[รีวิวเกม] ‘SNK vs. Capcom: SVC Chaos’ เปิดตำนานเกมต่อสู้ข้ามค่าย

หนึ่งในรูปแบบการขายเกมในยุคนี้คือการหยิบเอาต้นฉบับมาขายใหม่แบบไม่ได้ปรับอะไรใหม่ แต่จะแถมโหมดออนไลน์และภาพงานออกแบบ ฟังดูไม่น่าเล่นแต่เนื่องจากมันใช้ทุนต่ำและเกมที่นำมาขายล้วน แต่เป็นเกมคลาสสิกซึ่งหากโดนใจแฟน ๆ ก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ผลิตเกมจะขุดเอาของเก่ามาขายใหม่ตลอด

และล่าสุดมีการเซอร์ไพรส์เพราะค่าย SNK ได้ทำการเปิดตัวเกมครอสโอเวอร์ในตำนานอย่าง ‘SNK vs. Capcom: SVC Chaos’ กลับมาขายใหม่อีกครั้ง บน Nintendo Switch, PS4 และ PC ที่เชื่อว่าแฟน ๆ น่าจะประหลาดใจไม่น้อย เพราะไม่เคยมีข่าวมาก่อนว่าจะมีการเอามาขายใหม่ของตำนานที่ออกบนเกมตู้ และ PS2 ในปี 2003

การกลับมาขายใหม่ครั้งนี้ตามแนวทางของเกมที่เป็นการเอาของเก่ามาขายใหม่ตรง ๆ ทำให้ไม่ได้มีการอัปเดตอะไรเพิ่มมากนักในส่วนของเกมเพลย์ แต่เชื่อว่าแฟน ๆ น่าจะอยากเล่น เพราะมันเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมต่อสู้ข้ามค่ายที่อาจจะไม่ได้โด่งดังเท่า ‘Marvel Vs. Capcom’ แต่ก็เป็นภาคที่มีความน่าสนใจ ประเด็นแรกคือเจ้าภาพในการสร้างคือ SNK ทำให้ลายเส้นของงานออกแบบตัวละครหลัก ๆ มาจากค่าย SNK

กราฟิกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

อย่างที่บอกไปว่ามันคือการพอร์ตเอาต้นฉบับมาขายใหม่ ทำให้ภาพก็เหมือนเดิม แม้จะมีโหมดปรับได้แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และกราฟิกของต้นฉบับเป็นแบบพิกเซลทำให้มันอาจจะดูเชย แต่หากเข้าใจแนวทางของเกมที่เน้นขายความคลาสสิกก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร นอกจากนี้งานออกแบบจะคล้ายซีรีส์ ‘King of Fighter’ เนื่องจากเกมถูกสร้างโดย SNK เป็นหลัก

เช่นเดียวกับกราฟิกเพลงประกอบก็ยกเอาของเดิมมาเช่นกัน แต่อย่าเพิ่งคาดหวังว่ามันจะโดดเด่นเท่ากับเพลงของเกมต่อสู้ในยุคอดีต เพราะโดยรวมดนตรีประกอบอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ก็พอจะมีเพลงที่คุ้นหูบ้าง แต่โดยรวมจะไม่สามารถเทียบกับความคลาสสิกของ ‘Marvel vs. Capcom’ หรือเกมต่อสู้ในอดีตได้ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถือว่าทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบไม่ได้โดดเด่น

เกมเพลย์ต่อสู้พื้นฐานที่มีความโดดเด่นที่ตัวละคร

หากคุณไม่เคยเล่นมาก่อน มันคือเกมต่อสู้ 2 มิติ มุมมองด้านข้างตามแนวทางที่นิยมในช่วงยุค 2000S ที่มีความโดดเด่นในการนำตัวละครของ SNK มาต่อสู้กับตัวละครของค่าย Capcom และอย่างที่บอกไปว่าภาคนี้ SNK เป็นเจ้าภาพ ทำให้รูปแบบการเล่นจะอ้างอิงเหมือนซีรีส์ ‘King of Fighter’ แต่จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนตัวละครระหว่างเล่นได้และจะเล่นแบบ 1 VS 1 ที่ทำให้มันดูธรรมดาไปหน่อย แถมระบบการสะสมพลังท่าไม้ตายก็มีแบบเดียว ซึ่งทำให้มันดูเชยไปหน่อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานเกมต่อสู้ในยุคนี้

ต่อด้วยตัวละครในเกมที่หลัก ๆ จะขนมาแต่ตัวที่เรารู้จักกันดี เช่น Ryu, Ken, Chun li, จะหนักไปทาง ‘Street Fighter’ แต่ก็มีตัวละครจากซีรีส์อื่นด้วย ส่วนของ SNK ก็ขนมามากหน้าหลายตา เช่น Ryo จาก ‘Art of Fighting’ หรือ Kim และ Terry จาก ‘Fatal Fury’ และยังมีตัวละครที่ใช้ดาบจาก ‘Samurai Shodown’ เช่น Genjuro และ Earthquake มาให้ใช้งานด้วย

รวมแล้วมีตัวละครหลักให้เลือกทั้งหมด 24 ตัว ถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับมาตรฐานเกมยุคนั้น แต่ความดีงามคือการมีตัวละครลับมาให้ปลดล็อกเพิ่มเติมอีก และบางตัวไม่ได้มาจากซีรีส์เกมต่อสู้ด้วย เช่น Zero จากเกม ‘Rockman Zero’ ที่ทรงพลัง หรือ มนุษย์ดาวอังคาร จากเกม ‘Metal Slug’ มาให้ใช้งานด้วยยิ่งทำให้มันดูแปลกเข้าไปอีก ส่วนการปลดล็อกก็ง่าย ๆ เพราะแค่เลือกตัวละครหลักแล้วกดปุ่ม L ตัวที่เลือกจะเปลี่ยนเป็นตัวละครลับ

เกมเพลย์เรียบ ๆ ไม่ได้โดดเด่นและไม่สมดุล

แต่สิ่งที่เป็นข้อเสียเล็ก ๆ สำหรับการมาของตัวละครมากหน้าหลายตา และจากหลายค่ายที่รูปแบบการเล่นไม่เหมือนกันแบบ 100% เมื่อเอามาอยู่ในเกมเดียวกัน หากไม่สามารถทำให้สมดุลได้มันจะเกิดความเสียเปรียบของบางตัวละคร เช่น บางตัวละครจะเก่งแบบโอเวอร์ หรือตัวละครที่มีการกดท่าที่ยาก แต่มาเจอตัวละครเทพ ๆ ที่กดท่าไม้ตายได้ง่ายกว่า ต่อให้ผู้เล่นเก่งแค่ไหนก็ทำให้เกมไม่สนุก

และในเกม ‘SNK vs. Capcom: SVC Chaos’ ก็เป็นตามที่กังวลไว้ เพราะตัวละครจาก ‘Street Fighter’ บางตัวไม่ได้อัปเกรดให้เก่งขึ้น พอไปเจอบางตัวละครที่มีพลังระดับเทพจะสู้ได้ลำบาก ตรงส่วนนี้ในโหมดเล่นคนเดียวอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงความยากมากนักเพราะผู้เล่นสามารถเลือกระดับความยากได้ และสามารถปรับให้เกจพลังท่าไม้ตายเต็มตลอดเวลาได้ แต่ในโหมดเล่นกับเพื่อนจะเห็นได้ชัดกว่า

อย่างไรก็ตามแม้จะมีข้อเสีย แต่โดยรวมแล้วมันก็ทำออกมาดีตามมาตรฐานเกมต่อสู้ในยุค 2000S ที่อาจจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ผู้สร้างยังใส่โหมดที่แฟน ๆ ต้องชอบ คือระบบออนไลน์เล่นกับเพื่อนได้ทั่วโลกใส่เข้ามาให้เล่นด้วย และยังมีโหมดโชว์ภาพงานออกแบบในเกมที่เหมือนเป็นมาตรฐานเกมที่เอาของเก่ามาขายใหม่ที่ต้องมีทุกเกมอยู่แล้ว

โดยรวมแล้ว ‘SNK vs. Capcom: SVC Chaos’ มันคงไม่ใช่เกมต่อสู้ข้ามค่ายที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ใครเป็นแฟนเกมต่อสู้ของทั้ง 2 ค่ายและอยากสัมผัสความสนุกที่เราเคยเล่นในอดีตก็ถือว่ามันก็ยังคุ้มค่าอยู่ เพราะราคาขายไม่ได้แพงอะไรนัก ถือว่าเอาไว้เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเกมในตำนานอย่าง ‘Marvel vs. Capcom Fighting Collection: Arcade Classics’ ก็แล้วกัน