Our score
7.8

Castlevania Dominus Collection

จุดเด่น

  1. รวมฮิตเกมบน NDS 3 เกม พร้อมเวอร์ชันอาเขตอีก 2 เกม
  2. มีโหมด Save ได้ทุกที่ และโหมดย้อนเวลาทำให้เล่นง่ายขึ้น
  3. ราคาไม่แพง

จุดสังเกต

  1. ไม่ได้อัปเกรดกราฟิกและเกมเพลย์เพิ่ม
  2. บางภาคไม่สนุกเท่าที่ควร
  • กราฟิก

    7.0

  • เกมเพลย์

    8.0

  • ภาพรวม

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    8.0

หนึ่งในซีรีส์เกมในตำนานของ Konami ต้องมีชื่อของ Castlevania อยู่แน่นอน โดยสำหรับแฟนชาวไทยรุ่นเก่าอาจจะรู้จักกันในชื่อ “เกมแส้” เพราะส่วนใหญ่แล้วตัวเอกใช้แส้เป็นอาวุธ หรืออีกชื่อคือ “แดร็กคูล่า” ซึ่งเป็นบอสใหญ่ และมีการสานต่อออกมาหลายภาค และเป็นที่รู้กันว่าส่วนใหญ่ Castlevania ภาคที่ประสบความสำเร็จจะนำเสนอรูปแบบการเล่นแบบ 2 มิติ

และหนึ่งในคอนโซลที่มี Castlevania แบบ 2 มิติหลายภาคคือ Nintendo DS (NDS) คอนโซลแบบพกพา 2 หน้าจอ และมีบางภาคที่ถือว่าสนุกจนมีคนอยากให้นำมาขายบนคอนโซลอื่นบ้าง แต่เนื่องจากรูปแบบของ NDS จะต้องใช้ 2 หน้าจอในการเล่นทำให้การพอร์ตลงคอนโซลอื่นที่ส่วนใหญ่จะใช้หน้าจอเดียวเป็นเรื่องลำบาก

แต่ดูเหมือนว่า Konami ได้คิดหาทางแก้ไขปัญหานี้ได้ ทำให้มีการเปิดตัว Castlevania Dominus Collection ที่เป็นการรวมฮิต 3 เกมบน NDS มาขายใหม่บนคอนโซล PlayStation 5, Nintendo Switch, Xbox Series X/S รวมทั้ง PC ด้วย ที่มันเป็นการรวมฮิตเกม Castlevania: Dawn of Sorrow, Castlevania: Portrait of Ruin และ Castlevania Order of Ecclesia อยู่ในชุดเดียว และยังมี Haunted Castle เกมแส้ภาคบนเกมตู้ที่ใส่มาทั้งต้นฉบับ และเวอร์ชันรีเมกใส่เข้ามาให้เล่นเป็นของแถมด้วย

กราฟิกยกของเดิมมาใช้ไม่เปลี่ยนแปลง

เนื่องจากมันเป็นการเอาของเก่ามาขายใหม่ ไม่ใช่รีเมกหรือรีมาสเตอร์ ทำให้ภาพในเกม Castlevania ทั้ง 3 เกมยังคงเหมือนเดิม และมันยังคงใช้แบบพิกเซลที่ดูย้อนยุค ซึ่งก็เข้ากับแนวทางของรูปแบบการเล่นแบบ 2 มิติ แม้มันอาจจะดูเชยไปหน่อยแต่หากมองว่ากระแสเกมย้อนยุคแล้ว ภาพระดับนี้ยังคงดูดีอยู่แม้จะออกมาหลายปีแล้วก็ตาม

แน่นอนว่าส่วนของการนำเสนอจะใช้ภาพนิ่งและใช้เสียงพากย์เพื่อดำเนินเรื่องราว แบบเดียวกับเกมยุค 90S เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ที่ต้องชมคือเพลงประกอบที่ผู้สร้างทำได้ตามมาตรฐานซีรีส์ Castlevania แบบไม่เสียชื่อ มีเพลงธีมเด่น ๆ ติดหูอยู่พอสมควร แม้จะไม่ได้อลังการเทีบบเท่ากับภาค Castlevania Symphony of the Night แต่ก็ถือว่าสอบผ่านแบบไม่มีอะไรให้ติ

เกมเพลย์แบบ 2 มิติแนว Metdroidvania

รูปแบบการเล่นหลัก ๆ ของทั้ง 3 ภาคจะมีความคล้ายกัน พื้นฐานมาจากเกมแนว Metdroidvania ที่นำเสนอด้วยมุมมอง 2 มิติจากด้านข้าง ที่เราจะได้สำรวจฉากกว้าง ๆ และต้องหาทางไปต่อด้วยการแก้ปริศนาเช่นการใช้ไอเทมมาเปิดประตู หรือใช้ความสามารถพิเศษ และมีการอัปเกรดตัวละครเพื่อเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ และไปต่อสู้กับบอสสุดโหดที่รออยู่ท้ายฉาก แต่รายละเอียดของแต่ละภาคจะมีความแตกต่างกัน

ส่วนปัญหาหลักของการพอร์ตเกมจาก NDS ที่มี 2 หน้าจอ ทาง Konami ก็ได้แก้ปัญหาด้วยการรวมเอาหน้าจอทั้งหมดยำรวมอยู่บนจอเดียวเลย ทำให้ดูง่ายเพราะส่วนใหญ่หน้าจอที่ 2 จะทำหน้าที่เป็นแผนที่ และสัดส่วนหน้าจอของเกมทุกวันนี้นำเสนอแบบ Widescreen ทำให้สามารถแบ่งได้ลงตัวพอดิบพอดี และทำให้เราเล่นได้สะดวกขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเพิ่มโหมด Save ทุกที่ และโหมดย้อนเวลาทำให้จบง่ายขึ้น

Castlevania: Dawn of Sorrow

ภาคแรกที่ออกบน NDS ที่เป็นภาคต่อจาก Aria of Sorrow บน Gameboy Advance ที่เราจะได้รับบทเป็น Soma ความโดดเด่นของเกมเพลย์ภาคนี้คือการดูดความสามารถของศัตรูมาใช้งานได้ และยังมีหลายรูปแบบมาเพิ่มค่าพลังและท่าไม้ตายใหม่ ๆ ได้อย่างอิสระ ระบบพื้นฐานถือว่าเข้าใจง่ายมีระบบเลเวลเพื่ออัปเกรดตัวละคร และมีการใส่อาวุธเครื่องป้องกันด้วย

และงานออกแบบฉากรวมทั้งปริศนาทำออกมาได้ดี เข้าใจง่ายมาแนวทางเดิมของซีรีส์ และมีความคล้ายกับภาคในตำนานอย่าง Castlevania Symphony of the night ที่สุดแล้วเพราะรูปแบบฉากก็คล้ายกันที่เราจะได้สำรวจปราสาท แล้วปลดล็อกส่วนต่าง ๆ และอีกจุดเด่นของเกมที่ใช้หน้าจอสัมผัสในตอนที่เรากำจัดบอสแล้วร่ายเวทมนตร์เพื่อผนึกมัน โดยในเวอร์ชันนี้แก้ปัญหาโดยใช้ปุ่มกดตามจังหวะ แต่บน Nintendo Switch ในโหมดพกพาสามารถใช้หน้าจอสัมผัสได้เหมือนเดิม

Castlevania: Portrait of Ruin

ต่อเนื่องกับภาค Portrait of Ruin ที่พื้นฐานยังเป็นเกมที่เน้นสำรวจฉากที่เพิ่มลูกเล่นการเข้าไปในภาพวาด แต่จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือการที่ภาคนี้มี 2 ตัวละครให้เล่น และต้องเล่นพร้อมกันแบบสลับเปลี่ยนแบบ Co-op กันตลอดเกม โดยเราจะได้รับบทเป็น โจนาธาน มอร์ริส (Jonathan Morris) ที่ใช้แส้เป็นอาวุธและเน้นแอ็กชัน กับ ชาร์ล็อตต์ ออลิน (Charlotte Aulin) ที่ใช้เวทมนตร์ได้ โดยทั้ง 2 ตัวละครต้องแก้ไขปริศนาแบบช่วยกัน ซึ่งถือเป็นไอเดียดี แต่พอเล่นทำให้เกมเพลย์ในส่วนของแอ็กชันด้อยลงกว่าภาคอื่นไปอย่างน่าเสียดาย

Castlevania Order of Ecclesia

ปิดท้ายกับ Order of Ecclesia ภาคสุดท้ายที่ออกบน NDS โดยภาคนี้จะกลับมาเล่นตัวละครเดียวอีกครั้ง และจะได้รับบทเป็น Shanoa สาวแกร่งที่มีความสามารถพิเศษในการใช้ Glyph ที่อยู่บนแผ่นหลังของเธอ เพื่อใช้ดูดกลืนเอาพลังความสามารถของศัตรูมาใช้งานได้ ส่วนเกมเพลย์มีการปรับเปลี่ยน เพราะไม่ได้มีฉากเดียวกว้าง ๆ แล้ว แต่จะแยกออกเป็นฉากย่อย ๆ บนแผนที่ และมีฉากหมู่บ้าน ทำให้มีความหลากหลายและมีความเป็นเกม RPG มากขึ้น แต่โดยรวมแล้วมันยังสู้ภาค Dawn of Sorrow ไม่ได้

สรุปแล้ว Castlevania Dominus Collection เป็นการรวมฮิตเกมแนว Metdroidvania บน NDS มาขายใหม่ ที่น่าจะเหมาะกับคนชอบเกมแนวนี้เท่านั้น เพราะทั้ง 3 ภาคไม่ได้เป็นเกมที่ดีที่สุดในซีรีส์ แต่ก็มีความสนุกและจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยรวมทำให้มันเหมาะกับคนที่ชอบซีรีส์ Castlevania หรือเคยเล่นต้นฉบับแล้วอยากรำลึกถึงความหลัง คอเกมรุ่นใหม่อาจมองว่ามันเชย แต่เมื่อเทียบกับราคาขายที่ไม่แพงทำให้มันก็พอจะคุ้มค่าอยู่