รีวิวเกม Kao the Kangaroo จิงโจ้ตะลุยดินแดนมหัศจรรย์
Our score
7.0

Kao the Kangaroo

จุดเด่น

  1. รูปแบบแอ็กชันที่สนุกเข้าใจง่าย
  2. งานออกแบบด่านทำได้ดี

จุดสังเกต

  1. กราฟิกธรรมดาไปหน่อย
  2. มี Bug ในเกม

หนึ่งในแนวทางการสร้างเกมที่ได้รับความนิยมมาตลอดคือแอ็กชันตะลุยด่านแบบ Super Mario ที่มีผู้เดินรอยตาม นับตั้งแต่ Mario 64 วางขายในปี 1996 แม้จะผ่านมาเกิน 20 ปีก็ยังมีแอ็กชัน 3D ออกมาต่อเนื่องและมีการพัฒนาและใส่ไอเดียใหม่ ๆ เข้าไป

ล่าสุดมีการเปิดตัว Kao the Kangaroo หนึ่งในซีรีส์เกมเก่าแก่กว่า 20 ปีที่วางขายตั้งแต่ปี 2000 บน Dreamcast และ PC นอกจากนี้ยังมีการออกภาคต่อมาอีกหลายเกม และล่าสุดมีการเปิดตัวภาคใหม่ในชื่อเดิม Kao the Kangaroo ที่ไม่ได้เป็นภาคต่อแต่เป็นการสร้างใหม่หมดออกบน PS4, PS5, Xboxone, Nintendo Switch, xbox series และ PC ด้วย

เรื่องราวในเกมจะเกิดในโลกแฟนตาซีที่มีสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พูดได้เหมือนมนุษย์ และเรื่องราวจะเริ่มขึ้นเมื่อ Kao จิงโจ้หนุ่มต้องออกไปช่วยน้องสาวที่ถูกลักพาตัวไป พร้อมกับค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อที่หายสาบสูญไปนานหลายปี โดย Kao ต้องออกไปท่องโลกเพื่อสำรวจค้นหาและปลดล็อกฉากใหม่ที่มีหมู่บ้านเป็นจุดศูนย์กลางในการดำเนินเรื่องราว

กราฟิกเกือบจะดีแล้ว

ภาพในเกม Kao the Kangaroo มาแนวทางแอ็กชันในโลกแฟนตาซี ที่มีงานออกแบบเหมือนกับเกมอื่นไม่ได้แตกต่างที่มาแนวการ์ตูนที่ดูน่ารักดี งามออกแบบถือว่าใช้ได้แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่ นอกจากนี้การกำกับบทในฉากที่มีการเล่าเรื่องราวยังดูธรรมดา การเคลื่อนไหวดูแข็ง ๆ ทำให้คัทซีนที่ยัดใส่เข้ามาไม่สามารถดึงเราให้เข้าสู่เรื่องราวได้ แถมความละเอียดก็ไม่ได้สูงมากสำหรับมาตรฐานเกมในยุคนี้

ส่วนเพลงประกอบมาแนวซีรีส์การ์ตูนที่ดูน่ารักสดใส มีการใส่ธีมให้เข้ากับรูปแบบการเล่นไม่ว่าจะในฉากแอ็กชันรวมทั้งฉากที่เราต้องแก้ปริศนาก็มีการปรับธีมให้ดูลึกลับ และทีมงานมีการลงทุนใส่เสียงพากย์ที่ใส่เข้ามาเพื่อเล่าเรื่องตลอด แต่งานพากย์เสียงดูธรรมดาไปหน่อย โดยรวมไม่ได้เลวร้ายเพราะทุนสร้างเกมอาจจะไม่สูงมากนัก แต่หากคุณไม่คาดหวังอะไรมากมันก็พอจะรับได้

รูปแบบการเล่นแอ็กชันตะลุยด่าน

การท่องไปในโลกของ Kao มาในรูปแบบผสมผสานหลายเกมเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Super Mario ภาค 3 มิติ กับ Crash Bandicoot รวมทั้งเกมจากค่าย Sony อย่าง Ratchet & Clank เข้าด้วยกัน ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นจิงโจ้หนุ่ม kao ที่ต้องตะลุยด่านแบบ 3 มิติที่จะได้ต่อสู้กับศัตรูด้วยพลังหมัดที่สามารถต่อยศัตรู และสานต่อเป็นคอมโบได้และหากทำท่าต่อเนื่องจะค่อย ๆ สะสมค่าพลังเมื่อเต็มจะใช้พลังโจมตีที่รุนแรงได้ แม้จะไม่ได้สดใหม่และมีเพียงไม่กี่ท่าแต่ก็เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยาก

ส่วนศัตรูในเกมจะมาหลากหลายรูปแบบทั้งโจมตีระยะใกล้ หรือยิงไกลเช่นปาหอกใส่หรือพวกที่บินได้ที่คอยก่อกวนเรา ที่โดยรวมมันไม่ได้ง่ายนักเพราะหากมันออกมาพร้อมกันเราก็รับมือได้ยาก ทำให้เราต้องหลบหลีกไปพร้อมกับการโจมตีสวนกลับด้วย ส่วนบอสในเกมก็จะมีการโจมตีเป็นรูปแบบที่เราต้องจับจังหวะให้ได้ก็จะสามารถผ่านไปได้ แต่อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ง่ายนักโดยเฉพาะยาเติมพลังที่ไม่ได้ออกมาบ่อย ๆ ทำให้การต่อสู้กับศัตรูโหด ๆ หรือบอสต้องระมัดระวังกันตลอด

ฉากออกแบบมาดีมีระบบธาตุช่วยแก้ปริศนา

อีกจุดเด่นที่ Kao the Kangaroo ทำออกมาได้ดีเกินคาดคืองานออกแบบฉาก ที่แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นตรงแต่ก็มีทางแยกให้ไปสำรวจเพื่อเก็บไอเทมที่ซ่อนไว้ได้ และยังมีงานออกแบบพื้นเลื่อนไว้กระโดดแบบเกม Super Mario ที่ทำมาได้ยากท้าทายดี แต่จะมีปัญหาอยู่ที่มุมกล้องยังคงเป็นปัญหาแม้ว่าเราจะปรับเปลี่ยนมุมกล้องเองได้ แต่บางส่วนยังดูยากทำให้เราพลาดตายได้ง่ายจนหัวร้อนได้

อีกส่วนที่ทำให้เกมเพลย์สนุกและหลากหลายขึ้นคือระบบธาตุ ที่ Kao ของเราสามารถนำมาใช้โจมตีเพื่อเปิดทางไปต่อได้ เช่นการใช้ธาตุไฟเพื่อปล่อยพลังหมัดไฟเพื่อเผาทำลายไม้หรือใยแมงมุมเพื่อเปิดทางให้ไปส่วนต่อไป และยังมีการใช้สิ่งของในฉากเพื่อปาระยะไกลไปเปิดประตู หรือการใส่การแก้ปริศนาแบบพัซเซิลที่มีเวลาจำกัด เข้ามาเพื่อเบรคฉากแอ็กชันด้วยและใส่เข้ามาได้ลงตัวไม่มากไปไม่น้อยไป

นอกจากนี้ระบบอัปเกรดตัวละครก็เรียบง่ายใช้การเก็บชิ้นส่วนหัวใจแบบซีรีส์ Zelda มาทำให้เราต้องขยันสำรวจเพื่อจะได้ค่าพลังชีวิตเพิ่มเติม ส่วนการปลดล็อกฉากใหม่เราต้องหาไอเทมเพื่อมาเปิดประตูมิติเพื่อเข้าไปด่านใหม่ นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านที่เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางในการเล่นที่มีเนื้อเรื่องให้ทำและมีร้านค้าไว้ให้ซื้อของด้วย อย่างไรก็ตามความดีงามยังมีปัญหาที่ทำให้เราหงุดหงิดคือพบ Bug ในเกมที่ร้ายแรงขนาดไม่สามารถไปต่อได้ต้องกดเริ่มใหม่อยู่หลายจุด คาดว่าผู้สร้างน่าจะออกตัวแก้ไขมาเร็ว ๆ นี้

การกลับมาของจิงโจ้นักมวยใน Kao the Kangaroo ถือว่าทำออกมาดีตามยุคสมัย แต่ไม่ได้โดดเด่นมากมายเหมือนเกมแอ็กชันทั่วไปที่มีระบบต่อสู้ที่เข้าใจง่าย และฉากที่มีอะไรให้ทำมากกว่าที่คิด แต่โดยรวมยังไม่สามารถเอาไปเทียบกับซีรีส์หลักที่มันเดินตามอย่าง Mario หรือ Crash Bandicoot แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหากเทียบกับราคาขายที่ไม่ได้แพง หากคุณชอบแอ็กชันตะลุยด่านจะไปหามาเล่นก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส