Our score
7.3Mario Party Star Rush
จุดเด่น
- มีโหมดใหม่ๆเพียบ
- มินิเกมจำนวนมาก
- ไม่ต้องเสียเงินซื้อเกมเพิ่ม
จุดสังเกต
- กราฟิกตกยุค
- เพลงประกอบชวนหลับ
- เล่นคนเดียวไม่สนุก
-
กราฟิก
6.8
-
รูปแบบการเล่น
7.5
-
ความแปลกใหม่
7.5
-
ความคุ้มค่า
7.0
-
ภาพรวม
7.5
เกมซีรีส์ Mario Party ถือเป็นหนึ่งในตำนานของวงการเกมในยุคก่อนสมัยที่ไม่มีการออนไลน์ ซึ่งหากคุณเกิดทันคงจะจำได้ถึงความสนุกในการเล่นกับเพื่อนแบบเห็นหน้ากันบนหน้าจอทีวีนั้นสนุกมากแค่ไหน ซึ่งเด็กยุคใหม่ที่โตมากับเกมออนไลน์ คงไม่เคยได้สัมผัสกัน
โดยรูปแบบหลักๆของเกมแนว Party ในยุคอดีตคือการรวมตัวกับเพื่อนๆ แล้วเล่นเกมบนหน้าจอเดียวกัน ผ่านรูปแบบคล้ายกับเกมกระดาน (Board Game) ซึ่งในอดีตนอกจาก Mario Party แล้วยังมีอีกหลายเกมที่หยิบจับเอาตัวละครดังที่ไม่ว่าค่ายไหนก็ทำมาให้เล่นรวมทั้งซีรีส์การ์ตูนดังอย่าง “ปริศนาปลาทอง” ก็เป็นหนึ่งในตำนานมินิเกมที่เชื่อว่าใครเกิดทันยุค 90 คงจะเคยเล่นกันทุกคน เพราะนอกจากจะสนุกแล้วยังได้แกล้งเพื่อนในมินิเกมฮาๆ ซึ่งทำให้มันถูกแซวว่าเกมทำลายมิตรภาพ แต่เล่นได้โครตจะสนุกเมื่อรวมกันเป็นกลุ่ม แต่เมื่อเล่นคนเดียวจะหาความสนุกแทบไม่ได้
ส่วนความเป็นมาของ Mario Party ถือเป็นแนว Party ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานถึง 18 ปี และยังคงสามารถวางขายบนเครื่องเกมคอนโซลได้ เพราะในปัจจุบันเกมแนวน่ารักเล่นได้สบายๆกับทุกคนในครอบครัวล้วนย้ายไปอยู่บน สมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว กับภาคใหม่อย่าง Mario Party Star Rush บน 3DS ที่ยังคงขายตลับเกมในราคาเต็มได้โดยยังมีแฟนๆ รอซื้ออยู่ ซึ่งทำให้ข้อดีแรกของเกมคือไม่มีการซื้อไอเทม หรือฉากเพิ่ม มันคือเกมเต็มๆที่คุณเล่นได้จนจบเกมไม่ต้องเสียเงินอีกแล้วยกเว้นในอนาคตปู่นินจะออกตัวดาวน์โหลดเสริมออกมา
ก่อนจะเริ่มเล่นในเมื่อมันมาอยู่บนเครื่องเกมพกพา 3DS ทำให้อย่าคาดหวังอะไรกับกราฟิก ซึ่งก่อนหน้านี้ Mario Party เคยออกฉบับ HD ไปบน WiiU มาแล้วการกลับมาครั้งนี้ก็ทำให้มันย้อนกลับไปสมัยภาพที่มีความละเอียดต่ำอีกครั้ง แต่อย่างที่บอกว่าเกมแนวนี้ต่อให้ไปออกบน PS4 ก็ไม่จำเป็นต้องมีภาพที่สวยงามอะไรอยู่แล้ว แค่ทำภาพให้น่ารักและมีตัวละครดังๆจากซีรีส์ Mario มาให้เล่นกันครบๆ แล้วแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ที่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังคือเพลงประกอบเกมที่เรียบเกินไม่มีอะไรโดดเด่นเลยทั้งๆ ที่เกมมาริโอ มีเพลงประกอบที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานอยู่แล้วแต่ภาคนี้ถือว่าทำออกมาได้ธรรมดามาก
รูปแบบการเล่นหลักๆคือการนำมินิเกมมาเรียงร้อยกันเป็นเกมยาวๆผ่านการเล่นแบบทอยลูกเต๋าแบบเกมกระดาน ซึ่งโหมดหลักๆของเกมจะมีชื่อว่า Toad Scramble ที่เราจะได้เล่นเป็น คิโนพิโอ้ (Toad) หลากสีที่แบ่งเป็นทีม แต่ตัวละครหลักเช่น มาริโอ , ลุยจิ หรือ เจ้าหญิงพีช จะเป็นตัวละครเสริมในฉากที่เราต้องออกค้นหามาร่วมทีม ที่คราวนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเกมคือฉากในเกม ที่แต่เดิมต้องเดินเป็นเส้นตรงที่ถูกกำหนดไว้แล้วแข่งกันเข้าเส้นชัย เปลี่ยนมาเป็นฉากที่ผู้เล่นสามารถเลือกเดินได้อย่างอิสระ และที่มีทั้งไอเทม , เหรียญทอง และทางลับรวมทั้งบอส อยู่ตามจุดต่างๆ แต่การเดินยังคงใช้การทอยลูกเต๋า แล้วนับก้าวเดินเหมือนเดิมอยู่ดี แต่ทำให้เรามีอิสระในการเลือกเล่นมากขึ้น
ส่วนต่อมาคือ มินิเกม ที่เราต้องเล่นกับเพื่อนในฉากที่เราต้องท้าดวลกัน เวลาเจอกันในฉากเพื่อแข่งกันทำคะแนนและเก็บเหรียญ ในภาคนี้ถูกสร้างมาอยู่ในระดับมาตรฐาน อย่างพื้นฐานเช่นการวิ่งแข่ง หรือการหาผลไม้มาใส่ตระกร้า หรือแข่งกันเก็บเหรียญ หรือกำจัดศัตรูให้หมดฉาก และยังมีเกมที่ต้องใช้ความจำเช่นการจดจำภาพแล้วจับคู่ให้ถูก ส่วนบอสในเกมทำได้น่าผิดหวังนิดๆเพราะรูปแบบค่อนข้างซ้ำซากไปหน่อย เพราะไม่ว่าฉากไหนก็ต้องกำจัดพลังบอสด้วยมินิเกมที่เน้นการโจมตีให้พลังมันหมด แต่ก็ยังดีที่มีบางเกมแตกต่างและฉีกออกมาบ้าง แต่ความดีงามสุดๆคือบอสในเกมมีมากกว่า 1 ตัวในฉาก
อีกโหมดที่เป็นของใหม่และทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากคือโหมด Coinathlon ที่เป็นการแข่งกับเก็บเหรียญให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นการไล่เก็บเหรียญในมินิเกมแบบต่อเนื่อง แล้วเรายิ่งเก็บได้มากเท่าไร ตัวละครของเราก็จะวิ่งในฉากที่เหมือนสนามแข่งได้เร็วขึ้นเท่านั้น แถมยังมีการใช้ไอเทมไว้แกล้งกันด้วย และเมื่อเข้าเส้นชัยก็จะผ่านเกมทำให้มันเหมือนเป็น Mario Kart ฉบับ Mario Party ที่ทั้งท้าทายและสนุกเพราะต้องแข่งกับเวลาไปตลอดการเล่น
และหากคุณติดใจมินิเกมก็สามารถเลือกเล่นเฉพาะเกมนั้นได้โดยไม่ต้องเล่นแบบสุ่ม นอกจากนี้หากคุณคิดถึง Board Game แบบเดิมๆก็ยังมีโหมด Balloon Bash ที่เป็นการแข่งกันเก็บเหรียญในฉากแบบต้นตำหรับมาให้เล่นกันด้วย แต่เป้าหมายของเกมคือการเก็บดาวให้มากที่สุด และต้องสะสมเหรียญทองไว้แลกดาว ในโหมดนี้ถือว่าสนุกพอตัวเพราะไม่ใช่แค่การเล่นมินิเกม ยังต้องวางกลยุทธ์ในการเล่นเพื่อที่จะแย่งชิงดาวมาให้มากที่สุด
และข้อดีของซีรีส์ Mario Party คือการเล่นหลายคนได้พร้อมกัน โดยไม่ต้องสนใจการออนไลน์ และภาคนี้ในเมื่อมาอยู่บนเครื่องพกพา นอกจากทำให้เราเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว ผู้เล่นยังแชร์เกมให้เพื่อนเล่นได้ 4 คนพร้อมกันโดยใช้ตลับเกมเดียวไม่ต้องซื้อเพิ่มซึ่งเป็นจุดเด่นของซีรีส์เกมของ Nintendo ที่ไม่อยากให้ผู้เล่นต้องเสียเงินมากเกินความจำเป็น
ส่วนพวกมินิเกมหรือฉากใหม่ๆเราก็ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพราะมันจะค่อยๆปลดล็อกออกมาเมื่อผู้เล่นอัพเกรด Party Level ของเราและทำคะแนนให้ถึงที่กำหนด รวมทั้งตัวละครในเกมที่เราต้องใช้ฝีมือในการเล่นเพื่อปลดล็อก อย่างไรก็ตามหากคุณไม่ค่อยมีเพื่อนหรือชอบเล่นเกมคนเดียว Mario Party อาจไม่เหมาะกับคุณนักเพราะเมื่อเล่นคนเดียวอาจสนุกกับมันได้ไม่นาน เพราะเกมส่วนมากออกแบบมาให้เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนมากกว่า
เกม Mario Party Star Rush หากมองในสายตาฮาร์ดคอร์เกมเมอร์แล้วมันอาจดูเหมือนเกมสำหรับเด็กเล็กๆ แต่หากคุณอยากหาเกมที่เล่นสนุกอย่างแท้จริงจากตัวเกมมันคือคำตอบ ข้อเสียข้อเดียวคือหากจะเล่นกับเพื่อนต้องใช้ 3DS หลายเครื่อง ซึ่งอาจจะไม่สะดวกไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นบนโฮมคอนโซลต่อทีวีเล่น อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการหากเกมที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัยแบบไม่มีพิษมีภัย ไม่ได้แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และจะสนุกมากเมื่อเล่นกับเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว มันคือเบอร์ 1 ในตอนนี้ (เพราะเกมอื่นไปออกบนสมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว)
ขอบคุณร้านเกม Nadz Project ดิจิตอล เกตเวย์ ชั้น 2