[รีวิวเกม] Theatrhythm Final Bar Line เกมดนตรีจาก RPG ในตำนาน
Our score
8.5

Theatrhythm Final Bar Line

จุดเด่น

  1. เพลงในตำนานจากซีรีส์ Final Fantasy
  2. เกมเพลย์สนุกเข้าใจง่ายแต่มีความท้าทาย
  3. มีโหมดออนไลน์

จุดสังเกต

  1. ภาพในเกมธรรมดาไปหน่อย
  2. รูปแบบการเล่นไม่ได้เพิ่มเติมอะไรใหม่เข้าไป

เกม Theatrhythm Final Bar Line ภาคใหม่ล่าสุดซีรีส์ดนตรีจาก Final Fantasy ที่ก่อนหน้านี้ทีมงานเพิ่งจะทำเกมดนตรีจาก Kingdom Heart ออกมาวางขาย และภาคนี้ได้ย้อนกลับมาสู่รูปแบบการเล่นเดิม ๆ ของซีรีส์ และยังมาพร้อมกับเพลงประกอบมากกว่าเดิมด้วย

ส่วนประวัติของ Theatrhythm Final Fantasy ภาคแรกวางขายบน 3DS ในปี 2012 ที่เป็นการเอาเพลงจากซีรีส์ Final Fantasy มาเป็นเกมแนวดนตรี และมีภาคต่อออกมาในปี 2014 หลังจากนั้นมีการเอา Dragon Quest มาสร้างด้วย ส่วนภาคล่าสุด Theatrhythm Final Bar Line ที่คราวนี้จัดหนักจัดเต็มด้วยจำนวนภาคและเพลงที่มีมาให้เล่นมากกว่า 500 เพลงกันเลย โดยเกมออกบน PS4 และ Nintendo Switch

กราฟิกธรรมดาไปหน่อย

แนวทางของเกมดนตรีที่เน้นกดปุ่มตามจังหวะเสียงเพลงกราฟิกจึงเป็นเรื่องรอง เพราะตั้งแต่ภาคแรกซีรีส์ Theatrhythm Final Fantasy ภาพในเกมก็แทบไม่เปลี่ยนนอกจากปรับความคมชัดขึ้นตามสเปกเครื่องเกมเท่านั้น งานออกแบบหลักทำออกมาเป็นการ์ตูน 2 มิติแบบ SD ที่จำลองตัวละครคลาสสิกจากเกม Final Fantasy ได้แม้ว่าหน้าตาจะเหมือนกันหมดแตกต่างแค่เสื้อผ้ากับทรงผมก็ตามแต่ก็พอจะดูออกว่าเป็นใครมาจากภาคไหน

อย่างไรก็ตามที่น่าจะทำให้แฟน ๆ อินกับการเล่นมากคือกราฟิกที่ไม่ได้มีแค่ฉากที่นำเสนอด้วยมุมกล้องแบบ 2 มิติ เพราะยังมีการฉากที่ยกเอาคัตซีนในเกม Final Fantasy ที่มีคุณภาพสูงมาเป็นพื้นหลังระหว่างเล่นด้วย เรียกว่าเอาใจแฟนเก่ากันแบบจัดเต็มทำให้การเล่นสนุกขึ้น แต่หากคุณไม่ชอบและรู้สึกว่ามันรบกวนการเล่นก็สามารถปิดพื้นหลังได้ด้วย

แต่ที่โดดเด่นมากคือเพลงประกอบ ที่มีการยกเอามาจาก Final Fantasy ที่มีคุณภาพสูงและมีธีมในตำนานหลายเพลง แฟนซีรีส์แทบจะน้ำตาไหลเมื่อได้ยิน โดยมีการเอาของเดิมมาเพื่อความคลาสสิกแต่ก็มีการปรับแต่งดนตรีบางส่วนให้เข้ากับเกมเพลย์ที่ต้องกดปุ่มเข้าจังหวะ ความดีงามคือในภาคนี้จะมีเพลงทั้งหมดมากถึง 502 เพลงที่จะค่อย ๆ ปลดล็อกออกมาและนับรวมตัวดาวน์โหลดเสริม DLC ด้วย

เกมเพลย์เหมือนเดิมเพิ่มเติมความโหด

หากคุณเคยเล่น Theatrhythm Final Fantasy มาก่อนภาค Bar Line ก็เหมือนเดิมที่เราจะต้องกดปุ่มตามจังหวะที่กำหนด โดยในภาคแรกจะเป็นการใช้หน้าจอสัมผัสในการเล่น แต่พอออกเวอร์ชันคอนโซลจะเปลี่ยนมาใช้ปุ่มกดแทน ถือว่าทำออกมาได้ดี เพราะมีการปรับแต่งให้เข้ากันได้ลงตัว มีการเพิ่มรูปแบบการกดปุ่มร่วมกับแอนะล็อก แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถเลือกกดปุ่มได้ตามใจ เพราะเกมไม่ได้กำหนดว่าต้องกดปุ่มไหนแบบเกมดนตรีทั่วไป ผู้เล่นจะกดปุ่ม A, B หรือ X, Y ก็ได้แม้แต่จะกดปุ่ม L,R ก็ทำได้เช่นกัน

ส่วนการกดปุ่มจะกำหนดด้วยสีเช่นกด 1 ครั้งสำหรับสัญลักษณสีแดง กดแบบลากยาวสำหรับสีเขียว และยังมีการกดปุ่มทิศทางด้วยแกนแอนะล็อกสำหรับสีเหลือง และหากมันมาพร้อมกันแล้วมันมีความโหดพอตัว เพราะผู้เล่นต้องจดทำและกดปุ่มหลากหลายรูปแบบ ซึ่งหากไม่ใช่แฟนเกมแนวดนตรีแล้วอาจจะตายได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถือว่ามีความท้ายทายให้เราหัวร้อนกันได้พอสมควร แต่สำหรับมือใหม่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะว่ามันมีโหมดง่ายให้เลือกเล่นด้วย

ฉากในตำนานสำหรับแฟนตัวจริง

ฉากในเกมจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ การเดินทางไปและต่อสู้กับศัตรูของตัวละครในเกมที่จะแบ่งออกตามภาคของ Final Fantasy ที่ภาพของฉากหลังจะเป็นการเดินทางของตัวละครเหมือนเกม RPG และมีการต่อสู้ให้เราชม ซึ่งหากเรากดพลาดมาก ๆ ค่าพลังก็จะหมดและตายยกทีมเกมโอเวอร์ ที่เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังฉากที่เอาคัตซีนของเกมใส่มาให้เล่นด้วยที่บางฉากแถบกำหนดปุ่มกดจะมาในแนวตั้งด้วย

ส่วนเพิ่มเติมที่ใช้ระบบ RPG ที่เสริมเข้ามาคือการอัปเกรดเลเวลของตัวละคร ที่ผู้เล่นสามารถเลือกจัดทัพได้ตามใจ ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีความสามารถแตกต่างกัน และเรายังปรับแต่งยำรวมตัวละครข้ามภาคกันได้ด้วย ทำให้มันเหมือนเป็นฝันที่เป็นจริงของแฟน ๆ ซีรีส์ Final Fantasy เลย อีกจุดที่ทำให้เกมเพลย์ดูมีอะไรให้ทำมากขึ้นคือมีการใส่สกิลความสามารถเพิ่ม และใส่มนต์อสูรเพื่อต่อสู้ในฉากได้ด้วย

โหมดหลักในเกมจะเป็นการปลดล็อกเรื่องราวในเกมภาคหลักที่จะเรียงร้อยมาให้เราเล่น และเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ จะมีไอเทมใหม่มาให้เราเก็บและยังมีมนต์อสูรมาให้ใช้งาน รวมทั้งมีไอเทมกุญแจมาปลดล็อกฉากใหม่ด้วย อีกโหมดที่ทำออกมาได้ดีคือการออนไลน์แข่งกับเพื่อนได้ทั่วโลก ได้ส่วนเกมเพลย์ยังคงเหมือนเดิมแต่ต้องแข่งกับเพื่อนแทน

การมาของซีรีส์เกมดนตรีภาคล่าสุดอย่าง Theatrhythm Final Bar Line ทำออกมาได้ดีกว่าที่ตั้งความหวังไว้พอสมควร เพราะนอกจากจะมีเกมเพลย์ที่สนุกเหมือนเดิมแล้วยังมาพร้อมกับเพลงจากซีรีส์ Final Fantasy มากมาย และยังคงความคลาสสิกของเพลงในตำนานที่หากใครเกิดทันต้องอินไปกับการเล่นแน่นอน แม้เกมเพลย์อาจจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ใส่เข้ามามากนักแต่มันก็ตอบสนองแฟนเกม RPG ในตำนานได้อย่างดีไม่มีตกหล่น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส