Our score
7.5[รีวิวเกม] Front Mission 1st Remake สงครามหุ่นเหล็กในตำนานที่เหมาะกับแฟนตัวจริง
จุดเด่น
- กราฟิกทำใหม่หมด
- ปรับมุมกล้องได้ และมีระดับความยากให้เลือก
จุดสังเกต
- กราฟิกปรับใหม่แต่ยังดูเชย
- เหมาะกับแฟนตัวจริงเพราะรูปแบบการเล่นดูเชยไปหน่อย
หากคุณเป็นเด็กยุค 90S ต้องเคยผ่านยุคทองของค่าย Square ที่ในตอนนั้นยังไม่รวมกับ Enix ที่ออกเกมแนว RPG มามากมาย และบนคอนโซล 16Bit Super Famicom ของ Nintendo ก็มีตำนานอยู่หลายเกมไม่ว่าจะเป็น Final Fantasy หรือซีรีส์ Saga
แต่หนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จแบบเงียบ ๆ ก็คงหนีไม่พ้นซีรีส์ Front Mission เกมแนววางแผนการรบเทิร์นเบส ใส่คำสั่งที่วางขายบน Super Famicom ในปี 1995 ความโดดเด่นของเกมทำให้มันขายดีจนสามารถสร้างภาคต่ออกมาได้ แม้ว่าพักหลังจะเงียบ ๆ ไปบ้างแต่สำหรับเด็กยุค 90S น่าจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง และในที่สุดมันก็มีการนำมารีเมกในชื่อ Front Mission 1st Remake แบบทำกราฟิกใหม่หมดลงบน Nintendo Switch แม้จะเปิดตัวแบบเงียบ ๆ เหมือนต้นฉบับแต่สำหรับคนที่เคยเล่นแล้วก็ต้องไปหามาเล่น
เรื่องราวใน Front Mission 1st Remake จะเหมือนกับต้นฉบับ ที่จะเกิดในโลกอนาคตในปี 2090 โลกใช้หุ่นยนต์ที่เรียกว่า Wanzers มาทำสงครามกัน ตัวละครหลัก Royd Clive ทหารของหน่วย OCU ที่ต้องออกไปทำภารกิจสำรวจโรงงานผลิตอาวุธของ USN บนเกาะ Huffman แต่แล้วเรื่องราวก็เกิดเพราะทีมของเขาถูกสุ่มโจมตีโดยหุ่น Wanzers ของ USN ที่จุดชนวนไปสู่สงครามครั้งใหม่
กราฟิกปรับใหม่หมดแต่ยังไม่ดีพอ
เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเป็นการรีเมกกราฟิกก็ต้องยกเครื่องใหม่หมดอยู่แล้ว ซึ่งใน Front Mission 1st Remake ถือว่าทำออกมาเอาใจแฟนยุคเก่าพอสมควร เพราะทุกอย่างยังคงเดินตามรอยเดิมสมัย Super Famicom แต่จะถูกสร้างด้วย Engine ของเกมยุคใหม่ โดยเฉพาะตัวหุ่นยนต์ที่เปลี่ยนเป็นเป็น 3 มิติ ฉากในเกมก็มีมุมมองใหม่ที่ปรับมุมกล้องได้เพราะป็น 3D เช่นกัน
อย่างไรก็ตามมันก็ดูเชยไปหน่อยสำหรับเกมที่วางขายในปี 2022 เพราะภาพระดับนี้ควรจะเป็นเกมบนสมาร์ตโฟนมากกว่าจะออกบนคอนโซล เพราะในฉากนอกจากความคมชัดแล้วก็ไม่ได้ใส่ลูกเล่นแสงสีอะไรเข้าไปเลย ทำให้กราฟิกของมันเหมือนเกมเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมากกว่า ยังดีที่ดนตรีประกอบได้ยกเอาความยอดเยี่ยมจากต้นฉบับที่เป็นผลงานของ โยโกะ ชิโมมูระ (Yoko Shimomura) มาปรับแต่งเสียงใหม่แต่ใครไม่ชอบก็สามารถเลือกแบบต้นฉบับได้
รูปแบบการเล่นไม่เปลี่ยนแปลง
เกมเพลย์ก็ยังคงเหมือนเดิมที่มาในรูปแบบวางแผนการรบเทิร์นเบส ที่ผู้เล่นต้องใส่คำสั่งให้ตัวละครโจมตี และจะมีฉาก 2 รูปแบบคือฉากแผนที่ ที่จะแบ่งออกเป็นช่องให้ตัวละครที่เป็นหุ่น Wanzers เดินบนฉากที่แบ่งออกเป็นบล็อกมีรูปแบบคล้ายกับซีรีส์ Final Fantasy Tactics ที่เข้าใจได้ง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน
ส่วนเวอร์ชันรีเมกจะเพิ่มลูกเล่นการเปลี่ยนมุมกล้องของฉากทำให้ดูช่องทางในการเดินได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลกับการเล่นด้วยอีกส่วนที่เป็นจุดเด่นคือการตัดเข้าฉากต่อสู้ที่เมื่อใส่คำสั่งจากบนแผนที่แล้ว ตัวละครจะเข้าสู่โหมดต่อสู้กันที่ผู้เล่นได้แต่ดูเฉย ๆ และลุ้นว่าจะโจมตีศัตรูโดนหรือไม่ซึ่งเป็นจุดเด่นของซีรีส์
เพราะเมื่อหุ่น Wanzers เข้าต่อสู้กันโดยใช้อาวุธเช่นปืนหรือต่อยศัตรู จะเป็นการทำลายชิ้นส่วนของหุ่นเช่นทำลายแขน, ขา หรือลำตัว ซึ่งจะส่งผลต่อการเล่น เช่นเมื่อทำลายแขนจะไม่สามารถโจมตีข้างนั้นได้ และหากทำลายขาก็จะเดินระยะได้น้อยลงมาก แต่หากเราโดนทำลายลำตัวก็จะหุ่นจะระเบิดในทันที ถือเป็นความสนุกที่ผู้เล่นจะได้ลุ้นว่าจะยิงโดนส่วนไหน
ระบบอัปเกรดหุ่นหลากหลาย
อีกจุดเด่นที่ทำให้ผู้เล่นอยู่กับเกมได้ยาว ๆ คือการอัปเกรดหุ่นที่จะเป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนของ Wanzers เลยเช่นการเปลี่ยนแขนเพื่อต่อยแรง หรือเปลี่ยนขาแล้วจะเดินได้ไกลกว่าเดิม หรือเปลี่ยนลำตัวของหุ่นเพื่อจะได้มีค่าพลังมากขึ้น และยังแยกย่อยเป็นการเพิ่มช่องใส่ของ หรือเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการยิง
ส่วนระบบอาวุธก็ใส่มามากอย่างไม่น่าเชื่อ ปืนแต่ละประเภทจะมีความแรงและระยะการยิงที่แตกต่างกันบางกระบอกยิงได้แรงมากแต่จะยิงได้นัดเดียว ซึ่งถ้าพลาดก็จะไม่โดนศัตรูและเสียเทิร์นไปฟรี ๆ ส่วนปืนกลจะยิงรัวได้หลายนัดแต่จะมีความรุนแรงน้อยกว่า และยังมีที่ยิงจรวดติดอยู่ที่ไหล่ของหุ่น ทำให้เราโจมตีศัตรูระยะไกลมาให้ใช้งานด้วย แต่การใส่ก็ต้องคิดถึงน้ำหนักของหุ่นเพราะถ้าใส่อาวุธหนักมากไปจะไม่สามารถใส่ได้
และผู้เล่นยังเปลี่ยนสีของหุ่นได้ด้วย เรียกว่าระบบอัปเกรดหุ่นทำให้ผู้เล่นอยู่กับเกมได้ยาวนาน เผลอ ๆ จะต้องใช้เวลาปรับแต่งหุ่นยนต์มากกว่าในฉากต่อสู้หรือทำเนื้อเรื่องอีก นอกจากนี้ยังมีการใส่สกิลของตัวละครทำให้เราเล่นได้ง่ายเช่นเพิ่มการเล็งยิงชิ้นส่วนของศัตรู ทำให้มันมีอะไรให้ทำมากกว่าแค่ต่อสู้
Front Mission 1st Remake เป็นการรีเมกที่เอาใจแฟนเก่าแก่กันแบบจัดเต็ม แต่อาจจะไม่เหมาะกับแฟนหน้าใหม่ เพราะสิ่งที่เพิ่มมาน้อยไปหน่อย และเกมเพลย์ในยุคนี้ถือว่าเชยไปมากแล้ว แม้มันจะปรับความเร็วในการเล่นให้เร็วกว่าต้นฉบับก็ตาม แต่เด็กรุ่นใหม่ที่โตมากับเกมยิงอาจจะไม่ชอบ อย่างไรก็ตามสำหรับแฟนตัวจริงที่เคยชอบมาตั้งแต่สมัย Super Famicom มันเป็นความสนุกวัยเด็กที่มีครบแถมกราฟิกยังทำใหม่หมด ใครเคยเล่นมาก่อนแนะนำว่าไม่ควรพลาด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส