[รีวิวเกม] ‘Contra: Operation Galuga’ ตำนานเกมยิงดึงฉากกลับมาแล้ว แต่ยังไม่น่าจดจำ
Our score
7.5

Contra: Operation Galuga

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์แบบคลาสสิก
  2. ตัวละครเยอะมีระบบอัปเกรดตัวละคร

จุดสังเกต

  1. กราฟิกธรรมดาไปหน่อย
  2. เกมเพลย์ขาดความสดใหม่
  • Contra: Operation Galuga

    7.5

สำหรับเด็กหนวดที่เกิดในยุค 80S คงจะรู้จักตำนานอย่าง ‘Contra’ ผลงานของค่าย Konami ที่เปิดตัวบน Famicom และมีการสร้างภาคต่อมา แม้ว่าหลัง ๆ จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเหมือนช่วงแรก ๆ และมีการสร้างภาคบนสมาร์ตโฟนออกวางขาย แต่เชื่อว่าแฟนต้นฉบับอยากให้ทำออกบนคอนโซลแบบเดิม ๆ มากกว่า

และความฝันก็เป็นจริงเมื่อ Konami เปิดตัวเกม ‘Contra: Operation Galuga’ แถมยังได้ทีมงานดังอย่าง WayForward มาเป็นผู้สร้างถือว่าเป็นข่าวดีเพราะเกมแบบ 2 มิติคือความถนัดของค่ายนี้ และยังเคยสร้างเกม ‘Contra 4’ มาแล้วทำให้มีการตั้งความหวังว่ามันจะออกมาดีแน่นอน โดยจะวางขายบน Nintendo Switch, PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X/S, Xbox One และ PC

ความดีงามแรกคือการใส่เนื้อเรื่องที่เริ่มต้น เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย Red Falcon ยึดครองหมู่เกาะ Galuga นอกชายฝั่งของประเทศนิวซีแลนด์ และประกาศก่อสงครามที่มีเบื้องหลังที่สามารถทำลายล้างโลกได้ ทำให้หน่วย ‘Contra’ ได้ส่งคอมมานโดในตำนานอย่าง Bill Rizer และ Lance Bean ออกปฏิบัติการ แถมยังมากับตัวละครใหม่ออกมาร่วมสู้ด้วย

กราฟิกดูเหมือนเกมแจกฟรีบนมือถือ

เชื่อว่าแฟน Contra คงอยากให้ทีมงานใช้แนวทางย้อนยุคแบบภาค 4 ที่ทีม Wayforward เคยสร้าง แต่ทีมงานกลับเลือกใช้งานกราฟิกที่คล้ายกับเวอร์ชันสมาร์ทโฟนมาใช้ แม้ว่าทั้งฉากและตัวละครจะเป็นโพลิกอน 3 มิติที่อยู่ในเกมเพลย์แบบ 2D แต่ภาพโดยรวมก็ขาดรายละเอียดเมื่อเทียบว่ามันออกบนคอนโซล ทำให้ภาพมันดูย้อนยุคไปไกลมาก แถมเฟรมเรตบน Nintendo Switch ก็ไม่ได้ลื่นเท่าที่ควรด้วย

แม้ว่าผู้สร้างพยายามใส่คัทซีนเข้ามาแต่ก็ดูธรรมดามากยังดีที่มีเพียงพากย์ใส่เข้ามาตลอด ส่วนงานออกแบบตัวละครออกไปทางตะวันตกที่ไม่ได้โดดเด่นมีเพียง 2 ตัวละครหลักที่ดูดีนอกนั้นธรรมดามาก ส่วนเพลงประกอบถือว่าส่วนตัวน่าผิดหวังเล็กน้อย แม้ว่าผู้สร้างจะใส่เพลงธีมในตำนานของซีรีส์ ‘Contra’ เข้ามาก็ตามแต่ก็มาไม่เยอะและก็พยายามปรับแต่งดนตรีสมัยใหม่เข้าไปจนขาดความคลาสสิกไป ยังดีที่มีการใส่เสียงกดปุ่ม start ของ Konami เพื่อหยุดเกมในตำนานเข้ามาด้วย

เกมเพลย์เดินยิงแบบ 2D ที่ท้าทาย

รูปแบบการเล่นก็เดินตามรอยความเป็น ‘Contra’ ที่มาแนวเกมยิง 2 มิติมุมมองด้านข้าง แล้วตัวละครจะใช้ปืนเดินยิงศัตรู หรือที่นิยมเรียกกันว่าเกมแนวเดินยิง ซึ่งภาค ‘Contra: Operation Galuga’ ก็ยังใช้รูปแบบนี้ โดยเพื้นฐานแล้วเราจะต้องกำจัดศัตรูด้วยการใช้ปืนยิงและกระโดดไปตามพื้นผิว โดยภาคนี้เราจะกระโดดเกาะกำแพงและไต่กำแพงได้ด้วยซึ่งเป็นระบบที่มีครั้งแรกในภาค 3 นอกจากนี้ยังเสริมด้วยการกระโดด 2 จังหวะ และมีการพุ่งตัวไปข้างหน้าใส่มาให้ใช้งานด้วย

ฉากในเกมก็จะเรียบง่ายเพราะจะเป็น 2 มิติที่มีศัตรูออกมาเรื่อย ๆ และมีอุปสรรคกับดักมาให้เราหลบหลีก แน่นอนในเมื่อมันเป็นการสร้างเพื่อเอาใจแฟนเก่าทำให้มีการอ้างอิงถึงฉากในตำนานด้วย เช่นฉากน้ำตกที่แฟนซีรีส์นี้คงจะจดจำกับการดึงฉากกันได้ดี และยังมาพร้อมกับฉากความเร็วสูงเช่นการขี่มอเตอร์ไซค์ในตำนาน รวมทั้งบอสคลาสสิกก็ใส่เข้ามาด้วย และความดีงามคือมันอ้างอิงแค่บางส่วนมีการคิดอะไรใหม่ ๆ เข้าไปด้วย

มีตัวละครหลากหลาย และระบบอัปเกรดตัวละคร

ในภาคนี้จะมีตัวละครให้เลือกหลากหลายไล่ตั้งแต่ตำนานอย่าง Bill Rizer, Lance Bean และมีตัวละครหญิงมาให้เลือก 2 ตัวได้แก่ Ariana และ Lucia และนอกจากมนุษย์แล้วยังมาพร้อมกับหุ่นสุดแกร่ง Stanley Ironside และหุ่นจาก Probotector มาให้เลือกอีก 2 ตัว ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีความแตกต่างกันเช่นพลังชีวิตไม่เท่ากัน และปืนแต่ละตัวแม้จะเป็นชนิดเดียวกันแต่จะมีรูปแบบกระสุนไม่เหมือนกันด้วย ถือว่าเพิ่มความหลากหลายให้การเล่น แน่นอนว่ามันเล่นกับเพื่อนได้หลายคนพร้อมกันและเล่นได้สูงสุดถึง 4 คนด้วย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบอาวุธที่โดดเด่น ที่มีปืนในตำนานใส่เข้าให้ใช้กันครบไม่ว่าจะเป็นปืน S ที่ยิงกระสุนแบบกระจาย หรือปืน H ที่ยิงจรวดแบบติดตามศัตรูก็มีมาให้ใช้ และยังมาพร้อมระบบใหม่ เพราะเมื่อเราเก็บอาวุธเดิมซ้ำจะเป็นการอัปเกรดให้แรงขึ้น และสามารถกดใช้ท่าพิเศษของปืนแต่ละชนิดได้แต่จะเสียปืนไปเลยต้องเก็บใหม่ ทำให้การใช้ท่าพิเศษต้องวางแผนกันให้ดีแต่หากใช้งานได้ถูกจังหวะจะทำให้การต่อสู้กับศัตรูโดยเฉพาะบอสง่ายขึ้น

และระบบที่เสริมเข้ามาคือ Perk ที่เหมือนเป็นไอเทมที่ใส่กับตัวละครแล้วจะเพิ่มความสามารถพิเศษเข้าไป เช่นการเพิ่มพลังชีวิตหรือคุณสมบัติใหม่ ๆ เข้าไปเช่นหากพลาดโดนโจมตีอาวุธปืนที่เก็บได้จะไม่หายไป ส่วนการปลดล็อก Perk จะต้องใช้ Credits ที่ได้มาจากการเล่นเพื่อไปปลดล็อก Perk ใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถ ส่วนระดับความยากในภาคนี้ถือว่าเหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะมีให้เลือกทั้งแบบง่าย, ปานกลางและยากแบบสุดโหด และยังเลือกว่าจะโดนอัดที่เดียวตายได้หรือมีค่าพลังได้ ทำให้มือใหม่พอจะเล่นจบได้แบบไม่หัวร้อนมากนัก

โดยรวมแล้วการกลับมาของตำนานเกมยิงใน ‘Contra: Operation Galuga’ ถือว่าทำออกมาได้ดีในระดับน่าพอใจ แม้ว่าข้อเสียหลัก ๆ ที่กราฟิกดูเชยและผู้สร้างไม่ยอมลงทุนในส่วนการนำเสนอทำให้ภาพรวมมันเหมือนเกมแจกฟรีบนมือถือที่มีภาพลักษณ์ไม่น่าจดจำ แต่เกมเพลย์ถือว่าทำออกมาดีพอตัวมีอะไรให้ทำเยอะ และมีระบบปรับแต่งที่หลากหลายทำให้แม้ตัวเกมต่อค่อนข้างสั้นแต่ก็กลับไปเล่นได้หลายรอบ ใครเป็นแฟน ‘Contra’ ไปหามาเล่นได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก