Our score
8.0[รีวิว] Like a Dragon: Ishin! เกม Spin-off จาก Yakuza ที่จะพาคุณย้อนไปยุคประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
จุดเด่น
- เกมเพลย์แนว Realtime Action ที่ยังสนุกเหมือนเดิม
- ระบบอัปเกรด และ สร้างอาวุธ ที่ไม่เคยมีในเกม Yakuza ภาคอื่น ๆ
- เมืองในเกมมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามมาก ๆ
จุดสังเกต
- ถึงจะมีองค์ประกอบที่ Yakuza ภาคอื่นไม่มี แต่เกมเพลย์โดยรวมไม่ได้แปลกใหม่ไปจากเดิมมาก
- บั๊กเล็กน้อย
Like a Dragon: Ishin! หรือ Ryū ga Gotoku Ishin! เกม Spin-off จากแฟรนไชส์ Yakuza หรือ Like a Dragon (ชื่อทางการที่ใช้ในปัจจุบัน) อีกหนึ่งผลงานจากทีม RGG Studio และ SEGA ที่ก่อนหน้านี้วางขายแค่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ด้วยความที่ภาคต้นฉบับได้เสียงตอบรับที่ดี, แฟรนไชส์ Yakuza เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และ กระแสจาก Ghost of Tsushima (เกมที่มี Setting ในยุคประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเช่นกัน) ที่สร้างชื่อเสียงให้เกมเมอร์จากทั่วโลกหันมาสนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและเกมแนวนี้มากขึ้น
ก็ส่งผลให้ทีมทั้งสองทีมได้ตัดสินใจนำเกม Spin-off จาก PS3 นี้กลับมาชุบชีวิตใหม่ เพื่อให้แฟน ๆ Yakuza จากทั่วโลก ได้สัมผัสถึงความสวยงามวัฒนธรรมญี่ปุ่นในยุคประวัติศาสตร์ และ สนุกกับองค์ประกอบเกมเพลย์ใหม่ ที่ไม่เคยมีใน Yakuza มาก่อน
เข้าใจเนื้อเรื่อง ต้องเล่น Yakuza ภาคหลักก่อนไหม?
สำหรับใครที่สงสัยว่า จะต้องเล่น Yakuza ภาคก่อน ๆ เพื่อทำความเข้าใจกับภาคนี้หรือไม่? คำตอบคือไม่จำเป็นครับ เพราะเนื้อเรื่องของ Ishin! จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับภาคหลักเลย แค่นำตัวละครจาก Yakuza มาสวมบทบาทเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์เฉย ๆ แต่หากไม่เคยเล่นเกมมาก่อน จะพลาดความรู้สึกเซอร์ไพรส์เมื่อได้พบกับตัวละครในรูปลักษณ์ใหม่ไปมาก
เนื้อเรื่องของเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น ‘ซากาโมโต เรียวมะ’ (Sakamoto Ryoma) หนึ่งในนักดาบแห่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (Kazama Kiryu พระเอกของแฟรนไชส์ Yakuza เข้ามารับบท) ที่กลับมายังเมืองบ้านเกิด Tosa และต้องการช่วยพ่อเลี้ยง (ผู้เป็นบุคคลทรงอิทธิพล) เปลี่ยนกฎชนชั้นของญี่ปุ่นใหม่ หลังจากได้เห็นความไม่เป็นธรรมที่ส่งผลเสียต่อประชาชนที่ลำบากเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แผนทั้งหมดของพวกเขาจะต้องรื้อใหม่หมดหลังจากเกิดเหตุร้ายที่ส่งผลให้เรียวมะกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม ทำให้เจ้าตัวหลบหนี และ เข้ากองกำลัง ‘ชินเซนกูมิ’ เพื่อหาตัวคนร้ายที่แท้จริง
เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยเนื้อเรื่อง จากที่เล่นมา Ishin! มีการเล่าเรื่องที่คล้ายกับเกม Yakuza ภาคอื่น ๆ ในแฟรนไชส์ เริ่มด้วยประเด็นที่สร้างปัญหา จากนั้นพระเอกจะต้องค่อย ๆ สืบหาเบาะแสในแต่ละบทด้วยการออกผจญภัยไปยังที่ใหม่ ๆ และ จบเรื่องด้วยการจัดการตัวร้ายผู้อยู่เบื้องหลัง และ จบเกมด้วยการปิดปมของประเด็น ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่มากนัก เพราะเนื้อเรื่องน่าสนใจไม่น้อย ชวนให้อยากตามได้เรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นเกมในแฟรนไชส์ Yakuza แน่นอนว่าระหว่างที่เราโฟกัสที่เนื้อเรื่องหลัก ก็จะถูกล่อด้วย Side Stories อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เนื้อเรื่องหลักที่สามารถจบได้ไม่กี่นาที กลายเป็นใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่นัก เพราะเนื้อเรื่อง Side Stories ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แค่มันออกโทนไม่จริงจังเหมือนกับเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องจะออกแนวตลกคลายเครียดมากกว่า (จะบอกว่าเป็นเสน่ห์ของแฟรนไชส์นี้เลยก็ว่าได้)
ภาคต้นฉบับ กับ ภาคใหม่ แตกต่างกันอย่างไร?
อย่างแรกก็คือเรื่องกราฟิกที่ทางทีมงานได้ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ Dragon Engine เหมือนกับเกมภาคก่อน ๆ ในแฟรนไชส์ หรือ Unreal Engine 5 ที่เกมปัจจุบันนิยมใช้ (เกมนี้ทำงานด้วย Unreal Engine 4) สภาพแวดล้อมของเมืองโดยรวมก็ดูสวยมาก ๆ โดยเฉพาะแสงตอนกลางวัน และ รายละเอียดบนเสื้อผ้าของตัวละคร
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม ระหว่างที่เล่นผมก็ได้พบกับบั๊กเป็นบางครั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบฟิสิกส์ที่ชนคนล้มแล้ว ร่างจะต้องนอนบนพื้น แต่ที่ผมได้กลับเป็นชนแล้วร่างลอยเหนือพื้นแทน นอกจากนั้นแล้ว ในช่วง Cutscene ยังมีครั้งหนึ่งที่หน้าของตัวละครแสดงอารมณ์แปลก ๆ ด้วย
อีกส่วนหนึ่งก็คือตัวละครจากเกม Yakuza (ที่มีบทบาทในเกมที่วางขายหลังจากภาค 5) ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมนี้เช่นกัน ในภาคต้นฉบับจะมีโมเดลที่ถูกสร้างขึ้นให้เป็นตัวละครใหม่สำหรับเกมนี้ แต่สำหรับภาคนี้แล้ว ตัวละครเหล่านั้นจะถูกแทนที่ด้วยตัวละครที่คุ้นเคยจาก Yakuza แทน
อย่างไรก็ตาม ตัวเกมจะยังคงคอนเทนต์ที่เคยมีในภาคต้นฉบับให้ได้เล่นกันอีกในภาคนี้ และ มีคอนเทนต์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเพลงยอดฮิตอย่าง Baka Mitai จาก Yakuza 0 ให้กับบาร์คาราโอเกะ, เพิ่มโหมดเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวละคร (ที่ไม่มีในภาคต้นฉบับ), ภารกิจ Side Stories ใหม่ และ ระบบ Trooper Cards ที่จะช่วยให้ผู้เล่นต่อสู้ได้มันมือขึ้น
ระบบเกมเพลย์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่
ก่อนอื่น ต้องขออธิบายก่อนว่า เกมเพลย์หลักของ Ishin! จะเป็น Realtime Action เหมือนกับเกมภาคก่อน ๆ (ไม่เหมือนกับ Like a Dragon หรือ Yakuza 7 ที่เป็น Turn-based) ผู้เล่นจะพบกับศัตรู และ ต้องอัดให้ร่วงหมด
ซึ่งใน Yakuza จะสามารถใช้ท่าต่อสู้ต่อยตี, หยิบของรอบข้างมาใช้เป็นอาวุธ และ ใช้ Heat Action เพื่อเป็นท่า Finisher สำหรับ Ishin! ก็คล้ายกันเลย เว้นแต่จะไม่ได้มาแค่ ‘มือ’ กับ ‘เท้า’ แต่มีสไตล์การต่อสู้ที่ต้องใช้ ‘ดาบ’ กับ ‘ปืน’ เข้ามาด้วย
ระบบใหม่ที่เป็น Signature ของ Ishin! ภาคนี้เลย ก็คือ Trooper Cards ระบบการ์ดที่ผู้เล่นสามารถใช้สกิลพิเศษระหว่างที่ต่อสู้กับศัตรู ซึ่งแต่ละการ์ดจะให้ค่าความสามารถที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการเสกสายฟ้าสตั้นศัตรู, ฮีลตัวเอง หรือ เพิ่มความแรงในการโจมตี และ อื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากความสามารถพิเศษ ในแต่ละการ์ดจะมาพร้อมกับรูปของตัวละครต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครจากแฟรนไชส์ Yakuza ที่ไม่ได้เข้ามามีบทบาทในเกมนี้ หรือ ‘คนดังจากโลกจริงของเรา’ (ประกอบไปด้วย นักมวยปล้ำ ‘เคนนี โอเมก้า’ (Kenny Omega) หรือ Vtuber อย่าง ‘นาตาชา เนียนเนอร์’ (Natasha Nyanners) และ อีกมากมาย)
ส่วนตัวมองว่า ระบบนี้ไม่ได้ส่งผลต่อเกมเพลย์ในระดับ Game Changing มาก แต่มันก็ช่วยให้ผมเองผ่านหลาย ๆ ด่านได้บ่อยครั้ง ถึงมันจะไม่ได้ ‘ว้าว’ เลย แต่ก็รู้สึกดีที่มันมีประโยชน์ไม่น้อยครับ
ส่วนที่ว้าวจริง ต้องบอกว่าเป็นระบบอาวุธที่มีตั้งแต่ภาคต้นฉบับ ในเกม Yakuza ปกติเราจะสามารถอัปเกรดสกิลท่าต่อสู้ของตัวเอก ใน Ishin! ก็มีเช่นกัน แต่ด้วยความที่เรียวมะเป็นนักดาบ และ ท่าต่อสู้ส่วนใหญ่จะพึ่งอาวุธอย่าง ‘ดาบ’ และ ‘ปืน’
อาวุธเหล่านี้ ก็ได้ถูกจัดให้เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ผู้เล่นสามารถอัปเกรดให้แข็งแกร่งได้เช่นกัน ก็ทำให้เป็นระบบที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับ Ishin! เพราะไม่เคยมีในเกม Yakuza ภาคอื่น ๆ เลย
ผู้เล่นสามารถไปที่ Blacksmith เพื่ออัปเกรดอาวุธอย่าง ดาบ Katana, ดาบ Odachi, ปืน และ อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มค่าป้องกัน เสื้อเกราะ, ที่คาดหัว และ สนับแขน หรือ จะสร้างอาวุธชิ้นใหม่ได้เช่นกัน ซึ่งการที่จะใช้ตัวบริการเหล่านี้ได้ นอกจากเงินแล้ว ผู้เล่นจะต้องหาวัตถุดิบที่ได้จากการสำรวจเมือง, ซื้อจากร้านค้า หรือ ทำภารกิจต่าง ๆ ตามที่กำหนดเช่นกัน
รวม ๆ แล้ว คุ้มค่าที่จะซื้อไหม?
โดยรวมแล้ว Like a Dragon: Ishin! เป็นเกม Spin-off จากแฟรนไชส์ Yakuza ที่สนุกพอสมควร, มีองค์ประกอบในระบบต่อสู้ที่ Yakuza ภาคหลักไม่มี พร้อมกับงานภาพกราฟิกที่ช่วยเฉิดฉายให้เมืองจากยุคประวัติญี่ปุ่นให้ออกมาตระการตา
ถึงแม้จะมีบั๊กกราฟิกเล็กน้อย และ เนื้อเรื่องของไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเป็นพิเศษ นอกจากตัวละครหน้าเดิมที่อยู่ในคราบบุคคลประวัติศาสตร์ พร้อมกับบทบาทใหม่
ด้วยความที่ตัวเกมขายในราคา 1,590 บาท (Steam) เทียบกับคอนเทนต์ที่เล่นได้ยาว ๆ ก็ถือว่าไม่เลวเลย หากคุณชอบเกมเพลย์แนว Realtime Action และ ชอบตัวละครจากแฟรนไชส์นี้อยู่แล้ว หรือ เป็นผู้เล่นที่พึ่งเข้ามารู้จักกับแฟรนไชส์ Yakuza น่าจะชอบใจกับหลาย ๆ อย่างที่เกมนี้มอบให้