Our score
6.5Overlord Escape from Nazarick
จุดเด่น
- เกมเพลย์เข้าใจง่าย ต่อสู้กับบอสสนุก
- กราฟิกผสมผสานได้ลงตัว
- ราคาเกมถูก
จุดสังเกต
- ศัตรูในเกมซ้ำซาก
- เกมสั้นเกินไปหน่อย
- ฉากออกแบบไม่ดี
เกมแอ็กชันเน้นสำรวจฉากหรือที่เรียกว่า Metroidvania ถูกสร้างออกมามากมายนับไม่ถ้วน ทำให้หากผู้สร้างไม่สามารถทำให้โดดเด่นก็อาจจะไม่น่าสนใจ แต่เกมที่นำมารีวิวในวันนี้มันเตะตาตั้งแต่ต้น เพราะมันสร้างโดยอิงจากอนิเมะ Overlord และมีกราฟิกที่ดูน่าสนใจทำให้ต้องหามาลองเล่น (เกมวางขายบน PC และ Nintendo Switch)
นอกจากนี้สัมผัสแรกของ Overlord Escape from Nazarick ยังทำให้คิดถึงเกมในตำนานอย่าง Castlevania Symphony of the Night อยู่หลายส่วน ไม่ใช่แค่รูปแบบการเล่น แต่งานออกแบบฉากที่วนเวียนอยู่ในดันเจี้ยนเดียว และแอ็กชันของตัวละครที่เหมือนถอดแบบมา ทำให้ในเบื้องต้นมันขาดความเป็นต้นฉบับเหมือนเกมเลียนแบบ แต่พอได้สัมผัสมันก็พอมีความแตกต่างอยู่หลายส่วน
เกมเป็นผลงานของค่าย Engines Inc. และจัดจำหน่ายโดย KADOKAWA CORPORATION แม้ว่าอาจจะไม่ใช่เกมฟอร์มใหญ่อะไรนักแต่ก็พอจะน่าสนใจ ส่วนเรื่องราวในจะเน้นการหาทางออกไปจากวิหาร Nazarick ที่ตัวเอก Clementine ที่หลังจากพลาดท่าและได้คืนสติในดันเจี้ยนลึกลับพร้อมอาการความจำเสื่อม ผู้เล่นต้องรวบรวมอาวุธ, คืนค่าสกิลความสามารถเพื่อหาทางออกไปจากขุมนรกนี้ แต่เรื่องราวเหมือนกับการเป็นสปินออฟจากซีรีส์หลักอย่าง Overlord มากกว่า
กราฟิกแบบพิกเซลที่ไม่ดูเชย
แม้ว่าภาพใน Overlord Escape from Nazarick จะเป็นแบบพิกเซลแต่ก็มีการใส่รายละเอียดเข้าไปโดยเฉพาะแสงเงาของฉากและตัวละคร ทำให้มันมีความคล้ายกับภาพแบบ 2D-HD อยู่หลายส่วนแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันแบบ 100% อย่างไรก็ตามภาพมันดูดีเกินกว่าต้นฉบับที่มันพยายามจะเป็น และไม่ได้ดูเชยเลยถือว่าเป็นการพบกันตรงกลางระหว่างยุคเก่าและใหม่ได้ลงตัว
แต่เป็นที่น่าเสียดายคือเพลงประกอบทำได้น่าผิดหวัง แม้ว่าจะมีการตั้งใจใส่ดนตรีบรรเลงแนวเดียวกับภาค Castlevania Symphony of the Night แต่ทำได้เรียบเกินไปไม่มีเพลงธีมที่โดดเด่นเลย ทำให้มันกลายเป็นข้อด้อยของเกมไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมันห่างชั้นกับต้นฉบับมากราวฟ้ากับเหว ส่วนเสียงพากย์ของตัวละครมีในระหว่างเล่นที่เป็นการบอกชื่อท่าไม้ตาย แต่ไม่มีในฉากเล่าเรื่องทำให้น่าผิดหวังพอสมควร
รูปแบบการเล่นเน้นสำรวจ
เกมเพลย์จะมาแนว Metroidvania แบบจัดเต็มตัวเอก Clementine จะต้องออกสำรวจฉากกว้าง ๆ แบบ 2 มิติมุมมองด้านข้างเพื่อค้นหาทางไปต่อ ที่ผู้เล่นมีอิสระในการเดินทางไปได้ทั่วแต่จะถูกจำกัดด้วยอุปสรรคที่ต้องใช้ความสามารถพิเศษในการปลดล็อกเปิดทางไปต่อ เช่นการเก็บพลังของธาตุไฟแล้วตัวละครของเราจะเดินลุยไฟได้ แต่ยังมีท่าพิเศษที่ช่วยกำจัดศัตรูได้พร้อมกันหลายตัวและจำเป็นต่อการต่อสู้กับบอสด้วย
นอกจากนี้การเปิดประตูยังใส่ระบบแปลก ๆ ที่เราจะใช้มีดเพื่อสะเดาะประตู หรือใช้ไอเทมลูกตุ้มติดโซ่เพื่อห้อยโหนไปบนพนังหรือกำแพง และลูกตุ้มยังใช้เป็นอาวุธโจมตีได้ด้วย หรือการกระโดดไปโหนเสาในฉากแล้วทำท่าเหมือนเล่นยิมนาสติกเพื่อกระโดดไปที่สูง ทำให้มันดูแปลกประหลาดเพราะแทบไม่มีเกมไหนทำมาก่อน แต่สามารถนำมาประยุกต์ได้หลากหลายและบอสบางตัวก็ต้องใช้ความสามารถแปลก ๆ เพื่อช่วยต่อสู้ด้วย
ความแปลกแบบงง ๆ อีกส่วนในเกมคือไม่มีการระบุว่าต้องทำอะไรที่ไหนบ้างแบบตรง ๆ ทำให้ผู้เล่นต้องหาคำบอกใบ้และหาทางไปต่อเอาเอง แต่หากมองเป็นข้อดีคือมันเหมือนกับต้นฉบับที่ต้องหาเส้นทางเอาเองไม่มีจุดบอกบนแผนที่ และเนื่องด้วยฉากที่กว้างพอสมควร ทำให้มีการใส่จุดวาร์ปเข้ามาทำให้เราเดินกลับไปมาเพื่อสำรวจได้รวดเร็ว
ระบบแอ็กชันที่ไม่ซับซ้อนแต่สนุกไม่สุด
อีกส่วนที่ยังทำได้ไม่ค่อยดีนักคือการต่อสู้ ที่หลัก ๆ แล้วเราจะสามารถใช้อาวุธได้ 2 ชนิดที่มาแบบหลักและอาวุธเสริม ที่จะสลับเปลี่ยนออกมาใช้ได้ง่ายดาย และยังอัปเกรดให้โจมตีแรงขึ้นได้ด้วยการเอาอัญมณีมาเพิ่มค่าพลังตามเตาหลอมที่อยู่ในฉาก แต่ก็ไม่ได้สร้างเพิ่มค่าอะไรได้มากนัก ศัตรูในเกมก็โจมตีแบบซ้ำซากไปหน่อย ยังดีที่การต่อสู้กับบอสทำได้สนุกพอตัว เพราะมีการโจมตีที่หลากหลายและเราต้องงัดอาวุธและท่าไม้ตายมาเพื่อกำจัดมันที่ต้องใช้ทั้งอาวุธหลัก, อาวุธเสริมและท่าไม้ตายถึงจะกำจัดได้ แต่สำหรับมือใหม่ก็มีโหมดง่ายมาให้เล่นด้วย
นอกจากนี้ความสามารถที่ตัวเอกต้องมีคือระบบเวทมนต์ ที่มาแบบง่าย ๆ เช่นพลังไฟก็จะปล่อยลูกไฟไป และมีค่าพลังทำให้ใช้ได้จำกัดไม่ได้แตกต่างหรือแปลกใหม่ และแอ็กชันการปล่อยท่าก็ทำได้เรียบไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่มันก็จำเป็นในการผ่านฉากและต่อสู้กับศัตรูบางตัว ซึ่งเวทมนต์จะค่อย ๆ ปลดล็อกออกมาเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ที่ตรงจุดนี้อาจจะดูธรรมดาไปหน่อย
Overlord Escape from Nazarick อาจจะไม่ใช่เกมแนว Metroidvania ที่ดีที่สุดเพราะหลายจุดในเกมยังดูไม่ลงตัวเท่าที่ควร ทั้งฉากที่ชวนงง ๆ ศัตรูที่ใช้รูปแบบซ้ำซากเพลงประกอบที่ไม่มีธีมโดดเด่นติดหู ทำให้ความพยายามที่จะเลียนแบบ Castlevania Symphony of the Night ดูเสียของไป แถมเกมยังสั้นไปหน่อยใช้เวลาจบไม่ถึง 4 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับราคาขายก็ถือว่าคุ้มอยู่ ยิ่งหากคุณเป็นแฟนการ์ตูนอยู่แล้วก็ไม่ต้องคิดมากไปหามาเล่นได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส