Horizon Zero Dawn ถือเป็นเกม Open World ในดวงใจของผู้เขียน ด้วยเนื้อเรื่องสุดอลังการ และภาพที่สวยจนไม่น่าเชื่อว่า PlayStation 4 จะเนรมิตโลกของเกมได้ละเอียดขนาดนี้ แม้ว่าจะออกปีเดียวกับ Zelda Breath of the Wild แต่ก็เป็นไม่กี่เกมในปีนั้นที่ผู้เขียนเล่นจบ (ส่วน Zelda เล่นไม่จบ 555)
ผ่านมา 7 ปี Sony ก็เข็นเกมภาค Remastered ออกมาที่รวมเนื้อหาทุก DLC ของเกม และปรับจูนให้เหมาะสำหรับ PlayStation 5 ในหลายทาง
อย่างแรกคือ กราฟิกสวยขึ้น อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่าจะเล่นเกมภาคหลักจบมาหลายปีแล้ว ก็ยังรู้สึกทันทีว่าภาพสวยขึ้น ขึ้นไประดับใกล้เคียงกับ Horizon Forbidden West เกมภาค 2 ที่ออกมาเพื่อ PS5 ภาพ แสง สีสัน อัดจัดเต็มแบบ HDR หน้าตาของโมเดลต่าง ๆ ก็ดีขึ้น โดยเฉพาะซีนเนื้อเรื่องต่าง ๆ ที่มีการอัดเสียงใหม่ ทำ Motion Capture ใหม่ รวมกว่า 10 ชั่วโมง ทำให้การแสดงสีหน้าและการถ่ายทอดอารมณ์ดีขึ้น
ซึ่งเกมภาคนี้สามารถเลือกโหมดการแสดงผลภาพได้ 3 โหมดคือเน้นความละเอียด ที่ให้ความละเอียดเต็ม 4K แต่ความรู้สึกของเราคือภาพประมาณ 30 fps ซึ่งเล่นไปแรก ๆ จะรู้สึกสากตาอยู่บ้าง แต่เล่นไปสักพักตาจูนได้ก็โอเค เล่นได้ไม่รู้สึกขัดใจอะไร โหมดที่ 2 คือ Balanced อันนี้แปลกตรงทีวีลดความละเอียดภาพลงมาเหลือ 1080p เฉยเลย (ไม่แน่ใจว่าบักรึเปล่า) ก็ทำให้ได้ภาพที่ลื่นกว่าโหมดเน้นความละเอียดอย่างเห็นได้ชัด ส่วนโหมดสุดท้ายคือโหมดเน้นความลื่นไหลครับ ซึ่งกลับไปใช้ความละเอียด 4K อีกครั้ง ซึ่งก็ให้ความลื่นไหลดีมาก แต่ดีเทลในฉากก็จะลดลงไป ซึ่งภาพด้านล่างนี้คือเทียบระหว่างโหมดเน้นความละเอียดกับ Balanced ซึ่งแคปมาก็จำไม่ได้ว่าภาพไหนโหมดไหน เพราะมันเหมือนกันมาก
ส่วนข้อมูลที่ Sony บอก คือโหมดคุณภาพ: 4K/30fps, โหมดประสิทธิภาพ: 4K/60fps และโหมดสมดุล: 4K/40fps
อย่างที่ 2 ที่จูนมาสำหรับ PlayStation 5 คือความเร็วในการโหลดครับ เกิดเป็นเกม PS5 ต้องโหลดไว ซึ่งก็โหลดเร็วกว่าเกมตัวเดิมมาก แต่ก็ไม่ได้โหลดได้ฉับพลันเหมือนเกมที่เกิดมาเพื่อ PS5 ตั้งแต่แรกนะ ต้องใช้เวลาอึดใจหนึ่งในการโหลดเข้าฉากครั้งแรกก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีโหลดอีกแล้ว
อย่างที่ 3 คือเรื่องของจอย DualSense ครับ พอทำเป็นเกมสำหรับ PS5 โดยเฉพาะ การสั่นของจอยเลยละเอียดขึ้นเหมือนเกมภาค 2 เวลายิงธนูต่าง ๆ เสียงก็ออกลำโพงที่จอยด้วย แถมไกจอยตึงขึ้นได้ ทำให้ผู้เล่นอินไปกับการเล่นเกมได้มากขึ้น
สำหรับผู้ที่เล่นภาคเดิมมาก่อน ก็สามารถโอนเซฟจากภาคเดิมมาเล่นต่อในภาค Remastered นี้ได้ทันที ไม่ต้องเริ่มเล่นเกมใหม่ แต่น่าเสียดายที่แม้จะเอากลับมาทำใหม่ ก็ยังไม่มีการแปลซับไทยให้เหมือนภาค 2 ครับ
ถ้าถามว่าคุ้มไหมที่จะเล่นภาค Remastered ก็ต้องถามว่าคุณเคยเล่น Horizon Zero Dawn ภาคต้นฉบับมาแค่ไหน
- ถ้าคุณเล่นภาคเดิมจบหมดแล้ว ทั้งภาคหลักและ DLC อันนี้ก็ไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะตัวเกม เนื้อเรื่องก็เหมือนเดิม ยกเว้นว่าคุณอยากเล่นอีกครั้ง
- ถ้าคุณเล่นภาคเดิมมาก่อน แล้วเล่นไม่จบ อันนี้ต้องชั่งใจแล้วว่าจะเสียเงิน 400 บาทเพื่ออัปเกรดไหม ซึ่งถ้าอัปเกรดคุณก็จะได้เกมที่โหลดเร็วขึ้น เสียงดีขึ้น ใช้จอย PS5 ได้เต็มประสิทธิภาพ และภาพที่สวยขึ้น แต่เรื่องภาพสวยอันนี้เราว่าเกมเดิมก็ให้ภาพที่สวยมากอยู่แล้ว
- ถ้าคุณไม่เคยเล่นเลย คุ้มครับ เกมดี เล่นได้ยาว ๆ ราคา 1,690 บาท
อ่านต่อ