Our score
7.0Clock Tower Rewind
จุดเด่น
- เพิ่มคัตซีน และเพิ่มการ์ตูนมาให้ชม
- มีโหมดย้อนเวลามาให้ใช้งาน
จุดสังเกต
- กราฟิกเหมือนเดิมทำให้ดูเชยมาก
- เกมเพลย์ของเดิมที่ดูช้าไปแล้วเมื่อเทียบกับมาตรฐานเกมยุคนี้
-
กราฟิก
6.5
-
เกมเพลย์
7.5
-
ความคุ้มค่า
7.0
-
ภาพรวม
7.0
หากจะบอกชื่อเกมสยองขวัญบนคอนโซลของ Nintendo ในช่วงยุค 90S เชื่อว่าคนที่เกิดทันน่าจะเคยได้ยินชื่อ Clock Tower เกมในตำนานบน Super Famicom โดยเกมวางขายในปี 1995 ถือว่าออกปลายยุคคอนโซล 16 Bit ของปู่นิน แต่ก็เป็นภาพจำของแฟน ๆ เพราะเกมแนวนี้ไม่ค่อยมีบนคอนโซลส่วนมากจะเป็นเกมบน PC
และหลังจากนั้นซีรีส์ Clock Tower ก็มีภาคต่อตามมาอีกหลายภาค ได้แก่เกม Clock Tower เวอร์ชัน PS1, Clock Tower II: The Struggle Within และ Clock Tower 3 บน PS2 แต่หลังจากนั้นตำนานหอนาฬิกาก็เงียบหายไป เพราะด้วยรูปแบบการเล่นที่ไม่เป็นที่นิยมเพราะไม่ได้เน้นแอ็กชัน แต่เชื่อว่าแฟนเกมยุค 90S น่าจะอยากให้มีการปัดฝุ่นเอาต้นฉบับมาขายใหม่ และในที่สุดมันก็กลับมาอีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง
เพราะมีการขุดเอาตำนานมาขายใหม่อีกครั้งในชื่อ Clock Tower Rewind ที่เป็นการนำต้นฉบับบน Super Famicom มาขายใหม่ โดยมีการปรับบางส่วน เช่น การแปลภาษาอังกฤษ ที่ต้นฉบับบน SFC ไม่มี (มีแต่ที่แฟนเกมแปลเอง) และยังมาพร้อมกับโหมดพิเศษเสริมเข้ามา แต่โดยรวมมันก็คือการเอาต้นฉบับมาปรับเล็กน้อยแล้วขายใหม่เท่านั้น โดยเกมวางขายบน Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC
เนื้อเรื่องเดิม แต่ยังคงความคลาสสิก
จุดเด่นของเกม Clock Tower คือเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่ตัวเอกสาวน้อย Jennifer ที่หน้าตาต้นฉบับถอดแบบมาจากดาราดังอย่าง เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี (Jennifer Connelly) โดยเธอต้องเอาตัวรอดในคฤหาสน์สุดหลอน และต้องหนีจากการไล่ล่าของมนุษย์กรรไกร และต้องออกแก้ปริศนา และท้ายที่สุดจะค้นพบความจริงที่คาดไม่ถึง โดยเนื้อเรื่องได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ Phenomena ผลงานแสดงของคอนเนลลีที่ฉายในปี 1985 ส่วนในภาค Rewind และมีการใส่สิ่งที่เชื่อมต่อกับภาคบน PS1 เข้าไปด้วย แต่จะมีอยู่ไม่กี่ฉากเท่านั้น
กราฟิกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เนื่องจากมันคือการพอร์ตทำให้ภาพในเกมจะเหมือนกับต้นฉบับบน Super Famicom ที่เป็นพิกเซล 16 Bit และไม่ได้ยกเอาสิ่งที่เพิ่มมาบนเวอร์ชัน PS1 มาด้วยทำให้มันไม่มีคัตซีน แต่ใครชอบความคลาสสิกน่าจะชอบกัน แต่ผู้สร้างก็ไม่ได้ใจร้าย ได้เพิ่มเพลงประกอบที่แต่งขึ้นมาใหม่ รวมทั้งยังมีการ์ตูนแอนิเมชันที่สร้างขึ้นมาใหม่ใส่เข้ามาให้ชมด้วยแต่ไม่ได้อยู่ในคัตซีนระหว่างเล่นเกม
ส่วนเพลงประกอบก็อย่างที่บอกไปว่ามันยกเอาต้นฉบับมาทำให้ไม่ได้มีการปรับให้ดีขึ้น และยังคงไม่มีเสียงพากย์ใส่เข้ามาในส่วนของเกมเพลย์ ซึ่งเป็นความตั้งใจของผู้สร้างอยู่แล้ว แต่เพลงประกอบเกมถือว่าของเดิมก็ดีอยู่แล้ว และช่วยเพิ่มความหลอนโดยเฉพาะฉากที่ไล่ล่ากับมนุษย์กรรไกร อย่างไรก็ตามมีการใส่เสียงพากย์และแต่งเพลงประกอบใหม่ในส่วนของคัตซีนก่อนเข้าเกมที่เป็นการ์ตูน และมีการเสริมคอมิกสั้น ๆ ที่เป็น Visual Novel ใส่เข้ามาด้วย
รูปแบบการเล่น Point and Click แบบ 2 มิติ
เกมเพลย์ยกเอาของเดิมมาเพื่อเอาใจแฟน ๆ โดยเฉพาะ โดยมันยังคงเป็นแนว Point and Click ที่ผู้เล่นจะไม่สามารถบังคับตัวละครได้โดยตรง แต่จะใช้การบังคับ Cursor (ลูกศรบนหน้าจอ) แล้วให้ตัวละครเดินไปตามทิศทางที่ต้องการ และยังใช้สั่งให้หยิบสิ่งของหรือแก้ปริศนา รวมทั้งยังใช้สั่งการเมนูเพื่อใช้ไอเทมด้วย ซึ่งเป็นเกมเพลย์ที่ค่อนข้างเชยไปแล้วในยุคนี้
อีกทั้งเกมเพลย์ค่อนข้างเชื่องช้ามาก เพราะตัวละครจะค่อย ๆ เดิน การเคลื่อนไหวไม่ได้รวดเร็ว แม้จะวิ่งได้ก็จริงแต่ไม่นานก็จะเหนื่อยต้องนั่งพัก ทำให้การเล่นในปี 2024 ดูเชยมาก ๆ และหากไม่เคยเล่นต้นฉบับมาก่อนรับประกันว่าคุณจะหงุดหงิดและเล่นไม่จบ แต่หากเคยเล่นต้นฉบับมาแล้วก็ไม่มีปัญหา เพราะมันคือเกมเพลย์ของวิดีโอเกมในยุค 90S ที่แฟนรุ่นเก่าคุ้นเคยกันดี
อย่างไรก็ตามแม้เกมเพลย์จะช้าแต่ความสนุกของเกมยังคงมี เพราะในฉากที่เราต้องเอาตัวรอดหนีตายจากไล่ล่าของ มนุษย์กรรไกรที่เราจะไม่สามารถสู้โดยตรงได้ต้องหาทางหนีไปซ่อน ตรงจุดนี้หากเราเคยเล่นมาก่อนคงจะรู้จุดที่สามารถซ่อนตัวได้ทำให้ผ่านไปไม่ยาก เพราะหลัก ๆ แล้วมันก็เหมือนเดิม ส่วนสิ่งในเกมที่ทำให้เราตายได้ก็มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ และกับดักที่มีซ่อนอยู่ทำให้เราต้องคอยระมัดระวังกันตลอดการเล่น
มีฉากจบหลายแบบเหมือนเดิม และมีโหมดย้อนเวลามาให้เล่น
หากคุณเคยเล่นต้นฉบับมาก่อนคงจะรู้ว่าเราสามารถเล่นเกมจบได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงหากรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่เราสามารถกลับมาเล่นหลายรอบได้ เพราะมีฉากจบหลายแบบมาก และเงื่อนไขที่ส่งผลกับฉากจบมีมากมายและเต็มไปด้วยรายละเอียด และอย่างที่บอกว่ามีการแทรกฉากใหม่เข้าไปเล็ก ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับภาคบน PS1 ด้วย ส่วนจะเป็นฉากอะไรก็อยากให้ไปลองเล่นดู
นอกจากนี้ผู้สร้างยังใส่โหมดสำหรับมือใหม่ เพราะใน Clock Tower Rewind จะมาพร้อมตัวช่วยคือโหมดย้อนเวลา ที่ผู้เล่นสามารถกดเพื่อย้อนไปแก้ไขสิ่งที่เราทำพลาดได้แต่จะย้อนได้ไม่นาน ทำให้หากเราทำพลาดไปก็ต้องรีบกดไปแก้ไขโดยด่วน แต่หากเราอยากสัมผัสกับความสนุกของต้นฉบับที่ไม่มีตัวช่วยเยอะ ก็มีโหมดที่ทุกอย่างเหมือนกับสมัยตอนที่เราเล่นบน Super Famicom ใส่เข้ามาให้เล่นด้วย
การกลับมาของตำนานเกมสยองยุค 16 Bit อย่าง Clock Tower Rewind อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะแม้จะเพิ่มสิ่งใหม่เข้าไปบ้าง เช่น โหมดย้อนเวลา แต่โดยรวมเกมเพลย์ยังคงเชื่องช้าอืดอาดเหมือนกับต้นฉบับ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเล่นอาจจะรับไม่ได้ แต่หากคุณเคยเล่นต้นฉบับและชอบเกมแนวนี้ก็ถือว่าพอจะคุ้มค่าอยู่ เพราะมันคือตำนานเกมสยองที่เราเคยเล่นในวัยเด็ก และด้วยราคาขายที่ไม่แพงนักถือว่ามีไว้ติดเครื่องไว้เล่นเพื่อระลึกถึงความหลังก็ถือว่าพอจะคุ้มค่าอยู่