Our score
8.3Shin Megami Tensei V: Vengeance
จุดเด่น
- เกมเพลย์สนุกในรูปแบบ RPG
- ภาพดูดีแม้จะเล่นบน Nintendo Switch
- เกมมีความยาวคุ้มค่า
จุดสังเกต
- ราคาขายแพงไปหน่อย
-
ภาพรวม
8.5
-
กราฟิก
8.0
-
เกมเพลย์
8.4
-
ความคุ้มค่า
8.5
เกม ‘Shin Megami Tensei’ หนึ่งในซีรีส์ RPG ในตำนาน ที่วางขายบน Famicom ในปี 1987 ในชื่อเกม ‘Megami Tensei’ และได้สานต่อมาอีกหลายภาครวมทั้งมีการทำภาคสปินออฟ ที่ประสบความสำเร็จมหาศาลอย่าง ‘Persona’ เรียกว่าเป็นเกมเรือธงของค่าย Atlus ที่มีแฟน ๆ ติดตามอยู่มากมาย
และในปี 2021 มีการเปิดตัว ‘Shin Megami Tensei V’ ภาคที่ 5 ของซีรีส์ที่วางขายบน Nintendo Switch ก่อนจะออกบนคอนโซลอื่นและ PC ด้วยภายหลัง แน่นอนว่ามันต้องมีการออกเนื้อเรื่องเสริม DLC ที่มีการออกมาในชื่อ ‘Shin Megami Tensei V: Vengeance’ และออกวางขายพร้อมกันทั้งบน PS5, PS4, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC รวมทั้งบน Nintendo Switch ด้วย
ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ไม่ธรรมดาเพราะหากเป็นเนื้อเรื่องเสริมของเกมทั่วไปจะเป็นการใส่เรื่องราวสั้น ๆ สานต่อจากเรื่องราวหลัก แต่ในภาค ‘Vengeance’ จะเป็นเนื้อเรื่องใหม่ที่แยกออกจากเรื่องราวหลัก ที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ตั้งแต่ต้นเกมว่าจะเล่นเนื้อเรื่องหลักหรือจะเข้าสู่เรื่องราวเสริม ที่จะมาในชื่อ “Canon of Vengeance” และความดีงามคือมันมีความยาวมากเท่ากับเนื้อเรื่องหลักได้เลยเรียกว่าแม้อาจจะดูราคาแพงแต่คุ้มค่าสุด ๆ
กราฟิกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ในเมื่อมันไม่ใช่ภาคใหม่เป็นเพียงเนื้อเรื่องเสริมที่สร้างออกมาเพื่อขยายโลกของภาคหลัก ทำให้งานด้านกราฟิกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ต้นฉบับถือว่าเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่นำเสนอกราฟิกได้ฉลาดมาก ประเด็นแรกคือมันใช้ Unreal Engine 4 ซึ่งทำให้โดยรวมงานด้านภาพไม่ได้เชย และยังเน้นงานออกแบบที่โดดเด่นตามแบบฉบับเกม JRPG ที่มาจากญี่ปุ่นโดยเฉพาะตัวละครหลักที่ดูดีมีเสน่ห์ ปีศาจในเกมก็ดูหลุดโลกแปลกตาแต่เชื่อว่าถูกใจแฟนตัวจริงแน่นอน
แม้ว่าความละเอียดของฉากอาจจะไม่ได้มีมากมายดูโล่ง ๆ พื้นผิวก็เรียบ ๆ แต่มันก็ทดแทนด้วยฉากกว้าง ๆ และโดดเด่นด้วยความลื่นไหลในการเล่น ซึ่งเชื่อว่าแฟน ๆ คงอยากให้เกมลื่นมากกว่าภาพสวยแล้วเฟรมเรตตก โดยรวมมันไม่ได้ดูแย่เลย เช่นเดียวกับเพลงประกอบที่ยกเอาของเดิมมา ซึ่งทำออกมาได้ดีมีการใส่ธีมที่สนุกเร้าใจและมีการใช้ดนตรียุคใหม่ผสมผสานกับของเดิมได้ลงตัว แถมมีเสียงพากย์ตลอดการเล่นด้วยแม้ว่าตัวเอกจะยังไม่มีบทพูดเหมือนเดิมก็ตาม
เกมเพลย์สนุกเร้าใจเข้าใจง่าย
รูปแบบการเล่นก็เหมือนเดิมหากเคยเล่นต้นฉบับก็เล่นต่อได้ไม่ต้องทำความเข้าใจใหม่ โดยมันจะมาในรูปแบบ RPG เทิร์นเบสใส่คำสั่งแล้วโจมตีแบบเดิม ๆ รวมทั้งมีการตัดเข้าฉากต่อสู้และไม่มีระบบเรียลไทม์ดูฟังดูเชยมาก แต่พอได้เล่นแล้วมันดูไม่เชยเลย ประเด็นแรกคือความลื่นไหลที่ตัวเกมทำได้ดีมาก ๆ เพราะมีระยะเวลาการโหลดที่สั้นมาก และพอเราใส่คำสั่งตัวละครจะโจมตีอย่างรวดเร็ว ทำให้เกมเพลย์โดยรวมไม่อืดอาดเหมือน RPG ในยุคก่อน
นอกจากนี้ยังมีระบบ Magatsuhi ที่เหมือนเป็นการระสมค่าพลังที่ได้จากการต่อสู้กับศัตรู และเมื่อเก็บจนเต็มจะสามารถใช้ท่าพิเศษที่มีความรุนแรงมาให้ใช้เหมือนภาคหลัก และแน่นอนว่ามันยังมาพร้อม Pass Turn ที่ถือเป็นความโดดเด่นของเกมนี้ โดยมันคือระบบโจมตีศัตรูที่แพ้ทางกับท่าไม้ตายของเราหรือเมื่อเราโจมตีศัตรูได้อย่างรุนแรงได้เราจะได้กดโจมตีได้เพิ่มอีก 1 ครั้ง
ระบบผสมปีศาจที่ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
จุดเด่นของซีรีส์นี้คือการนำปีศาจมาเป็นพวก ที่ว่ากันว่ามันเป็นต้นแบบของเกม ‘Pokemon’ เลยด้วยซ้ำ (เกม ‘Shin Megami Tensei’ ออกก่อน) และในภาคนี้ก็ยังใส่เข้ามา ส่วนการนำมาเป็นพวกจะไม่ได้ใช้การจับมาแต่เป็นการพูดคุยชักชวนมาเป็นพวก ซึ่งความสนุกอยู่ตรงนี้เอง เพราะปีศาจแต่ละตัวการชวนเข้าทีมมีความแตกต่าง บางตัวก็พูดจากันดี ๆ ก็ตามมา แต่บางตัวก็ต้องจ่ายเงินหรือให้ไอเทม บางตัวขอดูดพลังชีวิตเรา และก็มีหลายตัวที่มีลีลายียวนกวนบาทา และอาจจะหลอกลวงเราให้เสียของฟรี ๆ เลยได้ซึ่งเป็นเสน่ห์ของซีรีส์นี้มายาวนาน
และอีกความโดดเด่นคือการนำปีศาจมารวมร่างกันจนเกิดเป็นตัวใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม และยังมีการอัปเกรดตั้งค่าสกิล โดยมีเลเวลกำหนดที่เราต้องเก็บให้ถึงก่อนถึงจะจับมารวมร่างกันได้ ที่ผู้เล่นต้องศึกษาและต้องเลือกผสมให้ดีเพราะมันจำเป็นต่อการเล่นอย่างมาก และถือว่าเป็นส่วนที่ทำให้เกมสนุกขึ้นด้วย แน่นอนว่าในภาค ‘Shin Megami Tensei V: Vengeance’ จะมาพร้อมปีศาจชนิดใหม่มาให้เราเลือกใช้งาน โดยมีบางตัวมาจากภาคเก่าด้วย
ส่วนระดับความยากของเกมยังคงโหดเหมือนเดิม ผู้เล่นต้องงัดเอาความสามารถของตัวละครของเราออกมาให้มากที่สุด และต้องวางแผนการเล่นเช่นการเลือกใช้ท่าไม้ตายที่กำหนดด้วยธาตุที่มีการแพ้ทางกัน ซึ่งการดูว่าตัวไหนมีจุดอ่อนอะไรก็ไม่ยากเพราะมีภาพให้ดูเลย และเราต้องอัปเกรดเรียนรู้ท่าไม้ตายใหม่ตลอด แน่นอนว่าต้องออกค้นหาปีศาจมาเป็นพวกแล้วผสมเป็นตัวเทพ ๆ มาใช้งานด้วย ได้ทำให้แม้จะเป็นเนื้อเรื่องเสริมแต่ความสนุกไม่แตกต่างจากเนื้อเรื่องหลักเลย
การกลับมาอีกครั้งของเกม ‘Shin Megami Tensei V: Vengeance’ ถือว่าเป็น DLC ที่ไม่ธรรมดาเพราะมันคือการเขียนเรื่องราวแยกออกมาและมีความยาวพอ ๆ กับเรื่องราวหลักที่เล่นได้ยาวนานเกือบ 80 ชั่วโมงกันเลยเรียกว่าคุ้มค่าคุ้มราคา (ตัวเกมขายราคาเต็มเท่ากับภาคหลัก) ใครเล่นภาคหลักมาแล้วก็ไม่ควรพลาด และหากคุณไม่เคยเล่นภาคหลักมาก่อนก็ยิ่งคุ้มค่ามาก เพราะเราจะได้สัมผัสทั้งเรื่องราวหลักและเสริมในชุดเดียวเลย