Our score
9.0Unicorn Overlord
จุดเด่น
- เกมเพลย์แบบคลาสิกที่ปรับให้สนุก
- มีอะไรให้ทำเยอะมาก
- กราฟิกแบบ 2 มิติที่ดูดี
จุดสังเกต
- ระบบการเล่นอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน
-
Unicorn Overlord
9.0
หลังจากเปิดให้โหลดเดโมไปล่าสุดค่าย Atlus game ที่เป็นผู้จัดนำหน่ายได้เปิดตัวเกม ‘Unicorn Overlord’ แบบเต็ม ๆ มาให้เล่นกันแล้ว และมันได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ เสียด้วยโดยเฉพาะในญี่ปุ่นขายดีจนขาดตลาด ในส่วนของเสียงวิจารณ์ก็ออกมาดี เพราะถูกใจทั้งแฟนเก่าที่ชอบรูปแบบการเล่นคลาสสิก และแฟนใหม่ที่อยากสัมผัสอะไรที่ไม่เคยเล่นมาก่อน
ก่อนอื่นก็รอบอกสำหรับผู้ที่ไม่รู้ข้อมูลมาก่อนว่าเกม ‘Unicorn Overlord’ จะนำเสนอในรูปแบบ Real-time strategy (RTS) และเป็นผลงานจากทีมงานสตูดิโอ Vanillaware เจ้าของผลงานดังอย่าง Odin Sphere, Dragon’s Crown 13 และ Sentinels: Aegis Rim ทำให้มันน่าสนใจมาก โดย ‘Unicorn Overlord’ จะวางขายบน Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5 และ Xbox Series X/S
ส่วนเรื่องราวจะเกิดขึ้นหลังจากการก่อกบฏในอาณาจักร Cornia ทำให้เกิดความวุ่นวายจน “Alain” ตัวเอกต้องหลบหนีออกจากเมืองเพื่อเอาชีวิตรอด โดยเขาไปพร้อมแหวนแห่งยูนิคอร์นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ Cornia และหลังจากผ่านไป 10 ปีถึงเวลาที่ Alain จะกลับมาทวงคืนบัลลังก์ โดยเนื้อเรื่องเขียนออกมาดีมีตัวละครและรายละเอียดเยอะมาก แถมผู้เล่นยังมีส่วนร่วมกับการกำหนดเรื่องราวผ่านการเลือกคำถามคำตอบได้ด้วย
กราฟิกใช้แบบคลาสสิกแต่ดูดีไม่เชย
ภาพในเกม ‘Unicorn Overlord’ จะมาแบบ 2 มิติทั้งฉากต่อสู้และฉากวางแผนการรบแต่มาพร้อมความละเอียดระดับ HD ไม่ได้เป็นพิกเซล ซึ่งน่าจะถูกใจแฟน ๆ ที่ชอบอะไรแบบคลาสสิกแต่ก็ดูดีไม่เชยและมีการเคลื่อนไหวของตัวละครแบบ 2D ที่ลื่นไหลมาก ซึ่งด้วยภาพแบบนี้ทำให้เกมเพลย์ดูย้อนยุคเหมือนกับแนวเกม และถือว่าผู้สร้างทำออกมาดีเพราะแต่ละตัวมีความโดดเด่นและแนวทางที่แตกต่างมองดูก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอาชีพไหน
และหากมองกันดี ๆ มันมีความคล้ายกับงานออกแบบของเกมในตำนานที่แฟน ๆ คิดถึงอย่าง ‘Final Fantasy Tactics’ แม้จะมาคนละแนว รวมทั้งตัวละครก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ส่วนเพลงประกอบถือเป็นจุดเด่นเช่นกันเพราะมีการใช้เพลงบรรเลงที่เข้ากับโลกแฟนตาซีมีความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง คล้ายกับเกมแนว RPG ในอดีต และแน่นอนมีการใส่เสียงพากย์เข้ามาด้วย
เกมเพลย์ RTS แบบคลาสสิก
อย่างที่บอกไปว่า ‘Unicorn Overlord’ มันมาแนวทาง Real-time strategy ที่เรียกย่อ ๆ ว่า “RTS” และมีต้นแบบมาจากเกมดังในยุค 90S อย่าง ‘Ogre Battle’ เชื่อว่าแฟนรุ่นเก่าน่าจะเคยได้เล่นกัน แต่เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยคุ้นเพราะมันห่างหายไปนานพอสมควรและแนวเกมแบบนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในยุคนี้ เชื่อว่าในตอนแรกแฟนเกมหลายคนต้องทำความเข้าใจกับระบบการเล่นกันพอสมควร
เกมเพลย์หลัก ๆ แล้วจะมี 2 รูปแบบคือการเดินสำรวจฉากแผนที่ในเมืองหรือของเกมที่มีภูมิประเทศที่แตกต่างผู้เล่นจะได้สำรวจฉากได้และเนื่องจากมันใช้มุมกล้องแบบ 2D ทำให้ดูง่ายแต่ก็มีการแอบซ่อนอะไรมากมาย และมีเมืองให้เราอัปเกรดตัวละครเช่นการซื้ออาวุธด้วย ซึ่งฉากในเกมจะค่อย ๆ ปลดล็อกออกมาและเราสามารถเดินทางไปได้ทั่วและมีระบบ Fast Travel ที่โหลดได้รวดเร็วอย่างมากด้วยทำให้การเดินทางไปทั่วโลกทำให้เร็วไม่มีอะไรติดขัด
ฉากต่อสู้ที่สนุกได้ลุ้นกันตลอด
อีกส่วนคือฉากต่อสู้ที่ใช้แบบ 2 มิติ ที่ใช้แผนที่เดียวกับฉากเดินสำรวจ และจะใช้ระบบเวลาจริงตัวละครฝ่ายเรากับศัตรูจะเดินพร้อมกันไม่ใช่ระบบเทิร์นเบส ที่เมื่อเราจัดทัพที่ต้องการแล้วเลือกลงสนามรบแล้วผู้เล่นจะต้องเลือกไปที่ตัวละครที่ต้องการใช้งานแล้วกดไปให้มันไปต่อสู้หรือทำภารกิจตามที่ต้องการได้ แล้วมันจะเดินไปตามที่เราสั่งการ และเมื่อตัดเข้าฉากต่อสู้แล้วจะพบว่าเราไม่สามารถบังคับอะไรนอกจากเร่งความเร็ว เท่ากับว่าผู้เล่นต้องคิดวางแผนให้เสร็จก่อนจะเข้าฉาก ทำให้เป็นจุดเด่นที่เน้นการวางแผนการรบอย่างแท้จริง
ในการต่อสู้แม้ในฉากจะไม่สามารถเลือกอะไรได้แล้ว แต่ก็มีความสนุกเพราะผู้เล่นจะได้เห็นตัวละครโจมตีกันคนละตา และหากเลือกใช้ตัวละครได้ตรงจุดก็จะสามารถกำจัดศัตรูได้หมด หรือต่อให้กำจัดไม่หมดแต่หากเราเสียค่าพลังน้อยกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะและเมื่อตัดเข้าฉากแผนที่ศัตรูจะกระเด็นไปด้านหลังทำให้เราได้เปรียบอย่างมาก
และอีกส่วนที่ผู้เล่นต้องคำนึงถึงตลอดการเล่นคือตัวเลขระบุจำนวนการต่อสู้จำกัดมีการขึ้นตัวเลขบอกตลอด ซึ่งเราต้องวางแผนให้ดีมาก ๆ เพราะหากเราเลือกตัวละครที่เก่ง ๆ แล้วลุยเดี่ยวไปจนค่าพลังหมดก็จะใช้งานไม่ได้ ทำให้ต้องเลือกตัวอื่นมาใช้งานแทน ซึ่งหากวางแผนไม่ดีก็จะไม่ผ่านแน่ เพราะหากไม่ได้เลือกโหมดง่ายเกมมีความโหดพอสมควร ศัตรูมีระบบแพ้ทางกันหากเราเลือกตัวละครที่ใช้อาวุธหรือท่าไม้ตายไม่ตรงกับจุดอ่อนก็จะโจมตีไม่เข้า และอย่าลืมว่าเมื่อตัดเข้าฉากต่อสู้เราจะบังคับไม่ได้ทำให้ต้องคิด ๆ ว่าจะเอาตัวไหนออกไปรบบนฉากแผนที่
มีอะไรให้ทำเยอะมาก ๆ
อีกจุดเด่นที่ทำให้ ‘Unicorn Overlord’ กลายเป็นเกมดูดวิญญาณของแฟนเกมหลายคือนอกจากฉากต่อสู้แล้ว ผู้สร้างได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เข้ามามากมายอย่างแรกที่ต้องมีคือระบบอัปเกรดตัวละครเช่นการซื้ออาวุธเครื่องป้องกัน หรือยาเติมพลัง และยังมาพร้อมการปรับแต่งตั้งค่ากองทัพของเราที่ทำได้ละเอียด และการวางตัวละครในทัพก็จะส่งผลกับฉากต่อสู้ด้วย นอกจากนี้ตัวละครในเกมมีเยอะมาก ๆ และยังมาพร้อมกับความแตกต่างเช่นบางตัวบินได้ บางตัวจะขี่ม้าซึ่งจะเดินทางได้รวดเร็วกว่า หรือแบ่งตามอาชีพเช่นนักรบหรือจอมเวทย์ที่เวลาจัดทัพจะส่งผลกับค่าพลังโดยรวมของทีมด้วย
ต่อเนื่องกับระบบการสร้างบ้านสร้างเมืองที่ผู้เล่นจะสามารถรวบรวมวัตถุดิบมาสร้างเมือง และยังสร้างสิ่งของในฉากเช่นสะพานเพื่อปลดล็อกไปสถานที่ใหม่ ๆ แน่นอนว่าเมื่อสร้างสำเร็จก็จะได้สถานที่ใหม่ฉากใหม่พร้อมกับการมาของไอเทมใหม่เช่นอาวุธเทพ ๆ ปลดล็อกมาให้ใช้งานหรือการพบเจอตัวละครใหม่ได้ ทำให้การสร้างเมืองมันมีความจำเป็นอย่างมาก
และเกมยังมาพร้อมกับภารกิจมากมายที่การทำก็ไม่ยากแค่เดินไปรับภารกิจตามตัวละคร NPC ที่อยู่ในฉากแล้วจะมีคำบอกใบ้ว่าไปทำอะไรที่ไหนทำให้เดาไม่ยาก นอกจากนี้ในฉากแผนที่โลกยังมีอะไรให้สำรวจมากมายและมีศัตรูแอบซ่อนอยู่เพียบ ทำให้นอกจากการการออกรบทำสงครามในภารกิจหลักยังมีอะไรให้ทำมากจนเหลือเชื่อ จนทำให้ผู้เล่นลืมเนื้อเรื่องหลักไปได้เลย
การได้สัมผัสเกม ‘Unicorn Overlord’ แบบเต็ม ๆ แล้วถือว่าเป็นอีกเกมที่ทำออกมาดีมาก เพราะมันสามารถผสมผสานความคลาสสิกของรูปแบบการเล่นที่ดูเชยดูตกยุค มาปรับให้รวดเร็วและเข้าใจง่ายแต่ก็มีความซับซ้อนในระบบตั้งค่าที่ปรับแต่งได้เยอะ และยังมาพร้อมสิ่งให้ทำมากมายไม่ว่าจะเป็นภารกิจหลักและภารกิจเสริม ทำให้มันเป็นอีกหนึ่งในเกมที่แนะนำให้หามาเล่นรับประกันความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป