[รีวิวเกม] Detective Pikachu Returns การกลับมาของนักสืบ Pokemon ที่มาพร้อมเกมเพลย์สุดเชย
Our score
5.0

Detective Pikachu Returns

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์เข้าใจง่าย มีภาพประกอบและคำบอกใบ้ตลอด
  2. ไขคดีไปพร้อมกับ Pokemon

จุดสังเกต

  1. เกมเพลย์เชยขาดความท้าทาย
  2. กราฟิกย้อนยุคไปไกล

หากย้อนกลับไปปี 2019 มีหนังจากเกม Detective Pikachu ออกฉายโดยถูกสร้างเพราะความโด่งดังของเกม Pokemon GO ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้นำเกม Detective Pikachu ภาคแรกที่เคยออกบน 3DS มาสร้างเป็นหนังคนแสดง และก็ประสบความสำเร็จพอตัวแต่ก็ไม่ได้ถูกสร้างภาคต่อออกมาจนทุกวันนี้แม้จะทำเงินก็ตาม

แต่สำหรับเวอร์ชันเกมถือเป็นข่าวดีเพราะมีการประกาศสร้างภาคต่อในชื่อ Detective Pikachu Returns ออกบน Nintendo Switch และเป็นการสานต่อภาคแรกไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาพยนตร์ โดยยังใช้แนวทางเดียวกับภาคแรกที่มาแนวสืบสวนสอบสวน ในโลกที่เต็มไปด้วยตัว Pokemon และต้องแก้ปริศนาไขคดีตามที่มีจุดเด่นที่เกมเพลย์เข้าใจง่าย

ส่วนเรื่องราวในภาคนี้จะเกิดหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก 2 ปี ตัวเอก Tim Goodman และ Pikachu ได้กลายเป็นนักสืบดังเพราะการไขคดีใหญ่จากภาคแรก และกำลังจะได้รับรางวัลจาก นายกเทศมนตรีของเมือง Ryme City แต่แล้วก็เกิดเหตุวุ่นวายเพราะ Corviknight Pokemon ร่างนกยักษ์ออกอาละวาด ทำให้ทั้ง 2 ต้องไปสืบสวนผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ไม่สงบจนนำพาไปสู่คดีที่คาดไม่ถึง

กราฟิกไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้ดูแย่จนรับไม่ได้

สิ่งที่อาจจะไม่ได้เป็นจุดเด่นของเกมนี้คืองานสร้างภาพในเกม เพราะทุกอย่างดูธรรมดามากหากมองผ่าน ๆ เพราะทุกอย่างดูขาดรายละเอียดฉากก็เหมือนเกมยุค PS2 ที่โล่ง ๆ แม้จะมองว่ามันคือเกม Pokemon ที่ไม่เน้นกราฟิก แต่ก็สามารถทำออกมาให้ดูดีกว่านี้ได้ ยิ่งหากมองว่าเกมเพลย์มันถูกจำกัดมุมกล้องที่ตายตัวแล้ว หากทีมงานสร้างจะลงทุนทำกราฟิกให้ดูดีก็สามารถทำได้เช่นใน Luigi’s Mansion 3 ที่มีมุมกล้องแบบเดียวกันแต่มีภาพสวยกว่าเกมนี้หลายเท่า

แต่หากมองให้ดีมันก็ไม่ได้ดูแย่มากมาย เพราะพื้นผิวยังพอมีรายละเอียดอยู่บ้าง หากผู้เล่นไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มากก็พอจะทำใจเล่นไปจนจบได้ ส่วนของเพลงประกอบก็มาแนว Jazz ที่มีเพลงสนุก ๆ อยู่มากมาย และยังมาพร้อมกับธีมที่ดูลึกลับในช่วงที่ทำการสืบสวนด้วย ส่วนเสียงพากย์ก็ยังคงมีการใส่มาให้แต่ไม่ทุกจุด โดยรวมถือว่าพอใช้ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้ดูแย่จนรับไม่ได้

เกมเพลย์แนวสำรวจแก้ปริศนา

รูปแบบการเล่นของ Detective Pikachu Returns ที่มาแนวสำรวจฉากผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหนุ่มน้อย Tim และ Pikachu ให้เดินในฉากที่จำกัดมุมกล้อง เพราะเราไม่สามารถปรับเปลี่ยนมุมมองในการเล่นได้เลย ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับภาคแรก เราจะได้เดินสำรวจฉากเพื่อหาเบาะแสของคดี ผ่านการสำรวจสิ่งที่ตกอยู่ในฉากเช่นของที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ที่เกิดเหตุ

และการสืบสวนยังมีการพูดคุยกับผู้ต้องสงสัยหรือพยานที่สำหรับซีรีส์ Detective Pikachu ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น เรายังต้องพูดคุยกับตัว Pokemon ที่อยู่ในฉากด้วยผ่านการใช้ Pikachu ทำให้มันโดดเด่นและเป็นความแตกต่างจากเกมแนวนักสืบเกมอื่น ซึ่งภาคนี้การเดินตามรอยภาคแรกบน 3DS แบบตรง ๆ แต่มันดูธรรมดาไปหน่อยแล้วสำหรับเกมที่วางขายในปี 2023

ทุกอย่างดูเรียบง่ายและเชย

สิ่งที่อาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียคือการไขคดี ที่รูปแบบการเล่นดูจะเข้าใจง่ายมาก เพราะหลังจากผู้เล่นได้สำรวจหาข้อมูลเสร็จแล้ว เราต้องกดเข้าเมนูการเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาว่าใครคือคนร้ายหรือสิ่งของที่ถูกขโมยไปอยู่ที่ไหน ซึ่งทุกอย่างจะถูกนำเสนอด้วยรูปภาพตัวละคร ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องอ่านข้อความมากนักในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังมีคำบอกใบ้และกลับไปดูข้อความที่พูดคุยกับทุกตัวละครเพื่อประมวลผลได้ตลอดทำให้มันดูง่ายและขาดความท้าทายไป

ยังดีที่มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าเกมอื่นอยู่บ้าง คือมีการร่วมมือกับ Pokemon ตัวอื่นนอกจาก Pikachu เพื่อร่วมกันแก้ปริศนาได้เช่นการใช้การดมกลิ่นเพื่อหาเบาะแสของคดี หรือหาตัว Pokemon ลึกลับที่ซ่อนอยู่ในฉาก รวมทั้งมีด่านที่เราต้องกดปุ่มตามจังหวะแบบเกมแนวแอ็กชันเข้ามาเล่นด้วย ซึ่งพอจะทำให้เราไม่เบื่อกับรูปแบบการเล่นที่เน้นแค่คุยและสำรวจที่ดูเชยไปหน่อย

Detective Pikachu Returns เป็นการกลับมาของยอดนักสืบ Pokemon ที่อาจจะดูธรรมดาทั้งในส่วนของกราฟิกที่ย้อนยุค เกมเพลย์ขาดความสดใหม่แม้ผู้สร้างจะพยายามใส่สิ่งที่ดูน่าตื่นตาเข้าไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังดูน่าเบื่อไปหน่อย หากไม่ใช่แฟนตัวจริงของ Pokemon ไม่จำเป็นต้องไปหามาเล่นก็ได้ แต่หากคุณเป็นแฟนตัวจริงที่ติดตามมานานและเคยเล่นภาคแรกก็พอจะมีความสนุกให้ค้นหาอยู่

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส