Our score
7.5Clan O'Conall and the Crown of the Stag
จุดเด่น
- 3 ตัวละครที่แตกต่าง และสลับมาเล่นได้ตลอด
- ฉากออกแบบมาดีมีทั้งแอ็กชันและแก้ปริศนา
จุดสังเกต
- ไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ค่ายเกมเล็ก ๆ หรือที่เรียกกันว่าค่ายอินดี้จะสร้างเกมที่มีกราฟิกแบบ 2 มิติเน้นการแก้ปริศนาผสมเข้าไปด้วย เพราะใช้ทุนสร้างไม่สูงมาก และยังสร้างได้ไม่ยากแต่สามารถใส่ไอเดียและลูกเล่นเข้าไปได้มากมาย ซึ่งหากทำออกมาได้ดีแล้วมันก็สร้างความสนุกได้ไม่แพ้เกมจากค่ายใหญ่
ล่าสุดกับการเปิดตัว Clan O’Conall and the Crown of the Stag บน Nintendo Switch ที่เคยออกวางขายบน PC ไปแล้วในปี 2021 ที่เป็นผลงานของค่ายเกมอินดี้อย่าง HitGrab นำเสนอด้วยเกมเพลย์แอ็กชัน 2 มิติมุมมองด้านข้างที่เรียบง่ายแต่สนุกจนทำให้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก ส่งผลให้การมาออกบน Switch น่าจับตามองเพราะแนวทางของเกมเข้ากับคอนโซลปู่นินที่เหมาะกับเกมอินดี้มาก
ส่วนเรื่องราวในเกมจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการแย่งชิงมงกุฎ Stag ที่โดนปีศาจร้ายขโมยไป เราจะได้รับบทเป็นตัวละคร 3 พี่น้องตะกูล O’Conall นำโดยพี่ใหญ่ Haggish, Kilcannon และ Clakshot เพื่อออกไปชิงมงกุฎคืนมาเพื่อหยุดยั้งสงครามที่จะเกิดระหว่างมนุษย์กับ Fea โดยเนื้อเรื่องจะเล่าแบบเรียบง่าย เพราะใช้ภาพแบบการ์ตูนแต่ก็ทำออกมาได้ดีตามฟอร์มของเกมที่ไม่ได้มีทุนสร้างสูงนัก
กราฟิกเหมือนเกมบนสมาร์ตโฟน
ภาพในเกมอาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก เพราะมันสร้างแบบเรียบง่ายเกินไปหน่อย เป็นภาพวาดแบบ 2 มิติเหมือนภาพตัดแปะที่มีการเคลื่อนไหวเหมือนหุ่นเชิดที่พบเห็นได้บนสมาร์ตโฟนทั่วไป แต่ก็พอรับได้และเมื่อเทียบกับฟอร์มของค่ายผู้สร้างแล้วถือว่าดูดีพอตัวอย่างน้อยก็มีความลื่นไหลไม่มีสะดุด แต่ความจริงน่าจะทำได้ดีกว่านี้หน่อยเพราะมีเกมแนวเดียวกันที่ทำกราฟิกได้เทพกว่านี้มาก
คัทซีนในเกมถือว่าทำได้ดี เพราะมีการสร้างเป็นการ์ตูน 2 มิติที่เล่าเรื่องได้เรียบง่ายแต่ก็เข้าใจง่าย และมีเพลงธีมที่อลังการงานสร้าง แต่เสียดายที่ไม่มีเสียงพากย์ของตัวละครทำให้ดูเรียบ ๆ ไปหน่อย อย่างไรก็ตามเพลงในฉากถือว่าทำได้ดีช่วยเสริมในฉากที่ต้องลุ้นเช่นด่านที่ต้องหลบหนีจากศัตรูก็ใส่เพลงที่ชวนตื่นเต้น และในฉากที่ต้องแก้ปริศนาจะใช้ดนตรีเรียบ ๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้มีสมาธิกับการเล่น
เกมเพลย์สนุกแม้จะไม่แปลกใหม่
มองภายนอกแล้ว Clan O’Conall and the Crown of the Stag เป็นแอ็กชัน 2 มิติมุมมองด้านข้างที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย เพราะแนวนี้มีออกมาตลอดโดยเฉพาะเกมเล็ก ๆ จากค่ายอินดี้ที่ออกแทบจะทุกวัน แต่มันก็พยายามจะใส่ลูกเล่นเข้าไปมากมายเพื่อให้มันสะดุดตาน่าเล่น ประเด็นแรกคือแอ็กชันของตัวละครที่มีมาให้ใช้อยู่หลายท่าเช่นตัวละครหลักจะมีไม้ตายหลากหลาย ทั้งใช้โจมตี และเพื่อแก้ปริศนาเปิดทางไปต่อ
และในเมื่อตัวละครหลักมี 3 ตัวที่เป็นพี่น้องกันทำให้รูปแบบการเล่นมีอะไรมากกว่าแค่ตะลุยด่าน ซึ่งตัวละครหลักจะเป็นพี่ใหญ่อย่าง Haggish ที่ใช้ดาบเป็นอาวุธและสามารถใช้สกิลความสามารถได้หลากหลาย รวมทั้งยังใช้การร่อนตัวกลางอากาศดวยขนสัตว์ได้ ตามด้วย Kilcannon จอมพลังประจำทีมที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ใช้ทำลายกำแพงและพื้นผิวได้ ปิดท้ายกับสาวน้อยนักธนูนาม Clakshot ที่ใช้อาวุธยิงไกลเป็นหลักที่นอกจากจะไว้โจมตีแล้วยังใช้แก้ปริศนาในเกมได้ด้วย
แก้ปริศนาตะลุยด่านด้วย 3 ตัวละคร
แน่นอว่าผู้เล่นจะสามารถสลับเปลี่ยนเอา 3 ตัวละครมาใช้ได้ตลอดเกม และจะมีค่าพลังแยกกันและการเปลี่ยนตัวทำได้รวดเร็วมากแค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น และฉากที่ออกแบบมาก็รองรับความสามารถของตัวละครเช่นการใช้ดาบโจมตีและฟันต้นไม้ หรือใช้ธนูยิงที่กดไกเพื่อเปิดประตู และตามด้วยใช้พลังหมัดทำลายกำแพง ที่ในฉากจะมีมาให้ใช้แบบต่อเนื่องทำให้เราต้องสลับเปลี่ยนกันตลอดการเล่น
และยังมีบอกฉากที่ใช้ความเร็วสูงมาก เช่นการไล่ล่าหลบหนีที่เราต้องวิ่งหนีสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ แน่นอนว่าอุปสรรคที่มาขวางต้องใช้ตัวละครให้ถูกถึงจะผ่านทางไปได้ และหากเลือกผิดหรือกดท่าพลาดก็จะตายในทันที ทำให้ผู้เล่นต้องจำให้ดีว่าต้องใช้ตัวละครไหนและต้องเปลี่ยนออกมาให้ถูกที่ถูกเวลาด้วยถึงจะเปิดทางไปต่อได้ ทำให้เกมเพลย์ในส่วนแอ็กชันอาจจะไม่ใช่จุดเด่นนัก แต่ก็ถือว่าศัตรูในเกมมีความโหดพอสมควรบางตัวแม้จะเป็นศัตรูทั่วไปสามารถทำให้เราตายได้ง่าย ๆ เลยแถมยังโผล่มาพร้อม ๆ กันหลายตัวด้วยเช่นเดียวกับบอสที่มีความโหดพอตัว ต้องโจมตีและหลบหลีกรวมทั้งใช้พลังของ 3 พี่ต้องเพื่อมาต่อสู้กับมันด้วย
อีกส่วนที่น่าประทับใจคือฉากแก้ปริศนาที่ใส่ออกมาได้ดีเพราะมีความซับซ้อนมาก เราต้องสลับเปลี่ยนทั้ง 3 ตัวละครออกมาเล่นกันครบ ที่ต้องชมหนัก ๆ คือมันทำออกมาเหมือนกับเกมแนวพัซเซิล และมีการเปลี่ยนมุมมองของฉากให้กว้างขึ้นเพื่อจะได้เห็นว่าต้องแก้ปริศนาตรงจุดไหนบ้าง ซึ่งหากเราจับจุดได้ก็ผ่านไปได้ไม่ยากนัก ปิดท้ายกับระบบอัปเกรดตัวละคร ใช้ตอนผ่านด่านเพิ่มท่าไม้ตายใหม่ ๆ เข้าไปที่ต้องค่าพลังที่เก็บได้ในฉากมาอัปเกรด
โดยรวมแล้ว Clan O’Conall and the Crown of the Stag คือเกมแอ็กชัน 2 มิติ จากค่ายเล็ก ๆ ที่ดูแล้วอาจจะธรรมดา แต่พอได้เล่นมันมีอะไรดีกว่าที่คิดไว้พอสมควรแม้จะไม่ได้สดใหม่เต็ม 100 เพราะแนวทางนี้มีการนำมาใช้หลายเกมแล้ว แต่ผู้สร้างก็ทำออกมาได้ดีมีความซับซ้อนในฉากแก้ปริศนาและการต่อสู้ก็สนุกท้าทายลงตัว ใครอยากเล่นเกม 2D สนุก ๆ มันก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจแถมราคาขายไม่แพงด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส