Our score
7.0Everybody 1-2-Switch!
จุดเด่น
- กราฟิกสดใส และดูดีแบบมินิเกม
- เล่นได้มากถึง 100 คนพร้อมกันผ่านสมาร์ตโฟน
จุดสังเกต
- เล่นคนเดียวไม่ได้
- มินิเกมส่วนใหญ่เล่นไม่นานก็เบื่อ
หนึ่งในซีรีส์เกมที่ Nintendo ทำออกมาที่ไรก็ขายดีตลอดคือแนวเฮฮาปาร์ตี้ โดยมีซีรีส์หลักอย่าง Mario Party เป็นตัวทำเงินให้กับค่ายอย่างต่อเนื่อง และมีภาคต่อออกมาวางขายตลอด แม้ว่าเกมเพลย์โดยรวมอาจจะดูธรรมดาไปหน่อยก็ตาม
และสำหรับเกม 1-2-Switch! ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ปู่นินหมายมั่นปั้นมือให้ขายดี เพราะมันเปิดตัวพร้อม Nintendo Switch เลยแต่สำหรับชาวไทยอาจะมีดราม่าเล็ก ๆ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ในตอนนั้นจะขายพ่วงเกม 1-2-Switch! แม้ว่าผู้เล่นจะไม่อยากได้ก็ตาม อย่างไรก็ตามหากพูดถึงความสนุกมันก็ทำได้ไม่แพ้เกมแนวเฮฮาปาร์ตี้ทั่วไปที่เน้นเล่นกับเพื่อน ๆ เป็นกลุ่มจะสนุกขึ้นหลายเท่า
ล่าสุดกับการมาของ Everybody 1-2-Switch! บน Nintendo Switch เหมือนเดิม และก็เปิดตัวแบบไม่มีข่าวลือมาก่อนทำให้แฟนปู่นินค่อนข้างเซอร์ไพรส์มาก และยังคุยว่ามันจะเป็นเกมปาร์ตี้บนคอนโซลเกมแรกที่เล่นกับเพื่อนได้พร้อมกันมากถึง 100 คนด้วย เรียกว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาได้ก่อน รวมทั้งยังมีการอัปเกรดหลายส่วนด้วย
กราฟิกดูดีแต่ไม่ได้แปลกใหม่
ภาพในเกมก็เหมือนกับภาคแรกที่จะเป็นการผสมผสานระหว่างคลิปวิดีโอที่เป็นการถ่ายทำไว้เพื่อสอนวิธิการเล่น ที่จะมีมาให้ดูตลอดซึ่งการตัดต่อและคุณภาพทำออกมาได้ดี แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างจากภาคแรกนักยกเว้นสีสันของเกมที่สดใสกว่าเดิม และการกำกับรวมทั้งงานออกแบบถูกปรับให้สดใหม่ดูไม่เชยแม้โดยรวมจะไม้ได้แปลกใหม่หรือฉีกไปจากภาคแรกก็ตาม
กราฟิกในส่วนของเกมเพลย์ก็มาแนวมินิเกม ที่เน้นการนำเสนอให้ผู้เล่นทำตามที่เกมกำหนดทำให้ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากนัก เหมือนภาพกราฟิกที่ใช้พรีเซ็นต์งานบนจอคอมพิวเตอร์มากกว่า ส่วนเพลงประกอบก็มาแบบเดียวกันที่เน้นความสนุกสนานเพื่อให้เข้ากับงานปาร์ตี้ นอกจากนี้ยังมีเสียงพากย์ของผู้แนะนำการเล่นเกมที่ใส่เข้ามาตลอดการเล่น โดยรวมมันก็เหมือนภาคแรกไม่ได้แตกต่าง
เกมเพลย์ปาร์ตี้แบบจัดเต็ม
เริ่มมาเราจะพบกับการเลือกจำนวนผู้เล่นซึ่งจะพบว่ามันไม่สามารถเล่นคนเดียวได้ ต้องเล่นอย่างน้อย 2 คนซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร การเล่นต้องใช้ Joy-con ของ Nintendo Switch ในการเล่นซึ่งหากจะเล่นแค่ 2 คนก็ไม่ต้องซื้อเพิ่มเพราะมันมีมาให้ 2 อันอยู่แล้ว และจะรองรับการเล่นได้มากถึง 8 Joy-con เท่ากับว่าเล่นได้ 8 คนพร้อมกัน
ส่วนรูปแบบการเล่นก็เหมือนกันภาคแรกที่เป็นมินิเกมแนวเฮฮาปาร์ตี้ไว้เล่นกับเพื่อน ที่ผู้เล่นต้องทำท่าทางตามที่ตัวละครบนหน้าจอกำหนด แน่นอนว่าทั้งหมดจะใช้ระบบจับการเคลื่อนไหวของ Joy-con เพื่อจับการขยับแขนของผู้เล่น ที่ถือว่าทำได้ละเอียดพอตัวแถมบางเกมต้องใช้การกดปุ่มเพื่อบังคับไปพร้อมกันด้วยถือว่าใส่รายละเอียดไปพอสมควร
โดยแต่ละเกมจะมีคลิปการสอนบอกก่อนเริ่มเกม เช่นแข่งกันอัดลมใส่ลูกโป่งแต่ไม่ได้แข่งว่าใครเร็วที่สุดแต่ใครทำลูกโป่งแตกก่อนจะแพ้ไป และยังมาพร้อมกับเกมที่ต้องแข่งกันเรื่องความเร็วและจังหวะ เช่นมินิเกมฟันดาบที่จะเหมือนการดวลดาบที่เมื่อตัวเกมบอกให้โจมตีกันแล้วผู้เล่นต้องทำท่าทางฟันดาบใครเร็วกว่าก็ชนะ
มีระบบจัดระเบียบเกม และใช้สมาร์ตโฟนเล่นร่วม
เกมมีระบบการจัดระเบียบการเล่นที่ดีเพราะนอกจากจะเลือกมินิเกมแยกมาเล่นได้แล้ว หากคุณเอาไปใช้เล่นในงานปาร์ตี้มันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะจะมาพร้อมการเลือกระยะเวลาการเล่น เช่นจะเล่น 20 นาทีแบบต่อเนื่อง หรือจะลากยาวแบบ 40 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมงได้เลย และเมื่อเลือกผู้เล่นก็จะเลือกทีมที่ต้องการอยู่แล้วจะเข้าสู่โหมดการเล่นแบบยาว ๆ เลือกเกมมาให้เล่นแบบสุ่ม
ส่วนการเล่นแบบหมู่คณะที่ผู้สร้างระบุว่าเล่นได้มากถึง 100 คน แน่นอนว่ามันไม่สามารถใช้ Joy-con 100 อันเพื่อการเล่นได้แน่เพราะ Switch ไม่รองรับจอยเกมมากขนาดนั้น แต่ปู่นินได้ใช้สิ่งที่ทุกคนต้องมีนั้นก็คือ “สมาร์ตโฟน” ที่สามารถเอามาใช้เชื่อมต่อเพื่อเล่นเกมได้ผ่านการใช้ระบบสแกน QR code ถือว่าเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมากเพราะมือถือทุกวันนี้ส่วนใหญ่มีระบบจับการเคลื่อนไหวในตัวอยู่แล้ว
และความดีงามคือตัวมินิเกมก็ปรับให้เข้ากับการเล่นหลายคนพร้อมกัน เช่นการแข่งกันลุกแข่งกันนั่งว่าใครทำได้เร็วที่สุด หรือการกระโดดเชือกพร้อมกัน และยังมีเกมที่ต้องใช้กล้องบนมือถือเพื่อเล่นด้วย แน่นอนว่าจะเล่นโหมดนี้ต้องมีคนจำนวนมากรวมทั้งมีห้องกว้าง ๆ ด้วย ทำให้มันเหมาะสมมากสำหรับงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่เช่นงานเลี้ยงรุ่นหรืองานเลี้ยงบริษัท ที่ใครอยากหาเกมสนุก ๆ ไว้เล่นกันแนะนำให้เอา Everybody 1-2-Switch! ไปต่อโปรเจกเตอร์จอใหญ่รับประกันสนุกแน่นอน
Everybody 1-2-Switch! ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจและเหมาะมากสำหรับการเอาไว้เล่นในงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ ที่มีคนเล่นหลายสิบไปจนถึง 100 คน แต่เมื่อเล่นด้วยจำนวนคนน้อย ๆ เช่นเล่นกับเพื่อน 2 คนอาจจะไม่ค่อยสนุกนักเพราะเกมเพลย์ไม่ต่างจากภาคแรกนัก อย่างไรก็ตามราคาขายของมันไม่ได้แพงนักใครอยากลองมินิเกมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายจะลองไปหามาเล่นก็ถือว่าพอจะคุ้มค่าอยู่
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส