เชื่อว่าหลายคนที่เป็นแฟนเกม ‘Resident Evil’ หรืออาจจะเคยดูและชอบผลงานการกำกับของ พอล ดับบลิว เอส แอนเดอร์สัน (Paul W.S. Anderson) มา คงต้องไปดูภาพยนตร์เรื่องใหม่ในซีรีส์นี้อย่าง ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเราสืบค้นลงไปในอดีตว่าก่อนที่พอล ดับบลิว เอส แอนเดอร์สันจะมากำกับ ‘Resident Evil’ เคยมีข้อมูลออกมาว่าเจ้าพ่อหนังซอมบี้ในตำนานอย่าง จอร์จ เอ โรเมโร (George A. Romero) ก็เกือบจะได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทางโรเมโรเคยได้กำกับภาพยนตร์โฆษณาเกม ‘BioHazard 2’ ของญี่ปุ่นมาก่อน เพื่อเป็นการคารวะในฐานะเจ้าพ่อผู้ให้กำเนิดภาพยนตร์ซอมบี้ที่เราได้เห็น เพราะถ้าไม่มีโรเมโรกับภาพยนตร์ซอมบี้ในตำนานอย่าง ‘Night of the Living Dead’ กับซอมบี้ในห้างอย่าง ‘Dawn of the Dead’ เราคงไม่เห็น ‘Resident Evil’ ก็เป็นได้ เมื่อเป็นแบบนั้นทาง ‘Capcom’ จึงเชิญโรเมโร่มากำกับโฆษณาชิ้นนี้ ที่แม้จะเป็นเพียงโฆษณาสั้น ๆ แต่แฟน ๆ ก็ชื่นชอบและรอคอยเป็นอย่างมาก
ภายหลังจากเกม ‘Resident Evil 2’ วางจำหน่ายและได้เสียงตอบรับในทางที่ดี ทาง ‘Capcom’ จึงว่าจ้าง อลัน บี. แมคเอลรอย (Alan B. McElroy) มาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ แต่ด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่างในการถ่ายทำโครงการนี้จึงถูกเสนอให้ทางโรเมโรสานต่อ ซึ่งเขาก็เขียนบทและเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ว่าจะอ้างอิงเรื่องราวจากเกม ‘Resident Evil’ ภาคแรกมาเป็นหลัก โดยบทที่ถูกเสนอนั้นลงวันที่ 7 ตุลาคม 1998 ที่บอกเล่าเรื่องราวของห้องปฏิบัติการลับสุดยอดใน ‘Arkley Forest’ เกิดการรั่วไหลของเชื้อไวรัสออกมาจากห้องทดลอง ขณะที่คริส เรดฟิลด์ (Chris Redfield) เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ (ครับคุณอ่านไม่ผิด) กำลังไปหาแฟนสาว จิล วาเลนไทน์ (Jill Valentine) เจ้าหน้าที่หน่วย S.T.A.R.S. ในเมืองแร็กคูน เมื่อกลับมาที่ฟาร์มก็พบสัตว์เลี้ยงและคนในฟาร์มถูกทำร้ายด้วยอะไรบางอย่างเขาจึงไปหาสาเหตุ ขณะที่ทางหน่วย S.T.A.R.S. ที่นำโดย อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (Albert Wesker) ได้รับการแจ้งเตือนถึงสิ่งผิดปกติ เขาจึงส่งจิลที่เป็นหัวหน้าหน่วยไปตรวจสอบป่าแห่งนั้น ซึ่งก่อนที่เธอจะไปจิลได้ติดต่อหาคริสเพื่อบอกเขาเรื่องนี้ ก่อนที่ทีมจะถูกหมาซอมบี้รุมทำร้ายจนเสียชีวิตทุกคน ยกเว้นเพียงจิลที่สามารถหนีเข้าไปที่คฤหาสน์ได้ทัน ขณะที่คริสซึ่งไม่ได้รับการติดต่อจากจิลก็ขี่ม้ามาในป่าได้พบศพและรอยเลือดจนเจอคฤหาสน์ พร้อมกับเหล่าซอมบี้และอาวุธชีวภาพสัตว์ประหลาดมากมายจนพบกับจิล ทั้งคู่จึงพากันหนีออกมา โดยที่จิลได้ทราบว่าเวสเกอร์อยู่เบื้องหลังและร่วมมือกับ ‘Umbrella’ ในการปล่อยเชื้อไวรัสออกมา
ตัวบทจะมีตัวละครหลายคนจากเกมไปปรากฏในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น จอห์น มาร์คัส (John Marcus) หัวหน้านักวิจัยที่ห้องทดลอง ‘Arkley Mansion’ ที่ถ้าใครเคยเล่นเกม ‘Resident Evil’ มาก่อนจะทราบว่าชื่อนี้คือหนึ่งในนักวิจัยที่เป็นเจ้าของรหัสบนคอมพิวเตอร์ว่า ‘John’ กับรหัส ‘Ada’ ซึ่งเขาจะมีตัวตนในภาพยนตร์ ขณะที่ในเกมจะเป็นเพียงรูปมัว ๆ นอกจากนี้ก็มี เอด้า หว่อง (Ada Wong) ที่เธอนั้นจะได้รับบทเป็นนักวิจัยที่เป็นบทบาทดั่งเดิมของเธอในเกมฉบับ ‘Resident Evil 1.5’ ก่อนที่จะถูกเอามาทำใหม่และเปลี่ยนบทให้เธอเป็นสายลับ นอกจากนี้ก็มีสัตว์ประหลาดที่จะอยู่ในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็น ‘Plant 42’ ต้นไม้สัตว์ประหลาด ‘Hunters’ ที่ในบทบอกว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดลูกครึ่งผสมระหว่างลิงกับกบ และที่ขาดไม่ได้คือ ‘Tyrant’ ที่หลุดออกมา ก่อนที่ตอบจบห้องทดลองจะระเบิดทำลายฟาร์มปศุสัตว์ของคริสและเมืองแร็กคูนที่อพยพคนออกไปแล้ว ซึ่งเมืองตอนนั้นก็ถูกซอมบี้ยึดเมืองไป นี่คือเนื้อเรื่องโดยย่อตั้งแต่ต้นจนจบที่เราเอามาให้ทราบกัน
ซึ่งสุดท้ายบทภาพยนตร์นี้ก็ไม่ถูกใจทาง ‘Capcom’ จึงส่งโครงการนี้ไปให้พอล ดับบลิว เอส แอนเดอร์สันสานต่อจนเป็นอย่างที่เราเห็น โดยภายหลังจากข้อมูลที่หลุดออกมาก็ทำให้หลายคนเอามาเทียบกับเรื่องราวของ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ กับผลงาน ‘Resident Evil’ ของพอล ดับบลิว เอส แอนเดอร์สัน ที่ดูยังไงก็ไม่เป็น ‘Resident Evil’ เลย และพออ่านบทของโรเมโรจบคุณคิดว่าบทนี้จะดีกว่าของสองผู้กำกับหรือไม่ เพราะเราจะได้เห็นคริสชาวไร่และบทบาทที่เปลี่ยนไปของหลายตัวละคร แถมตอนจบก็ไม่ได้มีการปูทางไปภาคต่อ เพราะเมืองถูกทำลายไปพร้อมห้องทดลอง ซึ่งไม่ว่าจะดีหรือไม่เราก็คงไม่มีทางได้เห็นเรื่องราวนี้อีกแล้ว เพราะจอร์จ เอ โรเมโรเสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2017 บทนี้จึงเป็นตำนานต่อไป ส่วนใครที่คิดว่าภาพยนตร์ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ หนักแล้วก็เตรียมรอดูซีรีส์ ‘Resident Evil’ บน ‘Netflix’ ได้รับรองว่าหนักกว่านี้แน่นอน ยังไงก็เตรียมล้างตาชมกันได้เร็ว ๆ นี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส