[รีวิว] Saints Row ฉบับรีบูต (ที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของแฟรนไชส์)
Our score
6.0

[รีวิว] Saints Row ฉบับรีบูต (ที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของแฟรนไชส์)

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์เหมาะสำหรับคนที่ชอบเกมแนว Shoot em up
  2. เนื้อเรื่องเข้ากับคนยุคปัจจุบันและสนุก
  3. ตัวเลือกปรับแต่งตัวละคร, รถ และอาวุธที่ไร้ขีดจำกัด
  4. การออกแบบสภาพแวดล้อมเมืองสวย
  5. ไม่มีคอนเทนต์ Woke เหมือนที่ทุกคนสันนิษฐานจากบุคลิกของเหล่่าตัวละครเอาไว้

จุดสังเกต

  1. บั๊กเยอะและขัดอารมณ์ขณะที่เล่นเป็นอย่างมาก
  2. งานภาพกราฟิกเวลามองมาจากบนฟ้าดูแย่
  3. สำหรับเวอร์ชัน PC เมื่อเล่นผ่าน Epic Launcher มีปัญหาตอนเปิดเกมที่น่ารำคาญมาก ๆ
  4. ระบบเล็งปืน Auto บางทีไม่เล็งติด
  5. เสียงพากย์ขาด ๆ หาย ๆ ซับไตเติ้ลไม่เคยตรงกับปากของตัวละคร
  6. จะดูดีกว่านี้ถ้าตัวเกมถูกนำเสนอในชื่อแฟรนไชส์ใหม่ที่ไม่ใช่ Saints Row
  7. ตัวเกมไม่คุ้มกับราคาที่จ่ายไป
  • Story

    7.5

  • Gameplay

    6.5

  • Presentation

    6.0

  • Performance

    4.0

หลังจากจักรวาลหลักของ Saints Row ภาคเก่าถูกระเบิดไปเป็นที่เรียบร้อย ทางทีมงาน Volition ก็ได้ประกาศเปิดตัวเกมภาครีบูตสำหรับแฟรนไชส์ในชื่ออย่างเป็นทางการว่า Saints Row ซึ่งแน่นอนว่าในภาคนี้จะเป็นการเริ่มใหม่ตั้งแต่แรกของแก๊ง Saints ที่ปูใหม่หมดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในยุคปัจจุบัน

ด้วยการออกแบบตัวละครที่เน้นเข้ากับคนช่วงวัย 20 ที่ดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยสาขาศิลปะในยุคปัจจุบัน มากกว่าที่จะทำให้พวกเขาดูเหมือนมาเฟีย ช่วงที่ตัวเกมประกาศเปิดตัวใหม่ ๆ ก็ได้รับคำวิจารณ์จากชาวเน็ตเป็นอย่างมากว่าทีมงานพยายามเอาใจชาว SJW (Social Justice Warrior) ด้วยการใส่วัฒนธรรม Woke เข้าไปในเกม

ซึ่งตัวผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันในช่วงแรก แต่หลังจากที่ได้เล่นจบแล้ว เนื้อเรื่องของเกมได้อธิบายไว้เรียบร้อยว่าทำไมนักศึกษาเหล่านี้ถึงเข้าวงการอาชญากรรม อย่างไรก็ตาม ตัวเกมก็ยังมีข้อเสียใหญ่ ๆ นอกจากบั๊กใหญ่ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ก็มีปัญหาในส่วนของการนำเสนอที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ของแฟรนไชส์ครับ

ทั้งนี้ ก่อนที่เราจะมาเริ่มกันก็ต้องขอขอบคุณทางทีม Volition สำหรับโค้ดรีวิว Saints Row เป็นอย่างสูงครับ

Story

เนื้อเรื่องของฉบับรีบูตจะแตกต่างจาก Saints Row ภาคก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง โดยปกติแล้วแฟรนไชส์นี้จะเกี่ยวกับเรื่องราวของแก๊งอาชญากรรมสไตล์มาเฟียยึดครองเมือง พร้อมกับบทตัวละครที่รั่วหลุดโลก แต่ในครั้งนี้ตัวเกมจะเล่าเรื่องออกแนวเหมือนหนังวัยรุ่นแนว Action Comedy ที่ดูไม่ค่อยซีเรียสกับธุรกิจอาชญากรรมเหมือนภาคก่อน ๆ แต่ให้ความสำคัญที่ ‘พลังมิตรภาพในผองเพื่อน’ คล้ายกับอนิเมะแนว Shounen มากกว่า

จากที่เล่นจนจบ ก็บอกได้ว่าเนื้อเรื่องก็เขียนออกมาได้สนุกดี แต่เนื้อเรื่องหลัก ๆ ตัวเกมจะเน้นไปทางการใช้ชีวิตของคนรุ่นปัจจุบันมากกว่า (Millennial และ Gen Z) ไม่ว่าจะเป็นปัญหาไม่มีเงินซื้อบ้านเลยต้องแชร์หอกับเพื่อนร่วมชะตากรรม, ต้องยอมทำงานห่วย ๆ เพื่อจ่ายหนี้มหาวิทยาลัย แถมยังต้องยอมตัวเองให้กับหัวหน้าแสนระยำเพื่อไม่ให้ตัวเองตกงาน

ซึ่งถึงแม้จะเขียนออกมาได้สนุกก็ตาม แต่ก็ดูขัดกับภาพลักษณ์ประจำของแฟรนไชส์ที่เน้นแนว Work Hard กับกิจกรรมอาชญากร และ Play Hard ในแบบ ‘โหดมันฮา’ เป็นอย่างมาก เพราะในฉบับรีบูตแก๊งของเราไม่มีความโหดเลยมีแต่ฮา แถมตัวเอกเราถึงจะบ้าระห่ำก็ตาม แต่ก็มีนิสัยเป็นคนมีน้ำใจและทำตัวขี้เล่นเหมือนกับเด็กที่อยากสนุกไม่รู้จบ

เอาจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่อย่างที่กล่าวไปว่ามันดูขัดกับภาพลักษณ์ของเกม เลยไม่แปลกใจว่าทำไมแฟน ๆ Saints Row ถึงไม่ค่อยถูกใจกับตัวละครมากนัก ส่วนตัวมองว่าถ้าทางทีมงานนำคอนเซ็ปต์นี้ไปทำเป็นเนื้อเรื่องให้กับเกมใหม่นอกแฟรนไชส์ Saints Row น่าจะเป็นไอเดียที่ดีกว่าครับ

Gameplay

เริ่มจากระบบการสร้างตัวละคร ในส่วนนี้คงจะเป็นส่วนที่สนุกที่สุดของเกมแล้ว เพราะผู้เล่นสามารถปรับส่วนต่าง ๆ ของตัวละครได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสีผิวสุดหลุดโลกที่เลือกได้จากวงล้อสี RGB พร้อมกับตัวปรับความวาวของผิวให้ดูเหมือนกับมนุษย์ หรือ ปรับโครงหน้าให้ดูผิดมนุษย์มนาตามที่ตามเราต้องการ

ซึ่งจากที่ผมเล่นเองก็ค่อนข้างใช้เวลาไปกับโหมดนี้เยอะพอสมควร เพราะปกติเป็นคนชอบสร้างตัวละครน่ารัก ๆ หากในเกมมีโหมดสร้างตัวละครให้ แต่กว่าจะปรับได้ขนาดนี้ก็บอกได้ว่ายากพอสมควร เพราะ Preset ที่เกมมีให้ส่วนใหญ่จะเน้นไปหน้าโหด ๆ มากกว่าหน้าสวย ๆ ครับ

ในส่วนของเกมเพลย์หลัก ทำออกมาได้สนุกเหมือนกับภาคก่อน ๆ และดูไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันแม้แต่น้อย หลังจากผมได้กลับไปลองเล่น Saint Row The Third ดูอีกทีหลังจบเกม ก็พอบอกได้ว่าสิ่งที่เพิ่มมาในเกมเพลย์ภาคนี้ ผู้เล่นสามารถปีนขึ้นหลังคารถเพื่อใช้ปืนขนาดใหญ่ยิงศัตรู, Perks และสกิลของตัวละคร, พร้อมกับโชว์หลอดเลือดของศัตรูและรถของพวกเขาคล้ายกับ Farcry 6 ครับ

ในส่วนของภารกิจต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปแนวยิงและพังทลายฐานของศัตรูเป็นซะส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบเกมแนว Shoot’em up ระบายอารมณ์ แต่สำหรับใครที่ชอบความหลากหลายหรืออะไรใหม่ ๆ จากแฟรนไชส์ ก็พอบอกได้ว่าไม่น่าจะพอใจกับเกมเพลย์สักเท่าไหร่

ถึงแม้ตัวเกมจะมี Side Quest หลากหลายให้ทำก็ตามอย่างโหมด Insurance ที่ผู้เล่นสามารถโยนตัวเองให้รถชนลอยไปอวกาศเพื่อโกงเงินประกัน (คล้ายกับ Saints Row ภาคก่อน ๆ) ก็ตาม แต่จากที่เล่นภารกิจ 70% ยังไงก็เน้นยิงระห่ำเหมือนกันหมด

นอกจากนั้นแล้ว ในเกมจะมีของสะสมต่าง ๆ ให้ผู้เล่นได้เก็บและนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน โดยผู้เล่นสามารถใช้กล้องถ่ายรูปเผื่อถ่ายภาพของสะสมต่าง ๆ ตามเมือง Santo Ileso เพื่อนำไปแลกเป็นของตกแต่งฐานของแก๊ง และนอกจากโหมดสร้างตัวละครที่ปรับแต่งได้ไม่จำกัดแล้ว ก็สามารถทำแบบเดียวกันการแต่งรถ, อาวุธ และสมาชิกในแก๊งอีกเช่นกัน

ก็ถือได้ว่าเป็นข้อดีที่ตัวเกมมีกิจกรรมให้ผู้เล่นได้ทำเป็นชั่วโมง แต่ข้อเสียจากที่เล่นมาก็ต้องบอกว่า ตัวเกมเพลย์ยังมีส่วนที่ต้องซ่อมอยู่มาก เช่นระบบ Auto Aim ไม่ค่อยล็อกเป้าหมายตามที่ควรจะเป็น, ระบบถ่ายรูปที่ไม่สามารถใช้กล้อง Selfie ได้เหมือนกับ GTA V ,Contact หรือระบบ Homies ที่มีพวกให้เรียกได้ไม่เยอะเหมือนภาคก่อน ๆ และไหนจะบั๊กใหญ่ ๆ ที่ทำให้ผู้เล่นต้องปิดเกมแล้วเปิดเล่นใหม่หมด แถมกับตัวเกมที่ลงใน Epic Games Launcher ที่มีปัญหาเปิดเกมไม่ติด แล้วต้องเปิด Launcher ใหม่หลายรอบจนกว่าจะเข้าเกมได้อีกครับ

Presentation

ในเรื่องของงานภาพกราฟิกถือว่าทำออกมาได้สวยงาม รวมไปถึงการออกแบบ UI ของเกมที่ทำสีออกมาได้เปรี้ยวมาก แต่ก็น่าเสียดายที่เป็นแบบนั้นเฉพาะบางช่วงของเกม เพราะเวลาที่ผู้เล่นมองเมืองจากมุมสูง สภาพโมเดลตึกและพื้นดินจะเหมือนกับโหลดยังไม่เสร็จดั่งกับตั้งค่าไว้ต่ำสุด ทั้งที่ผมปรับ Max ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม ตัวเมือง Santo Ileso มีการออกแบบมาที่ดีและสวยมาก โดยเฉพาะการใช้โทนสีของเมืองทะเลทรายที่ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมืองภาคก่อน ๆ และยังมีในส่วนของเพลงที่ทางทีมงานได้ร่วมมือกับศิลปินและ DJ คุณภาพเพื่อนำเพลย์ลิสต์สุดมันให้ผู้เล่นได้ก่อวินาศกรรมอย่างเต็มที่

แต่ในส่วนนี้ก็มีข้อเสียไม่แพ้กับข้อดีพอสมควรครับ เพราะในเรื่องเสียงมีหลายช่วงมากที่เสียงบทพูดไม่เล่น แถมซับไตเติลของเกม ‘ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว!!’ ตรงกับปากของตัวละครเลย

นอกจากนั้นแล้วจากที่กล่าวไปตอนต้น ด้วยความที่ตัวเกมถูกนำเสนอในชื่อแฟรนไชส์ของ Saints Row ที่เป็นเกมเน้นความเท่ในการก่ออาชญากรรมแบบจริงจัง พร้อมกับเกมเพลย์บ้าระห่ำที่หลุดโลก ไม่แปลกใจที่แฟน ๆ จะไม่ชอบเกมนี้เพราะ ตัวละครไม่มีใครจริงจังกับการก่ออาชญากรรม แต่เน้นไปทางเอาใจคนรุ่นปัจจุบันและพลังมิตรภาพมากกว่า ถึงตัวละครหลักเราจะมีอารมณ์ที่บ้าระห่ำก็ตาม แต่ก็มีแค่ตัวละครของเราคนเดียวในเกมที่เป็นแบบนั้น ต่างจากภาคก่อน ๆ ที่ระยำกันทั้งแก๊ง

ซึ่งส่วนตัวแล้ว มองว่าเนื้อเรื่องของภาครีบูตจะดีกว่าถ้าถูกนำไปทำเป็นเกมแฟรนไชส์ใหม่ครับ เพราะมันไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของแฟรนไชส์ Saints Row ที่ควรจะเป็นเลย แถมตัวเกมยังทำออกมาเหมือนเกมยิงปืน Open World ธรรมดาเกมหนึ่ง ที่ดูแล้วไม่ค่อยมีอะไรให้ผู้เล่นว้าวอีกด้วย

Verdict

โดยรวมแล้วจากที่ได้เล่นจนจบ Saints Row เป็นเกมที่ทำออกมาได้แย่พอสมควร ซึ่งไม่ใช่ส่วนเนื้อเรื่องแน่ ๆ เพราะส่วนตัวมองว่าเนื้อเรื่องสนุกใช้ได้เหมือนกับหนัง Action Comedy ที่เขียนมาให้เข้ากับคนยุคปัจจุบัน แต่ด้วยความที่มันขัดกับภาพลักษณ์ของแฟรนไชส์, เกมเพลย์ซ้ำ ๆ ไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้น่าจดจำ และบั๊กที่ขัดอารมณ์ในการเล่นเป็นจำนวนมาก

หากถามว่าแนะนำให้ซื้อไหม ก็บอกได้เต็มปากว่าไม่ครับ โดยเฉพาะบน Epic Games Store ห้ามเด็ดขาดเลยเพราะต้องเปิดปิดตัว Launcher ใหม่หลายรอบมากกว่าจะเข้าเกมได้ อย่างไรก็ตาม หากตัวเกมถูกซ่อมแซมบั๊กต่าง ๆ และลง Steam เป็นที่เรียบร้อย ก็แนะนำให้ซื้อเล่นตอนตัวเกมถูกลดราคาต่ำกว่า 500 บาทน่าจะคุ้มกว่าครับ เพราะเกมเพลย์หลัก ๆ นั้นเหมือนเดิม ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มมาไม่ค่อยมีอะไรที่น่าจดจำมากเลยครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส