Our score
7.0Clock Tower Rewind
จุดเด่น
- เพิ่มคัตซีน และเพิ่มการ์ตูนมาให้ชม
- มีโหมดย้อนเวลามาให้ใช้งาน
จุดสังเกต
- กราฟิกเหมือนเดิมทำให้ดูเชยมาก
- เกมเพลย์ของเดิมที่ดูช้าไปแล้วเมื่อเทียบกับมาตรฐานเกมยุคนี้
-
กราฟิก
6.5
-
เกมเพลย์
7.5
-
ความคุ้มค่า
7.0
-
ภาพรวม
7.0
หากจะบอกชื่อเกมสยองขวัญบนคอนโซลของ Nintendo ในช่วงยุค 90S เชื่อว่าคนที่เกิดทันน่าจะเคยได้ยินชื่อ Clock Tower เกมในตำนานบน Super Famicom โดยเกมวางขายในปี 1995 ถือว่าออกปลายยุคคอนโซล 16 Bit ของปู่นิน แต่ก็เป็นภาพจำของแฟน ๆ เพราะเกมแนวนี้ไม่ค่อยมีบนคอนโซลส่วนมากจะเป็นเกมบน PC
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-6.jpg)
และหลังจากนั้นซีรีส์ Clock Tower ก็มีภาคต่อตามมาอีกหลายภาค ได้แก่เกม Clock Tower เวอร์ชัน PS1, Clock Tower II: The Struggle Within และ Clock Tower 3 บน PS2 แต่หลังจากนั้นตำนานหอนาฬิกาก็เงียบหายไป เพราะด้วยรูปแบบการเล่นที่ไม่เป็นที่นิยมเพราะไม่ได้เน้นแอ็กชัน แต่เชื่อว่าแฟนเกมยุค 90S น่าจะอยากให้มีการปัดฝุ่นเอาต้นฉบับมาขายใหม่ และในที่สุดมันก็กลับมาอีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-9.jpg)
เพราะมีการขุดเอาตำนานมาขายใหม่อีกครั้งในชื่อ Clock Tower Rewind ที่เป็นการนำต้นฉบับบน Super Famicom มาขายใหม่ โดยมีการปรับบางส่วน เช่น การแปลภาษาอังกฤษ ที่ต้นฉบับบน SFC ไม่มี (มีแต่ที่แฟนเกมแปลเอง) และยังมาพร้อมกับโหมดพิเศษเสริมเข้ามา แต่โดยรวมมันก็คือการเอาต้นฉบับมาปรับเล็กน้อยแล้วขายใหม่เท่านั้น โดยเกมวางขายบน Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-5.jpg)
เนื้อเรื่องเดิม แต่ยังคงความคลาสสิก
จุดเด่นของเกม Clock Tower คือเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่ตัวเอกสาวน้อย Jennifer ที่หน้าตาต้นฉบับถอดแบบมาจากดาราดังอย่าง เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี (Jennifer Connelly) โดยเธอต้องเอาตัวรอดในคฤหาสน์สุดหลอน และต้องหนีจากการไล่ล่าของมนุษย์กรรไกร และต้องออกแก้ปริศนา และท้ายที่สุดจะค้นพบความจริงที่คาดไม่ถึง โดยเนื้อเรื่องได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ Phenomena ผลงานแสดงของคอนเนลลีที่ฉายในปี 1985 ส่วนในภาค Rewind และมีการใส่สิ่งที่เชื่อมต่อกับภาคบน PS1 เข้าไปด้วย แต่จะมีอยู่ไม่กี่ฉากเท่านั้น
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-8.jpg)
กราฟิกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เนื่องจากมันคือการพอร์ตทำให้ภาพในเกมจะเหมือนกับต้นฉบับบน Super Famicom ที่เป็นพิกเซล 16 Bit และไม่ได้ยกเอาสิ่งที่เพิ่มมาบนเวอร์ชัน PS1 มาด้วยทำให้มันไม่มีคัตซีน แต่ใครชอบความคลาสสิกน่าจะชอบกัน แต่ผู้สร้างก็ไม่ได้ใจร้าย ได้เพิ่มเพลงประกอบที่แต่งขึ้นมาใหม่ รวมทั้งยังมีการ์ตูนแอนิเมชันที่สร้างขึ้นมาใหม่ใส่เข้ามาให้ชมด้วยแต่ไม่ได้อยู่ในคัตซีนระหว่างเล่นเกม
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-7.jpg)
ส่วนเพลงประกอบก็อย่างที่บอกไปว่ามันยกเอาต้นฉบับมาทำให้ไม่ได้มีการปรับให้ดีขึ้น และยังคงไม่มีเสียงพากย์ใส่เข้ามาในส่วนของเกมเพลย์ ซึ่งเป็นความตั้งใจของผู้สร้างอยู่แล้ว แต่เพลงประกอบเกมถือว่าของเดิมก็ดีอยู่แล้ว และช่วยเพิ่มความหลอนโดยเฉพาะฉากที่ไล่ล่ากับมนุษย์กรรไกร อย่างไรก็ตามมีการใส่เสียงพากย์และแต่งเพลงประกอบใหม่ในส่วนของคัตซีนก่อนเข้าเกมที่เป็นการ์ตูน และมีการเสริมคอมิกสั้น ๆ ที่เป็น Visual Novel ใส่เข้ามาด้วย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Screenshot-2024-12-07-225327.jpg)
รูปแบบการเล่น Point and Click แบบ 2 มิติ
เกมเพลย์ยกเอาของเดิมมาเพื่อเอาใจแฟน ๆ โดยเฉพาะ โดยมันยังคงเป็นแนว Point and Click ที่ผู้เล่นจะไม่สามารถบังคับตัวละครได้โดยตรง แต่จะใช้การบังคับ Cursor (ลูกศรบนหน้าจอ) แล้วให้ตัวละครเดินไปตามทิศทางที่ต้องการ และยังใช้สั่งให้หยิบสิ่งของหรือแก้ปริศนา รวมทั้งยังใช้สั่งการเมนูเพื่อใช้ไอเทมด้วย ซึ่งเป็นเกมเพลย์ที่ค่อนข้างเชยไปแล้วในยุคนี้
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-9a.jpg)
อีกทั้งเกมเพลย์ค่อนข้างเชื่องช้ามาก เพราะตัวละครจะค่อย ๆ เดิน การเคลื่อนไหวไม่ได้รวดเร็ว แม้จะวิ่งได้ก็จริงแต่ไม่นานก็จะเหนื่อยต้องนั่งพัก ทำให้การเล่นในปี 2024 ดูเชยมาก ๆ และหากไม่เคยเล่นต้นฉบับมาก่อนรับประกันว่าคุณจะหงุดหงิดและเล่นไม่จบ แต่หากเคยเล่นต้นฉบับมาแล้วก็ไม่มีปัญหา เพราะมันคือเกมเพลย์ของวิดีโอเกมในยุค 90S ที่แฟนรุ่นเก่าคุ้นเคยกันดี
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-4.jpg)
อย่างไรก็ตามแม้เกมเพลย์จะช้าแต่ความสนุกของเกมยังคงมี เพราะในฉากที่เราต้องเอาตัวรอดหนีตายจากไล่ล่าของ มนุษย์กรรไกรที่เราจะไม่สามารถสู้โดยตรงได้ต้องหาทางหนีไปซ่อน ตรงจุดนี้หากเราเคยเล่นมาก่อนคงจะรู้จุดที่สามารถซ่อนตัวได้ทำให้ผ่านไปไม่ยาก เพราะหลัก ๆ แล้วมันก็เหมือนเดิม ส่วนสิ่งในเกมที่ทำให้เราตายได้ก็มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ และกับดักที่มีซ่อนอยู่ทำให้เราต้องคอยระมัดระวังกันตลอดการเล่น
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Screenshot-2024-12-07-225757.jpg)
มีฉากจบหลายแบบเหมือนเดิม และมีโหมดย้อนเวลามาให้เล่น
หากคุณเคยเล่นต้นฉบับมาก่อนคงจะรู้ว่าเราสามารถเล่นเกมจบได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงหากรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่เราสามารถกลับมาเล่นหลายรอบได้ เพราะมีฉากจบหลายแบบมาก และเงื่อนไขที่ส่งผลกับฉากจบมีมากมายและเต็มไปด้วยรายละเอียด และอย่างที่บอกว่ามีการแทรกฉากใหม่เข้าไปเล็ก ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับภาคบน PS1 ด้วย ส่วนจะเป็นฉากอะไรก็อยากให้ไปลองเล่นดู
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Screenshot-2024-12-07-230115.jpg)
นอกจากนี้ผู้สร้างยังใส่โหมดสำหรับมือใหม่ เพราะใน Clock Tower Rewind จะมาพร้อมตัวช่วยคือโหมดย้อนเวลา ที่ผู้เล่นสามารถกดเพื่อย้อนไปแก้ไขสิ่งที่เราทำพลาดได้แต่จะย้อนได้ไม่นาน ทำให้หากเราทำพลาดไปก็ต้องรีบกดไปแก้ไขโดยด่วน แต่หากเราอยากสัมผัสกับความสนุกของต้นฉบับที่ไม่มีตัวช่วยเยอะ ก็มีโหมดที่ทุกอย่างเหมือนกับสมัยตอนที่เราเล่นบน Super Famicom ใส่เข้ามาให้เล่นด้วย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2024/12/Clock-Tower-Rewind-3.jpg)
การกลับมาของตำนานเกมสยองยุค 16 Bit อย่าง Clock Tower Rewind อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะแม้จะเพิ่มสิ่งใหม่เข้าไปบ้าง เช่น โหมดย้อนเวลา แต่โดยรวมเกมเพลย์ยังคงเชื่องช้าอืดอาดเหมือนกับต้นฉบับ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเล่นอาจจะรับไม่ได้ แต่หากคุณเคยเล่นต้นฉบับและชอบเกมแนวนี้ก็ถือว่าพอจะคุ้มค่าอยู่ เพราะมันคือตำนานเกมสยองที่เราเคยเล่นในวัยเด็ก และด้วยราคาขายที่ไม่แพงนักถือว่ามีไว้ติดเครื่องไว้เล่นเพื่อระลึกถึงความหลังก็ถือว่าพอจะคุ้มค่าอยู่