เมื่อพูดถึงเกมเก่าที่เราชื่นชอบ ตอนที่เกมเหล่านั้นครบรอบ 10 หรือ 20 ปีที่วางจำหน่าย เรามักจะรู้สึกเหมือนเพิ่งเล่นเกมนี้ไปเมื่อไม่นาน หนึ่งในนั้นก็คือเกมแอ็กชันสยองขวัญอย่าง ‘Resident Evil 4’ หรือ ‘Bio Hazard 4’ ที่เปิดตัวครั้งแรกบนเครื่อง ‘GameCube’ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2005 หรือเมื่อ 17 ปีที่แล้ว หลายคนที่ได้เล่นและชื่นชอบต่างก็ยังคงคิดถึงความสนุกตื่นเต้นตอนควบคุม ลีออน เอส เคนเนดี (Leon S. Kennedy) ที่ต้องดิ้นรนหนีตายจากชาวบ้านที่แห่กันเข้ามา และยิ่งกดดันหนักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเลื่อนไฟฟ้า ซึ่งเป็นความสนุกที่แปลกใหม่ที่หาได้ยากในยุคนั้น จนถึงตอนนี้เมื่อหยิบมาเล่นก็ยังคงอารมณ์เหล่านั้นอยู่แบบไม่มีขาดตก และเพื่อเป็นการต้อนรับการครบรอบ 17 ปี ‘Resident Evil 4’ เรามาย้อนดูเรื่องราวสิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจของเกมนี้กันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เตรียมปืนกระสุนสมุนไพรให้พร้อมแล้วมาดูไปพร้อมกันเลย
ทำความรู้จัก Resident Evil 4
เริ่มต้นเรื่องแรกเรามาทบทวนความจำเกี่ยวกับ ‘Resident Evil 4’ กัน เพื่อเป็นการแนะนำให้หลายคนที่ยังไม่เคยเล่นเกมภาคนี้ได้หามาเล่นกัน โดยเริ่มจากระบบการควบคุมที่เกมภาคนี้จะเปลี่ยนรูปแบบควบคุมจากเกมสยองขวัญแบบเก่า ที่ในอดีตเกมแนวนี้ตัวละครที่ถูกจำกัดแอ็กชันท่าทาง ที่ทำได้เพียงยิงปืนและใช้มีดในการต่อสู้กับศัตรู แถมตัวเกมในภาคเก่ายังใช้ระบบเล็งยิงอัตโนมัติแม้จะไม่เห็นศัตรูในจอ แต่เมื่อเกม ‘Resident Evil 4’ มาถึงทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ตัวเกมเริ่มต้นในพื้นที่ขนาดใหญ่ให้เราไปสามารถวิ่งไปมาได้อย่างอิสระ โดยเราสามารถเข้าออกบ้านทุกหลัง รวมถึงหาตู้ชั้นมาปิดประตูได้ และยังสามารถกระโดดทะลุหน้าต่าง แถมยังเล็งยิงปืนไปตามส่วนต่าง ๆ ของศัตรูได้อย่างอิสระ และเมื่อศัตรูเสียหลักเราก็สามารถเตะหรือสร้างความเสียหายได้ นอกจากนี้ก็ยังมีอาวุธใหม่อย่างระเบิดที่เพิ่มแอ็กชันให้กับตัวเกม ส่วนศัตรูเองก็เพิ่มความฉลาดมากขึ้นกว่าซอมบี้แบบเก่า เพราะคราวนี้จะเป็นชาวบ้านที่ติดเชื้อปรสิต ที่สามารถใช้อาวุธในการโจมตีเรา แถมพวกมันยังสามารถสื่อสารทำงานเป็นทีม รวมถึงศัตรูที่มีอาวุธปืนและสัตว์ประหลาดที่ก็ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสนุกกดดันให้เรา ที่แม้คุณจะเล่น ‘Resident Evil 2-3 Remake’ มาแล้ว เมื่อจับ ‘Resident Evil 4’ ทุกสิ่งที่คุ้นเคยจะถูกทิ้งไปจนหมดเมื่อจับภาคนี้ เพราะมันคือสิ่งใหม่ที่ต่างกับภาคอื่น ที่แม้ตัวระบบจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่อารมณ์การเล่นก็ยังคงต่างกับ ‘Resident Evil’ ภาคอื่น ๆ อยู่ดี ไม่เชื่อลองถามคนที่เคยเล่นมาแล้วดู แล้วคุณจะรู้ว่าเกมนี้สนุกสุดยอดขนาดไหน
ที่มาของ Resident Evil 4
คราวนี้มาดูเบื้องหลังกว่าจะมาเป็น ‘Resident Evil 4’ กัน ว่าโครงการนี้ได้ถูกใส่มาตั้งแต่เกม ‘Resident Evil 3 Nemesis’ ในฐานะ Easter Egg เล็ก ๆ ที่เราจะได้เห็นป้ายเกม ‘Bio Hazard 4’ อยู่ในเกม (รูปประกอบด้านล่าง) หลังจากนั้นตัวเกมก็เข้าสู่การพัฒนาที่จากข้อมูลบอกว่าตัวเกมนั้นถูกพัฒนามาแล้วถึง 4 ครั้ง ก่อนที่จะถูกทิ้งแล้วสร้างใหม่ที่ถูกเรียกตามรูปแบบเกมว่า ‘Hallucination Version’, ‘Fog Version’, ‘Hook Man Version’ และ ‘Final Version’ ซึ่งสามแบบแรกนั้นตัวเกมยังคงรูปแบบการเล่นเหมือน ‘Resident Evil’ แบบเก่า จนเมื่อ ชินจิ มิคามิ (Shinji Mikami) ได้กลับมาสานงานที่ค้างคาไม่จบไม่สิ้น เขาก็ทิ้งทุกอย่างที่เคยมีในรูปแบบเก่า และเริ่มสร้าง ‘Resident Evil 4’ ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเล่นระบบต่าง ๆ ไปจนถึงเนื้อเรื่องที่ก็ทิ้งเรื่องราวของ ‘Umbrella Corporation’ ไปสู่เรื่องราวใหม่ทั้งหมด จะมีเพียงตัวละครเก่าบางคนเท่านั้นที่บอกให้เรารู้ว่านี่คือ ‘Resident Evil’ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้บอกเลยว่าเสี่ยงมาก ๆ แต่เป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่าและถูกที่ถูกทางจริง ๆ
คะแนนจากสำนักเกมต่าง ๆ ที่ให้ Resident Evil 4
แน่นอนว่าด้วยความสนุกและดีงามขนาดนี้ หลายคนคงอยากจะทราบถึงคะแนนวิจารณ์จากสำนักเกมต่าง ๆ ว่าจะให้สูงขนาดไหน โดยเราจะขอนับเฉพาะที่เปิดตัวบน ‘GameCube’ เป็นหลัก เพราะแทบทุกเครื่องที่เกม ‘Resident Evil 4’ ไปลงจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ต่างกัน โดยเริ่มจากที่ ‘Metacritic’ ที่ให้คะแนนสูงถึง 96/100 กับการชื่นชมสั้น ๆ ว่า “Universal Acclaim” ทาง ‘1Up.com’ ให้ A กับเกมนี้ ส่วน ‘AllGame’ กับ ‘GameSpy’ ให้ 5 ดาวเต็มแบบไม่มีข้อแม้ ‘GameSpot’ ให้ 9.6/10 ทาง ‘IGN’ ให้ 9.8/10 กับเสียงชื่นชมในความสนุกดีงามและสยองขวัญที่เกมในยุคนั้นทำไม่ได้ และปิดท้ายด้วย ‘Nintendo Power’ ที่ก็อวยของตัวเองด้วยคะแนน 10/10 แบบจัดเต็ม ซึ่งแม้แต่เกมภาคล่าสุดอย่าง ‘Resident Evil 4 VR’ ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งสื่อและคนเล่นในความสนุกตื่นเต้นในแบบ ‘VR’ ที่ชวนตื่นเต้นสยองขวัญที่ต่างจากเดิมมาก ๆ ส่วนคะแนนบนเครื่องอื่น ๆ ก็ดูได้ที่ด้านล่าง
ต้นแบบของเกมแอ็กชันสยองขวัญให้เกมอื่นทำตาม
นับตั้งแต่ที่เกม ‘Resident Evil 4’ วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2005 ตัวเกมก็ได้สร้างสิ่งต่าง ๆ ให้กับวงการเกมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแนวเกมแบบใหม่ที่เรียกว่าแอ็กชันสยองขวัญ ที่ตามปกติเกมแนวสยองขวัญจะจำกัดท่าทางแอ็กชันของตัวละคร เพื่อให้คนเล่นไม่เก่งเกินไปจนเกมขาดความน่ากลัว แต่สิ่งที่ ‘Resident Evil 4’ ทำคือการเพิ่มแอ็กชันให้ตัวละครลงไปพร้อม ๆ กับความน่ากลัวสยองขวัญ ที่แทบจะเป็นไปได้ยากแต่เกม ‘Resident Evil 4’ ก็สามารถใส่มันลงไปในเกมได้อย่างลงตัวจนเกมยุคใหม่หลายเกมทำตาม และอีกสิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้นั่นคือระบบของเล็งยิงที่เรียกว่า ‘Over the Shoulder’ หรือที่ว่า “การยิงมุมมองข้ามไหล่” ที่แม้เกม ‘Resident Evil 4’ อาจจะไม่ใช่เกมแรกที่เอาระบบการเล็งยิงนี้มาใช้ แต่ ‘Resident Evil 4’ ก็เป็นเกมแรกที่หยิบระบบที่ถูกลืมนี้มาใช้อีกครั้ง จนกลายเป็นต้นแบบให้เกมแนวยิงมากมายเอามาใช้ตาม ไม่ว่าจะเป็นเกม ‘PUBG’, ‘God of War’, ‘Ghost Recon’ ไปจนถึง ‘Gears of war’ และอีกมากมาย ที่ถ้าไม่มีเกม ‘Resident Evil 4’ ที่หยิบระบบนี้มาใช้ เราคงไม่ได้ระบบยิงในเกมมุมมองคลที่ 3 ที่ดีงามแบบนี้อย่างแน่นอน
Shinji Mikami กับการคว้านท้องในตำนาน
อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เมื่อพูดถึงเกม ‘Resident Evil 4’ นั่นคือการคว้านท้องในตำนานของชินจิ มิคามิผู้สร้างและพัฒนาเกม ‘Resident Evil 4’ ที่นักเล่นเกมยุคใหม่อาจจะงง ว่าทำไมพวกนักเล่นเกมรุ่นเก่าชอบเอาประโยคนี้มาล้อกันจัง แล้วทำไมมิคามิต้องคว้านท้องตัวเองด้วย ทั้งที่เวลาก็ผ่านมาตั้ง 17 ปีแล้ว ที่แม้แต่ทางประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงเอาหยิบเรื่องนี้มาพูดถึงเรื่อย ๆ เมื่อมิคามิเปิดตัวเกมใหม่ เพราะเมื่อเราย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ตอนที่ตัวเกม ‘Resident Evil 4’ จะวางจำหน่ายมิคามิได้บอกกับแฟน ๆ ว่า “เกม ‘Resident Evil 4’ จะวางจำหน่ายบนเครื่อง ‘GameCube’ ของ ‘Nintendo’ เท่านั้น ถ้าเกมนี้ไปวางจำหน่ายบนเครื่องอื่นนอกจากนี้ผมจะทำการคว้านท้องตัวเอง” นั่นคือการประกาศอย่างมั่นใจของมิคามิ จนเมื่อเกมวางจำหน่ายตัวเกม ‘Resident Evil 4’ แม้จะขายดีแต่มันก็ไม่มากพอที่ ‘Capcom’ จะพอใจ ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้เกม ‘Resident Evil 4’ ยอดไม่ได้ตามเป้าเพราะเครื่องเกม ‘GameCube’ ของ ‘Nintendo’ ไม่ปังอย่างที่คิด จนทำให้ ‘Capcom’ ต้องเอาเกม ‘Resident Evil 4’ ไปลงเครื่องอื่น ๆ ที่จนถึงตอนนี้ถ้านับภาคล่าสุดอย่าง ‘Resident Evil 4 VR’ มิคามิต้องคว้านท้องตัวเองถึง 14 ครั้ง และจะมีครั้งที่ 15 ถ้า ‘Resident Evil 4 Remake’ วางจำหน่าย เรียกว่าตราบเท่าที่ ‘Capcom’ ยังหากินกับเกมภาคนี้ วลีการคว้านท้องของมิคามิก็จะยังอยู่คู่เกมนี้ต่อไป
ก้าวพลาดครั้งใหญ่ของ Resident Evil 4
ดูความสำเร็จกันไปแล้วคราวนี้มาดูความล้มเหลวของสิ่งที่ ‘Resident Evil 4’ ทำเอาไว้บ้าง โดยเริ่มจากการขาดหัวเรือใหญ่อย่างมิคามิที่มีปัญหากับทาง ‘Capcom’ ช่วงก่อนเกม ‘Resident Evil 4’ วางจำหน่าย จนมิคามิต้องออกไปจาก ‘Capcom’ (เราเลยไม่เห็นเขาคว้านท้องตัวเองเพราะถือว่ามิคามิไม่ได้อยู่ ‘Capcom’ แล้ว) ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหัวเรือใหญ่ออกไป เกมในซีรีส์ ‘Resident Evil’ ก็หลงทิศจนจับทางตัวเองไม่ถูก เพราะใน ‘Resident Evil 5’ ที่ถูกสร้างออกมาแม้จะมีต้นแบบที่ดีงามจากภาค 4 มาเป็นต้นแบบ แต่ในเกมภาค 5 กับขาดความน่ากลัวสยองขวัญและสิ่งต่าง ๆ ที่เกมควรมีออกไปจนหมด รวมถึงเกมภาคต่าง ๆ ในซีรีส์ที่เรียกว่ามั่วมาก ๆ ซึ่งกว่าจะมาจับทิศจับทางตัวเองได้ก็ล่วงเลยมาถึง ‘Resident Evil 7’
และในช่วงปีที่ผ่านมาเกม ‘Resident Evil 4’ ก็กลับมาทำร้าย ‘Capcom’ อีกครั้ง เมื่อทาง จูดี้ จูราเซ็ก (Judy Juracek) ผู้แต่งหนังสือ ‘Surfaces Visual Research For Artists’ และ ‘Architects And Designers’ ได้ฟ้องร้องทาง ‘Capcom’ ว่าเกม ‘Resident Evil 4’ และ ‘Devil My Cry’ ได้เอารูปภาพในหนังสือของเธอมาใช้ในเกมโดยไม่ได้รับความยินยอม โดยในหนังสือทั้งสองเล่มนั้นคือการรวบรวมภาพสำหรับศิลปินสถาปนิกและนักออกแบบ ได้เอาเป็นต้นแบบในการศึกษา โดยทางจูดี้ได้เรียกค่าเสียหายสูงถึง 12 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมจูดี้เพิ่งมาฟ้องเอาตอนนี้ ก็เพราะเธอไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ‘Capcom’ ได้เอาผลงานของเธอไปใช้ จนเมื่อช่วงหนึ่งที่ ‘Capcom’ ถูกเจาะระบบและเอาข้อมูลในบริษัทมาเปิดเผย หนึ่งในนั้นคือข้อมูลการสร้างเกม ‘Resident Evil 4’ ทำให้จูดี้มีข้อมูลยืนยันว่า ‘Capcom’ เอางานเธอไปใช้จริง ๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ข่าวคราวก็เงียบไปแล้ว คิดว่าน่าจะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
Resident Evil 4 VR ความสนุกที่แปลกใหม่
เปลี่ยนบรรยากาศมาดูเกมที่น่าสนใจของ ‘Resident Evil 4’ กันบ้างกับ ‘Resident Evil 4 VR’ ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเกมนี้ถูกทำมาเพื่อระบบ VR เท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ตัวเกมจะมีเพียงบน ‘PC’ และระบบ ‘Oculus Quest 2’ เท่านั้น ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ทราบ ตัวเกม ‘Resident Evil 4 VR’ จะเป็นการจำลองเรื่องราวฉากเนื้อหาของเกม ‘Resident Evil 4’ มาทั้งหมด แต่จะต่างกับเกมเดิมตรงที่เราจะต้องเป็นคนเล็งยิงใส่กระสุน และออกแอ็กชันต่าง ๆ ด้วยร่างกายตนเองทั้งหมด จนเหมือนกับเราคือลีออนที่หลงไปในหมู่บ้านมรณะเองเลยทีเดียว ตัวเกมได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกของทั้งฝ่ายนักวิจารณ์ ไปจนถึงคนเล่นที่บอกว่าเกม ‘Resident Evil 4 VR’ นั้นยอดเยี่ยมทั้งระบบการเล่นบรรยากาศความน่ากลัวกว่านั่งเล่นแบบปกติหลายเท่า ใครที่มีแว่น ‘Oculus Quest 2’ ไม่ควรพลาด
Resident Evil 4 Remake อนาคตที่แฟน ๆ รอคอย
ปิดท้ายโครงการที่มีข่าวลือหลุดออกมาทาง ‘Capcom’ กำลังแอบพัฒนาเกม ‘Resident Evil 4 Remake’ เป็นเกมต่อมา แทนที่จะเป็นเกมภาคต่ออย่าง ‘Resident Evil Code Veronica’ ซึ่งทาง ‘Capcom’ ก็ไม่ออกมายอมรับว่าตนเองกำลังทำอยู่รึไม่ แต่ทุกสำนักเกมทั้งไทยและต่างประเทศต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทาง ‘Capcom’ ต้องทำ ‘Resident Evil 4 Remake’ อย่างแน่นอน เพราะเกมนี้คือการก้าวข้ามครั้งใหม่ในซีรีส์อีกครั้ง หลังจากที่ Resident Evil 2-3 Remake’ ยังคงใช้ระบบการควบคุมคล้ายแบบเก่าในรูปแบบการฟิกแบบใหม่ แต่ ‘Resident Evil 4 Remake’ คือการก้าวข้ามไปสู่สิ่งใหม่ ที่ถ้ามันไปได้สวยเราอาจจะได้เห็น ‘Resident Evil’ ภาคใหม่ที่ใช้ระบบนี้ก็ได้ และล่าสุดก็มีข่าวหลุดจากผู้ให้เสียงพากย์ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (Albert Wesker) ออกมาเปิดเผยภาพการออกแบบชุดของตัวละครตัวนี้ให้แฟน ๆ ได้ชม ที่เป็นการยืนยันทางอ้อมว่า ‘Capcom’ กำลังทำ ‘Resident Evil 4 Remake’ อยู่จริง ๆ และอีกไม่นานเราก็คงจะได้เห็นภาพจากเกมอย่างเป็นทางการในอนาคตอย่างแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวครบรอบ 17 ปีเกม ‘Resident Evil 4’ ที่เราหยิบยกมานำเสนอ ซึ่งเอาจริง ๆ เรื่องราวของเกมนี้ก็มีอยู่อีกมากมายที่บทความนี้ไม่ได้หยิบยกมาพูดถึง แต่เราได้รวบรวมเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ในบทความ “ย้อนอดีตวันวานเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับ ‘Resident Evil 4’ ที่คุณไม่เคยรู้” ในนั้นมีเนื้อหาเพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ‘Resident Evil 4’ อีกมากมายให้คุณได้ทราบ ส่วนใครที่ไม่เคยเล่นเกมภาคนี้บอกเลยว่าคุณได้พลาดของดีที่สุดในวงการเกมไปแล้ว ส่วนใครที่สนใจอยากหาเกมนี้มาเล่น คุณสามารถหามาเล่นได้เลย เพราะทุกเครื่องเกมที่คุณคิดออกจะมีเกม ‘Resident Evil 4’ ให้คุณได้เล่นหมด เรียกว่าเยอะขนาดที่ว่าสามารถให้มิคามิคว้านท้องตัวเองได้ 14 ครั้งคิดดูเอาเองแล้วกันว่าเยอะขนาดไหน ส่วนคราวหน้าจะเป็นวันครบรอบเกมอะไรอีก ก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส