Our score
9.0

Silent Hill 2 Remake

จุดเด่น

  1. ทีมงานสามารถตีโจทย์แตกของนิยามคำว่า "Survival Horror"
  2. มีฉากจบใหม่เพิ่มเข้ามาสองฉาก
  3. ระบบต่อสู้ที่ปรับปรุงมาได้เป็นอย่างดี

จุดสังเกต

  1. ไม่มีเนื้อหา Born From a Wish ที่เป็นเรื่องราวของ Maria
  2. Optimize มาได้ไม่ดีสักเท่าไร และมีอาการ Crash ในบางช่วงของเกม
  • GAMEPLAY

    9.0

  • GRAPHICS

    9.0

  • STORY

    9.0

  • PERFORMANCE

    8.0

ในช่วงปี 1996 ถึงปี 2004 เรียกได้ว่าเป็นเป็นยุคทองของเกมแนว Survival Horror กันเลย การมาของ Resident Evil ทำให้ค่ายเกมอื่น ๆ เริ่มหันมาทดลองทำเกมแนวนี้กันบ้าง โดยมีเกมอย่าง Parasite Eve และ Clock Tower ออกวางจำหน่ายตาม ๆ กันมา ที่ถือว่าเป็นการทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ให้แตกต่างไปจากเดิม ก่อนที่ในปี 1999 Konami จะขอลองกระโดดเข้าสู่วงการเกมแนวนี้บ้าง และได้ปล่อยผลงานที่กลายเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ออกสู่ตลาด กับเกม Silent Hill เกมแนว Survival Horror ที่มีจุดเด่นไม่เหมือนใครในตอนนั้น ก็คือการใช้ภาพกราฟิกแบบ 3D Real Time ไม่ได้เป็น Pre-Render แบบเกมอื่น ๆ โดยทีมพัฒนาได้แก้ปัญหาข้อจำกัดของประสิทธิภาพเครื่องเกม PlayStation 1 โดยการใส่ “หมอก” เพื่อจำกัดการแสดงผลกราฟิกภายในเกม จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้ไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ในเกม Silent Hill ยังได้นำเสนอเรื่องราวและตัวละครที่เล่าผ่าน “คนธรรมดาทั่วไป” ไม่ได้เป็นทหาร ตำรวจ หรือมีพลังวิเศษอะไร โดยจะใช้เรื่องราวของกลุ่มลัทธิบูชาพระเจ้า และเล่นกับความมึดในจิตใจของมนุษย์มาเป็นตัวกลางในการเล่าเรื่อง

โดยเกมนี้ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงทั้งในคำวิจารณ์และยอดขาย Silent Hill ได้ถูกจับแยกออกมาจากเกม Survival Horror เกมอื่น ๆ ที่ถูกจัดหมวดว่าเป็น “เกมสยองขวัญแบบภาพยนตร์เกรดบี” มาเป็น “เกมสยองขวัญเชิงจิตวิทยา” และก็ได้มีภาคต่อออกมาในปี 2001 กับเกม Silent Hill 2 ที่ถือว่าเป็นผลงานขึ้นหิ้งของเกมแนวนี้ไปแล้ว

จนในปี 2022 ก็มีทีมพัฒนา Bloober Team ไปหยิบเอาเกมนี้ลงมาจากหิ้ง และเอามาทำใหม่ในรูปแบบ Remake ก่อนที่จะวางขายกันในวันที่ 8 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา จากที่เคยสร้างตำนานเอาไว้ในปี 2001 ตอนนี้ Silent Hill 2 ก็ได้กลับมาสร้างตำนานบทใหม่อีกครั้งกันในปี 2024 นี้ และนี่คือสุดยอดเกมสยองขวัญ ที่ห้ามพลาดเลยเด็ดขาดครับ

**ตัวเกมที่ใช้ในรีวิวครั้งนี้คือเวอร์ชัน PC Steam

Story

ในความฝันที่ไม่เคยหลับใหลของฉัน ฉันเห็นเมืองนั้น Silent Hill…. คุณสัญญาว่าคุณจะพาฉันไปที่นั่นอีกครั้ง ในสักวัน แต่คุณก็ไม่เคยพาฉันไป ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวที่นั่น… ใน 'สถานที่พิเศษ' ของเรา… กำลังรอคุณอยู่…

Mary

นี่คือจดหมายที่ James Sunderland ตัวเอกของเกมได้รับจากภรรยาของเขา “Mary” ที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อสามปีก่อน เขาได้เข้ามาอย่างเมือง Silent Hill ในความรู้สึกที่สับสนว่า ภรรยาของเขาอาจจะยังมีชิวิตอยู่ และเขาต้องมาตามหาเธอที่เมือง Silent Hill กับ ‘สถานที่พิเศษ’ ที่เธอพูดถึงในจดหมาย

นี่คือบทนำของเกมภาคนี้ครับ ก่อนอื่นเราต้องบอกให้เข้าใจกันก่อนว่า Silent Hill แต่ละภาคนั้น ไม่ได้มีเนื้อเรื่องเชื่อมโยงกันโดยตรงแต่อย่างใด ยกเว้นในกรณีของ Silent Hill 1 และ 3 ที่เชื่อมกันโดยตรง แต่ในกรณีของ Silent Hill 2 นั้นไม่ได้เชื่อมโยงกับภาคไหน ๆ ถ้าหากใครที่ไม่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาก่อน ก็จะสามารถเข้าใจทุกอย่างในเกม ตั้งแต่ต้นยันจบได้

แต่ถึงแบบนั้น อย่างไรก็ตามโลกของ Silent Hill เองมันก็จะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ถ้าหากตัวคนเล่นเองทำความรู้จักกันมาบ้าง ก็อาจจะเข้าใจแนวคิดหลาย ๆ อย่างของเกมนี้ได้มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของมิติสนิมหรือมิติหมอก ที่บางคนก็เรียกว่ามิติขี้เถ้า เรื่องราวของกลุ่มลัทธิ The Order และรวมไปถึงตัวตนของ Pyramid Head ที่ผมแนะนำให้คนที่สนใจอาจจะลองไปทำความรู้จักกับมัน ก่อนที่จะมาเล่น Silent Hill 2 Remake นี่ครับ

เพราะว่านอกจากเรื่องราวหลัก ๆ ของการตามหาภรรยาที่หายไปแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นมาอธิบายถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเกมเลย ถึงแม้ว่าตลอดทั้งเกมมันจะมีไฟล์ให้อ่าน หรือเบาะแสต่าง ๆ ที่พยายามขยายโลกของ Siltent Hill ให้กว้างขึ้น แต่เราก็ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า Silent Hill 2 Remake เป็นเกมที่ทำมาเพื่อแฟนเกมมากกว่าคนทั่วไป โดยหลาย ๆ เหตุการณ์ในเกมที่อาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจผู้เล่น และมันก็ไม่ได้มีอะไรมาอธิบายต่อจากเหตุการณ์นั้น ๆ แต่ถ้าหากเป็นแฟนเกมนี้ และศึกษาโลกเบื้องหลังมาดี ๆ ก็อาจจะเข้าใจมันได้

เพราะสุดท้ายแล้วใน Silent Hill นั้นเป็นเหมือนสถานที่ซึ่งสะท้อนจิตใจของคนที่เข้าไปในเมืองเป็นหลัก โดยแต่ละคนจะเจออะไรไม่เหมือนกัน ตลอดทั้งเกมเราจะได้เจอกับตัวละครตัวอื่น ๆ มากมาย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีปัญหาของตัวเองที่ต้องจัดการ ถึงแม้ว่าบทสรุปของพวกเขาเหล่านั้น ตัวเกมจะกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว แต่บทสรุปของ James Sunderland ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเอง ว่าจะพาเขาไปสู่ฉากจบแบบไหน เปรียบเสมือนว่าตัวผู้เล่นเอง ก็ถูก Silent Hill กำลังทดสอบจิตใจอยู่นั่นเอง

Silent Hill 2 Remake ได้มีเพิ่มฉากจบแบบใหม่เข้ามา 2 ฉากจากเดิมที่มีอยู่ 6 ฉาก โดยส่วนตัวผมมองว่าฉากจบที่เพิ่มเข้ามาสองแบบนั้น เป็นเหมือนบทสรุปที่ทีมงานและแฟนเกมบางส่วนเอง “หวังว่า” อยากจะให้เป็นแบบนั้น พื้นฐานแล้ว Silent Hill 2 ก็ยังคงเป็นเกมที่เต็มไปด้วยความซึมเศร้า และทีมงานก็สามารถสงมอบมันออกมาได้ดีมาก ตัวเกมได้ถ่ายทอดภาพชีวิตและความรู้สึกของ James Sunderland ออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ดูภาพยนตร์เกรด AAA ในความ 10 ชั่วโมงเลยล่ะ

Gameplay

Silent Hill 2 Remake ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้กลายมาเป็นเกมแนว Third-Person แบบเต็มตัว และมีการปรับปรุง Quality of Life ภายในเกมเพิ่มเติมให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น แต่พื้นฐานแล้วเกมก็ยังคงเป็นเกมแนว Survival Horror เหมือนเดิม และด้วยการนำเสนอในรูปแบบ Third-Person มันยิ่งทำให้สยองขวัญมากกว่าเดิมอีกด้วย

ทีมงานได้ปรับปรุงระบบต่อสู้ใหม่ทั้งหมดยกแผง การต่อสู้ระยะประชิดที่ทำออกมาได้ดีกว่าเดิมมาก คราวนี้เราสามารถหลบการโจมตีได้ และสลับสับเปลี่ยนอาวุธไปมาระหว่างต่อสู้ได้สะดวกกว่าเดิม การเล่นสมูทและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเหนือมนุษย์แต่อย่างใด สุดท้ายเราเองก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่ดี ตรงนี้ต้องชมว่าทีมงานปรับจูนระบบต่อสู้มาได้ดีมากเลยล่ะ

สำหรับคนที่เล่นภาคต้นฉบับมา ก็อาจจะคิดว่ารู้ทุกอย่างในเกมอยู่แล้ว มาเล่นรอบนี้มันคงไม่แตกต่างอะไรมาก แต่ในภาค Remake นี้ ทีมงานได้ปรับปรุงและจัดเรียงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเกมใหม่เกือบหมดหมดเลย มันอาจจะมีอะไรที่คล้าย ๆ เดิมบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกปรับใหม่ให้แตกต่างจากเวอร์ชันต้นฉบับ ซึ่งตรงนี้เองนอกจากว่าจะสร้างความสดใหม่ให้กับแฟน ๆ ที่เคยเล่นภาคต้นฉบับแล้ว ก็ยังทำให้บรรยากาศในเกมชวนสยองขวัญมากกว่าเดิมอีกด้วย แถมการปรับครั้งนี้ ก็ยังคงเคารพต้นฉบับอยู่เหมือนเดิมครับ

ในส่วนของศัตรู ก็ได้มีการปรับ AI ใหม่ทั้งหมด คราวนี้ศัตรูมันจะไม่ได้ค่อย ๆ เดินช้า ๆ เข้าหาผู้เล่นแล้ว แต่มันจะเข้าหาเราด้วยความรวดเร็ว และยากต่อการคาดเดา หรือไม่อยู่ดี ๆ ก็ไถลไปกับพื้นที่เห็นแล้วชวนขนหัวลุก โดยเฉพาะตอนฉากที่ไปในโรงพยาบาล ต้องบอกเลยว่าทีมงานออกแบบ The Nurse ในเวอร์ชัน Remake ได้ยอดเยี่ยมมาก ทำเอาสะดุ้งทุกครั้งเวลาเจอพวกเธอโผล่มาเลยล่ะ

นอกจากนี้ พวกเหล่าปริศนาในเกมก็ถูกปรับปรุงใหม่ แถมยังมีปริศนาใหม่ ๆ เข้ามาในเกมด้วย โดยปริศนาแต่ละชุดนั้นมีความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างดี และมีการปรับ QoL ระบบแผนที่ภายในเกมที่จะมีการเขียนโน้ตเอาไว้คอยช่วยผู้เล่นจำ ไม่ต้องปวดหัวกันอีกต่อไปแล้ว อ่อแล้วก็สำหรับใครที่ชอบเปิดแผนที่บ่อย ๆ ก็ต้องระวัง เพราะการดูแผนที่ในเกมนี้ มันจะไม่หยุดเกมไว้อีกต่อไปละนะ ดูแผนที่นาน ๆ ก็ระวังหลังไว้ให้ดี

หลาย ๆ ส่วนของ Silent Hill 2 Remake ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยสำหรับผู้เล่นยุคใหม่เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ความยากหรือความกลัวหายไปจากเกม แต่เพียงทำให้เล่นได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง เราจะสามารถควบคุมตัวละครได้คล่องตัวขึ้น จุด Save Game และจุดที่น่าสนใจต่าง ๆ จะมองเห็นได้ง่ายขึ้นมาก ช่วยให้ผู้เล่นไม่หลงทางตลอดทั้งเกมเลยล่ะ

Graphics & Performance

Silent Hill 2 Remake ได้เลือกที่จะใช้พลังของ Unreal Engine 5 เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่เลย สำหรับ Engine เกมที่มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของ Ray Tracing และ Lumen Global Illumination รองรับเทคโนโลยี FSR, DLSS ที่เหมาะสำหรับเกมปี 2024 เป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าทีมงานจะลืมไปว่า มันก็ไม่ได้มีผู้เล่นทุกคน ที่มี Hardware พร้อมรองรับเทคโยโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้กันอย่างทั่วถึง

กราฟิกโดยรวมในเกม อยู่ในขั้น “ดี” ด้วยการนำเสนอสไตล์ศิลปะที่มืดหม่นและหยาบ ตัวเกมมี Texture ฉากที่ละเอียดและสวยงามมาก ทุกอย่างดูแล้วรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ของทีมฝ่ายศิลป์ แต่ถึงแบบนั้นรายละเอียดของโมเดลตัวละครกลับไม่ดีเท่าที่ควร การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าที่ไม่ดี และมี Animation ท่าทางต่าง ๆ ที่แปลก ๆ ไม่ค่อยละเอียดสักเท่าไร

ในส่วนของแสงและเงาที่ทำออกมาได้ดีเลย ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสมจริง และดูเหมือนว่าในเกมนี้ทีมงานจะเปิดใช้ Lumen เอาไว้ตลอดเวลา ทำให้ถึงแม้เราจะปิด Ray Tracing ไป แต่เจ้า Lumen ก็ยังคงทำงานอยู่ ส่งผลให้เกมนี้กินสเปกมาก ๆ สำหรับคนที่เล่นบน PC และต้องมีการ Compile Shaders หลังจากเข้าเกมประมาณ 1-2 นาที แต่ก็ทำแค่ครั้งเดียวเท่านั้นหลังจากเข้าเกมครั้งแรกครับ

สิ่งที่ต้องขอชม ก็คือเกมนี้จะมีการโหลดฉากแค่ครั้งเดียวตลอดทั้งเกม หมายความว่าทุกพื้นที่ในเกม มันเป็นสถานที่เดียวกัน ไม่ว่าเราจะเข้าไปในสถานที่ไหน หรือเข้าห้องใด ๆ ก็ตาม ก็จะไม่มีการโหลดฉากเลย แต่ในบางครั้งก็อาจจะมีการกระตุกเล็กน้อยเวลาเปลี่ยนสถานที่ ซึ่งนี่เป็นปัญหาของ Unreal Engine มานานมากแล้ว

เกมนี้รองรับทั้ง NVIDIA DLSS, AMD FSR และ Intel XeSS แต่ไม่มี Frame Generation เพราะว่า Unreal Engine 5 ยังไม่รองรับระบบนี้ ตลอดการรีวิว ผมได้ลองใช้ DLSS Quality กับจอขนาด 21:9 ในความละเอียด 3440×1440 (เกมนี้รองรับ Ultra Wide) ก็ทำออกมาได้ดี ภาพดูคมชัดมาก และที่ต้องชมคือเราสามารถปิด Motion Blur ทั้งหมดในเกมได้ผ่านการตั้งค่า และสำหรับคนที่ใช้จอ Ultra Wide แบบผม ก็สามารถปรับ Field of View ได้อีกด้วย (แต่ถ้าไม่ได้ใช้จอ Ultra Wide ก็ปรับ FoV ไม่ได้นะ)

ในส่วนของ Performance ต้องพูดกันตามตรงว่า ทำได้ไม่ดีนัก ถ้าหากเราไปดู System Requirements ของเกมนี้ในเวอร์ชัน PC Steam ที่ขอให้ทุกคนอ่านในส่วนของ Additional Notes ให้ดี ๆ เพราะเกมนี้มันกินสเปกกว่านั้นเยอะมาก ๆ PC ที่ตัวผู้เขียนใช้เล่น มีสเปกที่ค่อนข้างสูงอย่าง Intel Core I9-13900K, 32GB DDR5, RTX 3080 เล่นเกมนี้โดยใช้ค่า Preset Epic ได้ที่ประมาณ 50-60FPS เท่านั้น แถมยังมีบางครั้งที่ร่วงไปกองอยู่แถว ๆ 40FPS บ่อย ๆ ด้วย

การปรับตั้งค่ากราฟิกก็ไม่ช่วยอะไรสักเท่าไร ความแตกต่างระหว่าง Preset Epic และ Medium หรือ Low นั้น ได้ภาพที่ออกมาแตกต่างกันมาก แต่กลับได้ Frame Rate ที่ไม่ต่างกันสักเท่าไร หรือบางครั้ง ในบางฉาก มันก็ไม่ได้มีภาพที่แตกต่างกันเลย แต่กลับได้ Frame Rate ที่มากขึ้นซะงั้นแทน ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริง ๆ

Verdict

Silent Hill 2 Remake เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ควรค่าแก่การหยิบเอามาเล่นในปี 2024 อย่างไม่ต้องสงสัย มันคือเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเกมแนว Survival Horror มันยังไม่ตาย และสามารถไปต่อได้ หากไปถูกในมือของทีมที่ใช่

การกลับมาอีกครั้งในภาค Remake ตัวเกมได้นำเสนอสิ่งใหม่ให้กับแฟนเกมยุคเดิม ๆ ได้เป็นอย่างดี และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ไม่เคยเล่น ก็ลองไปหามาเล่นกันดู เป็นอีกหนึ่งผลงาน Survival Horror ที่พลาดไม่ได้จริง ๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงมาบ้างว่า Silent Hill 2 อย่างงั้น Silent Hill 2 อย่างงี้ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะได้ลองไปเล่นเองกันจริง ๆ แล้วแหล่ะ

แต่อย่าคาดหวังว่าจะได้เจออะไรใหม่ ๆ ต้องเข้าใจก่อนว่านี่มันคือเกมปี 2001 ที่ถูกหยิบเอามาทำกราฟิกใหม่ทั้งหมด ปรับ Gameplay นิดหน่อย ๆ แต่เนื้อแท้ภายใน มันก็ยังคงเป็น Silent Hill 2 เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง