[รีวิวเกม] Front Mission 2: Remake ภาคต่อของสงครามจักรกลที่สนุกแต่ไม่สดใหม่
Our score
7.5

Front Mission 2: Remake

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์สนุกเข้าใจง่ายปรับให้ลื่นขึ้นเล็กน้อย
  2. มีความท้าทายในการวางกลยุทธ์
  3. ราคาเกมไม่แพง

จุดสังเกต

  1. กราฟิกยังดูธรรมดาไป
  2. เกมเพลย์บางจุดดูช้าไปสำหรับยุคนี้

หลังจากค่าย Square Enix ขุดเอาของเก่าอย่าง Front Mission ภาคแรกมาสร้างในรูปแบบ Remake กราฟิกใหม่หมดลง Nintendo Switch และประสบความสำเร็จจนมีการพอร์ตลงคอนโซลอื่นภายหลัง ซึ่งหลังจากทำยอดขายได้มากพอตัวทำให้มีการประกาศสร้างภาคต่อตามระเบียบ

โดย Front Mission 2 ต้นฉบับออกบน PS1 ในปี 1997 และเป็นการสานต่อความสำเร็จจากภาคแรกบน Super Famicom และยังมาในรูปแบบเดิมที่เป็นแนวทางวางแผนการรบเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามแม้ความสนุกจะอยู่ในระดับดี แต่มีข้อสังเกตว่าเกมมีความช้ากว่าภาคแรกมาก เพราะต้องรอโหลดเข้าฉากเนื่องจากออกบนคอนโซลใช้ CD ต้องโหลดนานกว่าใช้ตลับ ส่วนภาค Remake วางขายเฉพาะบน Nintendo Switch เท่านั้น แต่คาดว่าจะมีการพอร์ตลงเครื่องอื่นในอนาคต

ส่วนเนื้อเรื่องใน Front Mission 2: Remake จะเกิดในปี 2102 (หลังจากภาคแรก 12 ปี) นำเสนอผ่าน 3 ตัวละครที่มาจาก OCU ได้แก่ Ash Faruk, Thomas Norland, Lisa Stanley ที่ต้องหลบหนีออกจากประเทศที่ถูกโค่นล้มจากพวกต่อต้าน OCU และต้องออกรวบรวมกองกำลังเพื่อกลับมาต่อสู้กับต่อสู้กับกองกำลังรัฐประหาร และค้นพบความจริงเกี่ยวกับคนที่อยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนี้

กราฟิกเปลี่ยนใหม่หมดแต่ยังธรรมดาเหมือนเดิม

ตั้งแต่การ Remake ภาคแรกกราฟิกถูกเปลี่ยนใหม่หมด แต่ภาคแรกบน Switch ถือว่าน่าประทับใจเพราะต้นฉบับเป็นกราฟิกแบบพิเซล 16Bit ทำให้การเปลี่ยนเป็น 3D ครั้งแรกมันดูดีมาก แต่สำหรับ Front Mission 2 ต้นฉบับออกบน PS1 ทำให้กราฟิกเป็น 3D อยู่แล้ว ทำให้การใช้กราฟิกแบบเดียวกับการ Remake ครั้งแรกดูธรรมดาไปหน่อย

เพราะมันเป็นกราฟิกระดับธรรมดามากเมื่อเทียบกับคุณภาพของเกมทุกวันนี้ แม้ว่ามันจะออกบน Nintendo Switch ที่สเปกไม่ได้แรงแต่ความจริงแล้วมันสามารถทำได้ดีกว่านี้หน่อย เพราะคัตซีนของเกมยังคงมีหลายส่วนเป็นภาพนิ่งประกอบตัวอักษรเพื่อเล่าเรื่องแต่ก็มีบางส่วนเป็นคัตซีน CG ด้วย แต่โดยรวมแล้วกราฟิกดูธรรมดาไปหน่อย ส่วนเพลงประกอบมีการเอาต้นฉบับมาปรับใหม่ให้ใด้ดูดีขึ้น ดนตรีประกอบมาแนวสงครามที่อลังการงานสร้าง อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ภาค Remake ยังไม่มีการใส่เสียงพากย์เข้าไปเหมือนเดิม

เกมเพลย์วางแผนการรบฉบับหุ่นยนต์

โดยพื้นฐานแล้วแม้จะขึ้นชื่อว่ารีเมกแต่ระบบการเล่นยังคงเหมือนเดิมที่มาแนววางแผนการรบ ผู้เล่นต้องบังคับตัวละครที่เป็นหุ่นยนต์รบเดินบนฉากและมีการแบ่งเป็นช่อง ๆ ที่ผู้เล่นต้องผลัดกันเดินคนละตากับศัตรู ส่วนระบบการต่อสู้เทิร์นเบสที่ผู้เล่นต้องใส่คำสั่งเพื่อโจมตีศัตรูซึ่งเหมือนกับภาคแรก โดยรวมแล้วหลัก ๆ จะเหมือนเดิมทำให้ใครเคยเล่นต้นฉบับมาก่อนไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม

ส่วนความโดดเด่นคือระบบการต่อสู้ที่จะโจมตีตามชิ้นส่วนของหุ่นได้ เช่นยิงแขนหรือขาของหุ่นยนต์ ที่หากทำลายชื้นส่วนนั้นได้แล้วมันจะใช้ไม่ได้อีก และหากยิงส่วนลำตัวหุ่นจนพังหุ่นจะระเบิด ซึ่งภาคนี้ก็ยังคงใส่เข้ามาให้ใช้งานทำให้ผู้เล่นได้ลุ้นกันตลอดเวลาเล่นว่าจะยิงโดนส่วนไหน และเวลาศัตรูโจมตีเราก็มีลุ้นจนลืมหายใจเช่นกัน

อาวุธหลากหลายปรับแต่งได้เยอะมาก

ความโดดเด่นคือระบบอาวุธที่มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นปืนหลายแบบที่มีทั้งยิงรัว ๆ ทำลายได้หลายส่วน หรือพลังรุนแรงแต่โจมตีได้ที่ละส่วน และใช้หมัดเพื่อต่อยโจมตีระยะประชิด นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับอาวุธยิงไกลอย่างจรวด ที่ผู้เล่นต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีเพราะการเลือกอาวุธให้เหมาะสมมันจำเป็นต่อการเล่นอย่างมาก

เพราะเกมยากพอตัวหากเราไม่ได้วางแผนตามรูปแบบของศัตรูและไม่ได้ศึกษาภูมิประเทศของฉากให้ดีแล้วก็ยากที่จะผ่านไปได้ เพราะศัตรูมีความโหดและฉลาดแถมยังชอบโผล่ในจุดที่โจมตีได้ลำบาก แต่หากผู้เล่นเลือกใช้อาวุธได้เหมาะสมบวกกับการใช้ความได้เปรียบของฉากเช่นอยู่ที่สูงจะโจมตีได้แรงกว่าก็จะผ่านไปได้ไม่ยากนัก ถือว่าเกมมีรายละเอียดพอสมควรทำให้มันยังคงพอเล่นได้สนุกในยุคนี้

นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถปรับแต่งหุ่นยนต์ได้เยอะมาก แต่มันอาจเป็นหนึ่งในข้อเสียเพราะแต่อัปเกรดแต่ละครั้งจะใช้เวลานานเกินไป คนรุ่นเก่าที่เคยเล่นคงจะเฉย ๆ แต่เด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการอะไรรวดเร็วอาจจะไม่ค่อยชอบนัก แต่มันจำเป็นเพราะทุกชิ้นส่วนล้วนเพิ่มความสามารถในการต่อสู้และทำให้รอดจากสงครามได้ อีกทั้งยังเสริมด้วยระบบการอัปเกรดสกิลเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ได้เยอะมาก เช่นการเพิ่มระบบเล็งยิงทำให้โจมตีได้ถูกจุดตามที่ต้องการได้

อย่างไรก็ตามพอได้เล่นมันอาจจะมีอีกข้อสังเกตเพราะเกมเพลย์โดยรวมดูช้าไปหน่อย เพราะนอกจากการปรับแต่งหุ่นยนต์ในแต่ละครั้งใช้เวลายาวนานไปแล้ว ในส่วนของเกมเพลย์ในฉากหลักก็ไม่ได้รวดเร็วนักแม้ว่าจะไม่มีการโหลดในฉากแต่มันยังดูช้า และแม้ว่าจะมีโหมดตัดฉากต่อสู้ทิ้งไปหุ่นยนต์จะยิงกันบนแผนที่เลยใส่เข้ามาแต่ก็ไม่ได้ทำให้มันเร็วขึ้นมากนัก ยิ่งเมื่อเอาไปเทียบกับมาตรฐานเกมในยุคนี้ถือว่าช้าไปอยู่ดี

โดยรวมแล้วการกลับมาของ Front Mission 2: Remake อาจจะไม่ได้แตกต่างจากภาคแรกนัก เพราะไม่ได้มีอะไรให้ประหลาดใจเท่ากับการมาครั้งแรก แต่หากคุณชอบต้นฉบับมันถือว่ายังคงสนุกเพราะเกมเพลย์ถือว่าลื่นไหลกว่าบน PS1 พอสมควรแม้จะไม่ได้มากเท่ากับเกมในยุคนี้ก็ตาม อีกทั้งเกมเพลย์ก็ดูเชยไปหน่อย แต่สำหรับเด็กหนวดยุค 90S แล้วมันมียังคงมีความทรงจำวัยเด็กของเราอยู่ แถมมีราคาขายที่ไม่แพงด้วย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส