[รีวิวเกม] Bayonetta Origins Cereza and the Lost Demon ย้อนตำนานแม่มดสาว
Our score
7.0

Bayonetta Origins Cereza and the Lost Demon

จุดเด่น

  1. กราฟิกดูแปลกตาสวยงามแบบภาพวาดสีน้ำ
  2. เรื่องราวต้นกำเนิดที่น่าติดตาม

จุดสังเกต

  1. เกมเพลย์ไปไม่สุดสักทาง
  2. ระบบบังคับ 2 ตัวละครดูสับสนในบางฉาก

หลังจากเปิดตัว Bayonetta 3 ไปไม่นานก็มีการเปิดตัวภาคเสริมที่จะเล่าเรื่องราวจุดกำเนิดของแม่มดในตำนาน ที่มาในชื่อ Bayonetta Origins Cereza and the Lost Demon วางขายบน Nintendo Switch ถือว่ามาแปลกเพราะจากตัวอย่างภาพลักษณ์มันแตกต่างจากเกมตระกูลสาวแว่นโดยสิ้นเชิง

เพราะมันดูเป็นเกมสำหรับเด็กหรือเกมฟอร์มเล็กจากค่ายอินดี้ แต่มันก็น่าสนใจเพราะเนื่องจากภาค 3 จบแบบค้างคาใจแฟน ๆ รวมทั้งยังมีเรื่องราวของซีรีส์ Bayonetta ที่ยังไม่เคยเปิดเผยออกมาอีกมากมายที่ผู้สร้างทิ้งเอาไว้ ทำให้การมาของภาคเสริมที่นำเสนอเนื้อเรื่องของ Cereza ที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อนทำให้เชื่อว่าแฟน ๆ สาวแว่นต้องอยากรู้แน่นอน

เนื้อเรื่องในเกมจะเล่าเหมือนนิทาน เพราะผู้สร้างจำลองเรื่องราวเหมือนว่ามันถูกวาดด้วยสีน้ำบนกระดาษ เนื้อเรื่องจะเล่าผ่านสาวน้อย Cereza ที่ต้องฝึกฝนเวทมนตร์ศาสตร์มืด แต่แล้วเธอได้เดินทางไปในป่าต้องห้าม และได้พบกับตุ๊กตา Cheshire ที่สามารถแปลงร่างมาเป็นปีศาจขนาดใหญ่และมาเป็นผู้ช่วยเราได้ และเธอต้องออกสำรวจป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และปีศาจสุดอันตรายไปค้นพบกับความจริง

กราฟิกเหมือนภาพวาดนิทานเด็ก

อย่างที่บอกไปว่ากราฟิกในเกม Bayonetta Origins Cereza and the Lost Demon จะนำเสนอแบบภาพวาดบนสมุด เหมือนกับนินานเด็กก่อนนอนที่ดูน่ารัก ในตอนแรกอาจจะดูธรรมดาแต่พอเล่นไปเรื่อยจะพบเจอกับฉากที่ออกแบบได้สวยงามพอตัว ที่ไม่ได้โดดเด่นที่รายละเอียดแต่ดูดีเพราะงานออกแบบที่สวยงาม

แต่แฟนเกมสาวแว่นอาจจะไม่ชอบนักเพราะมันแตกต่างจากภาคหลักอย่างมาก เหมือนเกมสำหรับเด็กหรือจากค่ายอินดี้มากกว่าแต่หากเปิดใจมันก็ดูดีพอตัว ส่วนเสียงประกอบทำออกมาได้เรียบตามแนวเกมที่ไม่ได้เน้นแอ็กชันแบบเต็มสูบ มีเน้นเสียงที่ส่งเสริมบรรยากาศในฉากมากกว่าแต่ก็มีเพลงที่มีธีมที่ไพเราะอยู่ และมีบางส่วนเหมือนกับเกม The Legend of Zelda: Breath of the Wild แบบตั้งใจ

เกมเพลย์ไม่เน้นแอ็กชัน

หากคุณคาดหวังว่า Bayonetta Origins จะดุเดือดเลือดสาดหรือเต็มไปด้วยความ Sexy ของภาคต้นฉบับอาจจะต้องผิดหวัง เพราะในภาคนี้จะเปลี่ยนแนวทางของเกมไปแบบแทบไม่เหลือความเป็นสาวแว่น อย่างแรกคือมุมกล้องที่โดนจำกัด เพราะแม้จะเป็นกราฟิกแบบ 3 มิติแต่มีเกมเพลย์แบบ 2 มิติแถมยังปรับมุมกล้องไม่ได้ ถือว่าสัมผัสแรกมันดูเชยเหมือนเกมบนสมาร์ตโฟน และในช่วงแรกที่เล่นเกมเพลย์ชวนง่วงมาก เพราะจะเน้นการสอนมากกว่าซึ่งก็ไม่แปลก

แต่เมื่อเรียนรู้การเล่นแล้วมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะมันเป็นการผสมผสานเอาทางเน้นสำรวจแก้ปริศนามายำรวมกับแอ็กชันได้ลงตัว แม้จะยังไม่สุดเพราะในส่วนของการต่อสู้ทำได้เรียบไป แทบจะมีมิติเดียวในการเล่นไม่ได้มีความหลากหลายเหมือน Bayonetta ภาคหลัก และในส่วนของแก้ปริศนาก็ดูง่ายไม่ซับซ้อนเรียกว่าไปไม่สุดสักทาง แต่มันก็ไม่ได้แย่เพียงแต่เมื่อเทียบกับเกมอื่นยังสู้ไม่ได้

บังคับ 2 ตัวละครพร้อมกัน

จุดเด่นของเกมนี้คือเราจะได้บังคับสาวน้อย Cereza กับตุ๊กตา Cheshire ที่แปลงร่างเป็นปีศาจขนาดใหญ่ เกมพลย์จะแบ่งชัดเจนมากเพราะ Cereza จะโจมตีไม่ได้ทำได้เพียงใช้เวทมนต์ตรึงศัตรูให้หยุดนิ่ง กับเปิดประตูหรือหีบสมบัติรวมทั้งการแก้ปริศนา ส่วน Cheshire จะเหมือนเป็นเกมเพลย์ส่วนของแอ็กชันที่ไว้โจมตีศัตรู ที่แบ่งหน้าที่กันชัดเจน

และที่ดูแปลกและปวดหัวไปพร้อมกันคือการบังคับ 2 ตัวละครพร้อม ๆ กันในการเล่นโดยการบังคับจะใช้แอนะล็อกด้านซ้ายรวมทั้งปุ่ม L, ZL เพื่อบังคับ Cereza และใช้แอนะล็อกขวารวมทั้งปุ่ม R, ZR สำหรับ Cheshire ถือว่าเป็นไอเดียที่แปลกและดูน่าสนุก เพราะฉากในเกมทำออกมารองรับการเล่นดี เพราะบางฉากต้องแก้ปริศนาโดยใช้บางตัวละคร หรือต้องร่วมมือกันเพื่อเปิดทางไปต่อที่ส่วนนี้ทำได้ดี

แต่ในบางฉากโดยเฉพาะการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก และต้องทำหลายอย่างพร้อมกันเช่นการใช้เวทมนตร์ตรึงศัตรู แล้วต้องบังคับอีกตัวละครเพื่อโจมตีผู้เล่นมีโอกาสเกิดความสับสนปุ่มกดมาก ยิ่งช่วงท้าย ๆ มีการใส่ศัตรูหลากหลายประเภทที่ต้องใช้วิธีการรับมือที่แตกต่างกันเราจะยิ่งปวดหัวมาก แม้ว่าจะไม่ได้มีฉากแบบนี้ตลอดทั้งเกมแต่มันอาจจะกลายเป็นข้อเสียไปได้

อย่างไรก็ตามหากมองภาพรวมแล้วเกม Bayonetta Origins Cereza and the Lost Demon ยังคงมีสนุกอยู่ในมาตรฐานเกมฟอร์มดีจากค่ายใหญ่ไม่ใช่เกมแจกฟรีบนสมาร์ตโฟนแน่ แต่ผู้เล่นต้องทำใจอย่าเอาไปเทียบซีรีส์ Bayonetta เพราะมันไม่เหมือนกัน เพราะมันมีความแปลกที่รูปแบบการเล่นที่บังคับพร้อมกัน 2 ตัวละครซึ่งหากเล่นจนชำนาญก็ถือเป็นอีกเกมที่มีความสนุกเล่นได้ลื่น ๆ ไปจนจบ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส