถามพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในยุคนั้นดู ว่ามีเด็กบ้านรวยมาอวดของเล่นแบบซูเนโอะไหม

Doraemon

อยากเป็นยุวชนไรเดอร์ เบ่งพลังเป็นซุปเปอร์ไซย่า

Kamenrider

ต่อเนื่องจากขบวนการ 5 สีที่เราต้องเล่นพร้อมกับเพื่อน ๆ หลายคนแล้ว เมื่อเหล่าเด็กผู้ชายในยุค 80s ถึง  90s  เป็นเมื่ออยู่คนเดียว เราก็สามารถเล่นคนเดียวได้ด้วยการใส่หน้ากากเป็นตัวละครต่าง ๆ ที่มีขายตามงานวัดหรือคุณลุงที่เข็นรถขาย ที่จะมีหน้ากากไอ้มดแดงขบวนการ 5 สีมาให้เราแปลงร่างเป็นฮีโรที่เรารักได้ แต่ถ้าย้อนกลับไปอีกหน่อยกับเด็กผู้ชายในยุคนั้นอยากเป็น นั่นคือการสวมบทเป็น “ยุวชนไรเดอร์” หรือจะเรียกว่าผู้ช่วยไอ้มดแดงก็ได้ โดยต้องย้อนไปสมัย ‘Kamen Rider’ ภาคแรก ๆ จะมีการตัดตั้งยุวชนไรเดอร์ขึ้นมาเพื่อช่วยไอ้มดแดงในการแจ้งเหตุเมื่อเจอสัตว์ประหลาด โดยการใช้นกหวีดหรือเครื่องมือสื่อสาร ที่เด็ก ๆ เหล่านั้นจะขี่จักรยานตรวจตราเหตุร้าย ซึ่งเป็นอะไรที่เด็กยุคนั้นอยากเป็นมาก ๆ หรือเมื่อใดที่เด็กผู้ชายเราเข้าห้องน้ำเพื่อสระผม สิ่งที่เราจะทำก็คือการใช้แชมพูทำผมตั้งเพื่อเบ่งพลังเหมือน โกคู (Goku) ตอนเป็นซูเปอร์ไซย่าตามในการ์ตูน ลองไปถามคุณพ่อคุณอาคุณลุงดูว่าเคยทำไหม

Dragon Ball

อยากวิ่งแข่งรถ Dash จิ๋วจอมซิ่งอย่างในการ์ตูน

Dash

เมื่อพูดถึงของเล่นยอดนิยมในยุค 80s ถึง 90s นั้นก็มีอยู่หลายอย่าง แต่สิ่งที่เรียกว่ายอดนิยมในยุคนั้นที่สุดก็คงจะเป็นรถจิ๋ว ที่ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อยก็คงจะรู้จักในชื่อนักซิ่งสายฟ้า ‘Let’s & Go!!’ ที่มาโด่งดังในช่วงยุค 90s แต่ในช่วงยุค 80s นั้นมีรถที่ดังมาก่อน ‘Let’s & Go!!’ นั่นคือรถแข่งในเรื่อง ‘Dash จิ๋วจอมซิ่ง’ ที่จะเรียกว่าเป็นต้นแบบให้ ‘Let’s & Go!!’ ก็ได้ ซึ่งถ้าใครที่จำได้การ์ตูนเรื่องนี้เราจะต้องวิ่งตามรถแข่ง พร้อมกับถือไม้เพื่อควบคุมรถให้วิ่งตามทาง (รูปประกอบด้านล่าง) เพราะสมัยนั้นยังไม่มีการวิ่งรางและรถก็ไม่มีความเร็วเท่าในยุคนี้ การวิ่งตามและเอาไม้กั้นระหว่างวิ่งจึงทำได้ แต่ในความเป็นจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะนอกจากเราจะวิ่งตามรถไม่ทันแบบในการ์ตูนแล้ว บางทีทรายก็เข้าไปในฟันเฟืองจนรถพังก็มี จนทำให้เด็กยุคนั้นทำได้แค่อ่านในหนังสือ จนเรื่อง ‘Let’s & Go!!’ มาความฝันที่จะเล่นรถแข่งจิ๋วก็กลับมาอีกครั้งนั่นเอง

Dash
Let's & Go!!

อยากไปซื้อขนมแถมของเล่นกับของเล่นแถมถุงเท้ารองเท้าช่วงเปิดเทอม

ขนม

อีกหนึ่งสิ่งที่เด็กช่วงยุค 80s – 90s ทำกัน นั่นคือการสะสมของเล่นที่เด็กยุคนั้นชื่นชอบ แต่ด้วยราคาของเล่นในยุคนั้นที่แม้จะราคาเพียง 5 บาทแต่สำหรับคนที่ได้ค่าขนมไปกินโรงเรียนเพียง 10 หรือ 15 บาทก็เป็นอะไรที่ยากมากที่จะซื้อของพวกนี้จนครบชุด นี่ยังไม่นับตัวที่ได้ซ้ำหรือบางทีการสะสมก็มาในรูปแบบสมุดสะสมรูปการ์ดต่าง ๆ ที่เด็กยุคนั้นชื่นชอบ ซึ่งส่วนมากจะเก็บไม่ครบเพราะไม่มีเงินไปซื้อ หรือเก็บครบก็ไม่มีใครไปแลกของรางวัลเพราะเสียดาย แต่สิ่งที่เป็นที่ต้องการของเด็กยุคนั้นที่สุด คือของเล่นที่แถมมากับอุปกรณ์การเรียน เช่นซื้อถุงเท้า 2 คู่จะได้ชุดเครื่องเขียนสัตว์ป่า (รูปด้านล่าง) หรือจะเป็นของเล่นแถมรองเท้า ที่ถ้าใครไม่มีก็จะคุยกับคนอื่นไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้นักสะสมที่ต้องการเก็บความทรงจำวัยเด็กก็ตามหาซื้อกันอย่างสนุกสนาน แต่ราคาตอนนี้เกิดราคา 5 บาทไปไกลเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว

ขนมแถมของเล่น

อยากเก่งเหมือน Michael Jordan ฝึกเต้น Moon Walk ของ Michael Jackson

Michael Jordan

นอกจากฮีโรที่มาจากการ์ตูนแล้ว เด็กผู้ชายในยุคนั้นก็ชอบเล่นกีฬาโดยเฉพาะบาสเกตบอล ที่เมื่อพูดถึงกีฬานี้ทุกคนต้องคิดถึงความดังของการ์ตูนเรื่อง ‘SLAM DUNK!’ ซึ่งก็มีส่วนที่ถูกแต่ก่อนที่เรื่อง ‘SLAM DUNK!’ จะโด่งดัง เด็กผู้ชายบางส่วนก็ชื่นชอบนักบาสในตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) ที่เด็กผู้ชายยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักทีมควายสีแดงเบอร์ 23 ทีม ‘Chicago Bulls’ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ยุคนั้นอยากออกไปสนามบาส เพื่อเล่นกีฬาแล้วเก่งแบบเขา ยิ่งพอมีการ์ตูน ‘SLAM DUNK!’ มาช่วยเสริมยิ่งทำให้กีฬานี้โด่งดังมากขึ้น กับอีกหนึ่งคนที่เด็กยุคนั้นแม้จะไม่เคยฟังเพลง แต่ท่าเต้น ‘Moon Walk’ กับการลูบเป้าในตำนานของ ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) ก็เป็นอะไรที่เด็กยุคนั้นเต้นตามกันทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งเมื่อใดที่เด็กคนไหนทำก็มักจะถูกผู้ใหญ่ดุต่อว่า เพราะมันคือท่าที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรทำตาม แต่ถึงจะว่าแต่เด็กยุคนั้นก็ชอบทำกันอยู่ดี

Michael Jordan
SLAM DUNK!
Michael Jackson

อยากนั่งเล่นเกมโดยที่ไม่โดนว่าเกมทำเสียสายตาเรียนโง่

Vedio Game

ต่อเนื่องมาจากหัวข้อเด็กบ้านรวย ที่แม้ในบางครั้งเราจะต้องไปนั่งดูเด็กบ้านรวยแบบซูเนโอะเล่นเกมแล้ว บางครั้งถ้าเราโชคดีก็อาจจะได้เครื่องเกม ‘Famicom’ หรือไม่ก็เครื่อง ‘Game Boy’ มาเล่นที่บ้าน ซึ่งเมื่อได้มาเล่นแล้วสิ่งที่เด็ก ๆ ยุคนั้นต้องเจอ นั่นคือการดุต่อว่าจากผู้ใหญ่ที่มักจะพูดว่าการเล่นเกมมาก ๆ จะทำให้ทีวีพังเร็ว หรือไม่ก็บอกว่าเกมจะทำให้สายตาเสีย ซึ่งเอาจริง ๆ สองสิ่งนี้มันก็ถูกต้อง เพราะถ้าเราดูจากในรูปด้านบนคนที่นั่งเล่นเกมต้องอยู่ใกล้ทีวีมาก ๆ เพราะสายที่ใช้เชื่อมต่อมันสั้น หรือการเปิดทีวีที่นานกว่าปกติก็จะทำให้ทีวีพังเร็ว แต่ที่บอกว่าเล่นเกมจะทำให้โง่อันนั้นไม่จริง ซึ่งเด็กในยุคนั้นก็อธิบาย (ผู้ใหญ่จะมองว่าการอธิบายคือเถียง) ไม่ได้ต่างกับยุคนี้ เพราะเราถูกสอนให้เชื่อฟังผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่พูดถูกเสมอแม้ผู้ใหญ่จะผิดก็ตามเราก็ห้ามเถียง (อธิบายออกความเห็น) ยกตัวอย่างเราวางแก้วน้ำปกติ ผู้ใหญ่เดินมาเตะจนน้ำหกแก้วแตกคนที่โด่นว่าคือเด็ก ข้อหาวางแก้วไม่ดีจนผู้ใหญ่มาเดินเตะ (เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอเรื่องแบบนี้มา) ซึ่งโชคดีตรงที่เด็กในตอนนั้นไม่ถูกปลูกฝังค่านิยมแบบนั้นและเอามาใช้กับเด็ก ๆ ที่เป็นลูกหลานตอนนี้ ตรงข้ามกลับยังสนับสนุนเด็ก ๆ ให้มีความคิดโต้เถียงอธิบายสิ่งที่ไม่ถูกต้องเสียด้วยซ้ำ แต่ที่เป็นศัตรูและต่อว่าเด็ก ๆ ยุคนี้คือพวกรุ่นปู่รุ่นตายายที่ยังคงค่านิยมเดิม ๆ (คนที่ด่าเด็ก ๆ ว่าวางแก้วน้ำไม่ดี) มากกว่า แถมยังมองเด็ก ๆ รุ่นหลานว่าถูกล้างสมองก้าวร้าวไม่มีความคิดไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ต่างกับเด็กยุค 80s – 90s ที่เชื่อฟังแต่เราไม่เห็นด้วยและไม่เอามาใช้กับเด็กยุคนี้นั่นเอง

Vedio Game

อยากเป็นทหารตำรวจนายกรัฐมนตรี

Call of Duty

ปิดท้ายกับเรื่องราวที่เด็กยุค 80s – 90s อยากเป็น นั่นคือการอยากเป็นทหารไม่ก็ตำรวจรวมถึงนายกรัฐมนตรี ที่ดูได้จากงานวันเด็กสถานที่ยอดนิยมในอดีตไม่ใช่สวนสนุก แต่เป็นค่ายทหารที่จะให้เด็ก ๆ ได้มานั่งเครื่องบินรถถังได้ถือปืนกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงอาชีพตำรวจที่ในยุคนั้นคืออาชีพที่เสียสละ ได้จับคนร้ายเหมือนฮีโรในการ์ตูน จึงไม่น่าแปลกใจที่คนยุคนั้นที่เล่นเกมจะชื่นชอบเกมแนวสงครามมากกว่าเด็ก ๆ ยุคนี้ ซึ่งเมื่อเวลาเปลี่ยนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป และเมื่อถึงวันเด็กสิ่งที่เด็ก ๆ ต้องการจะไปก็ไม่ใช่ค่ายทหารอีกแล้ว และอาชีพที่อยากเป็นก็ไม่ใช่ 3 อาชีพนี้ เพราะมีทางเลือกอื่นอีกมากให้เราเลือกต่างกับในอดีต

GTA V
Call of Duty

ก็จบกันไปแล้วกับ 10 สิ่งที่เด็ก ๆ ในช่วงยุค 80s ถึง  90s อยากมีและอยากเป็นในยุคนั้น ต้อนรับวันเด็กเพื่อให้เด็ก ๆ ยุคนี้ได้รับรู้ถึงสิ่งที่คนรุ่นพ่อแม่เราได้รับรู้และอยากได้อยากมีในอดีต ซึ่งเอาจริง ๆ ยังมีอีกเยอะมาก ๆ เอาไว้มีโอกาสจะหยิบมานำเสนออีก ส่วนใครที่มีเรื่องราวในอดีตช่วง 80s – 90s ที่อยากมีอยากเป็นอีกก็เอามาบอกกันได้ เพื่อให้เด็ก ๆ ยุคนี้ได้มาอ่านจะได้เข้าใจ ว่าในยุคที่พวกเราเป็นเด็กนั้นถูกปลูกฝังมากับอะไร และต้องเจอเรื่องราวอะไรบ้าง ส่วนเด็ก ๆ ที่มาอ่านจะได้เข้าใจมุมมองความคิดสิ่งที่พ่อแม่เราได้เจอสมัยเด็ก ว่ากว่าจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้พวกพ่อแม่เราต้องผ่านการปลูกฝังสิ่งต่าง ๆ มาขนาดไหนจนมาถึงวันนี้ ก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้ระยะห่างของเด็กกับผู้ใหญ่เข้าใจกันมากขึ้น สุขสันต์วันเด็กปีเสือดุสู้กันต่อไปพรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส