[รีวิวเกม] Tales of Graces f Remastered เกม RPG ที่ยังคงเล่นได้สนุกในยุคนี้เพราะความลื่นไหล

หนึ่งในซีรีส์เกม RPG ที่เกิดในยุค 90S อย่างซีรีส์ Tales of ที่มีการออกวางขายภาคใหม่ออกมาต่อเนื่องยาวนาน และเป็นอีกซีรีส์ที่มีการรีมาสเตอร์เอาของเก่ากลับมาขายใหม่หลายรอบ และก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ด้วยเกมเพลย์ที่เน้นแอ็กชันทำให้มันยังดูไม่เชย และล่าสุดมีการเปิดตัว Tales of Graces f Remastered กลับมาวางขายใหม่อีกครั้ง

โดยการมาของเกม Tales of Graces ครั้งแรกออกวางขายบนคอนโซลของปู่นินอย่าง Wii ในปี 2009 ก่อน ตามมาด้วยการวางขายบน PS3 ในชื่อ Tales of Graces f ในปี 2010 และล่าสุดมีการประกาศออกภาครีมาสเตอร์ลงบน PS4, PS5, Nintendo Switch, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC ในปี 2025 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ห่างหายไปนาน

ส่วนเนื้อเรื่องใน Tales of Graces f Remastered ยังคงเหมือนกับต้นฉบับ ที่จะเกิดขึ้นในโลก Ephinea ที่จะแบ่งออกเป็นหลายประเทศและมีการทำสงครามกัน เราจะได้รับบทเป็น Asbel Lhant ที่เล่าเรื่องราวเริ่มต้นในวัยเด็ก ลากยาวไปจนโตเป็นวัยหนุ่ม เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนและมีการเล่าผ่านการ์ตูนอนิเมะ และก็มีความยาวพอสมควร แถมยังเสริมด้วย DLC เนื้อเรื่องเสริมเข้ามาแบบครบ ๆ แบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วย

กราฟิกดูดีในแบบรีมาสเตอร์

ภาพในเกม Tales of Graces f Remastered ยังคงมาในรูปแบบรีมาสเตอร์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เอาเกมเดิมมาปรับความคมชัดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีการสร้างกราฟิกใหม่หมดแบบรีเมก ทำให้ทุกอย่างมันคือเกมที่วางขายในยุค PS3 ที่ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากมาย งานออกแบบมาแบบการ์ตูนญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ Tales of มาตลอด ซึ่งหากทำความเข้าใจในส่วนนี้ก็จะเล่นได้สนุกแบบไม่ต้องคาดหวังอะไร

ส่วนคัตซีนในเกม มีการใช้การนำเสนอทั้งแบบนำโมเดลตัวละครในเกมมาเล่าเรื่อง กับการลงทุนสร้างแอนิเมชัน 2 มิติที่มีการวาดขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่มันไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเพราะมันเป็นของเดิม แต่ก็มีการใส่เสียงพากย์เข้ามาในฉากสำคัญตลอดและเสียงพากย์ก็มีคุณภาพสูง แถมเลือกเปลี่ยนเป็นเสียงภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย ส่วนเพลงประกอบก็มาแนวทาง JRPG ที่มีการใช้ดนตรีที่เข้ากับโลกแฟนตาซี ที่ทำได้แบบสอบผ่านแม้จะไม่ได้มีเพลงธีมที่ติดหูมากนักแต่ก็เข้ากับเกมเพลย์ได้อย่างลงตัว

เกมเพลย์ RPG ที่มีความเป็นแอ็กชันสูง

รูปแบบการเล่นของ Tales of Graces f Remastered ยังคงเหมือนกับซีรีส์ Tales of ที่นำเสนอในรูปแบบเกมแนว RPG ที่เราจะได้ท่องไปในโลกกว้าง ๆ และได้สำรวจดันเจี้ยนแล้วทำเนื้อเรื่องเหมือนกับเกมแนวสวมบทบาทเกมอื่น ที่เราจะได้อัปเกรดตัวละครด้วยระบบเลเวล และมีการซื้ออาวุธและเครื่องป้องกัน รวมทั้งมีระบบยาเติมพลังเหมือนกับเกม RPG ทั่วไป

แต่ซีรีส์ Tales of จะมีจุดเด่นอยู่ที่ฉากต่อสู้ ที่จะมีความเป็นแอ็กชันสูงมากเพราะเราสามารถบังคับตัวละครให้เดินได้ และยังกดปุ่มเพื่อโจมตีศัตรูได้โดยตรงเหมือนเกมแนวแอ็กชัน และยังมีลีลาที่เร้าใจและมีการต่อท่าทำคอมโบได้ต่อเนื่อง และเป็นรูปแบบที่ทำให้เกมสนุกแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม และในภาคนี้ก็ยังคงทำได้ดีแม้หากเทียบกับมาตรฐานเกมยุคนี้ แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม

ความลื่นไหลทำให้ยังคงเล่นได้สนุก

สิ่งที่ต้องชมคือความลื่นไหลของเกมเพลย์ที่เป็นหัวใจหลัก เพราะคนในยุคนี้ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ และใน Tales of Graces f Remastered มีการโหลดเข้าฉากต่อสู้ที่รวดเร็วมาก แม้อาจจะไม่ได้เร็วที่สุดแต่หากมองว่ามันเป็นการเอาของเก่ามาขายใหม่ถือว่าทำออกมาได้ดี ทำให้เราสามารถต่อสู้กับศัตรูได้แบบไม่เบื่อ ส่วนศัตรูในเกมจะเห็นเป็นตัวบนแผนที่ทำให้หากเราไม่อยากสู้ก็สามารถเดินหลบหลีกได้ ซึ่งส่วนนี้ทำให้เกมยังคงไม่เชย

นอกจากนี้ยังมีความท้าทายให้สัมผัสกันด้วย เพราะศัตรูในเกมบางตัวอัดแรงมาก ยิ่งเกมเพลย์มีความรวดเร็วทำให้หากเราไม่ได้วางแผนกันให้ดี รับประกันว่าจะโดนตบตายยกทีมได้ภายในไม่กี่วินาที ทำให้เราต้องวางแผนการเล่นให้ดีและต้องจัดเรียงท่าไม้ตายที่จะเอาไว้ใช้ต่อสู้ในฉากให้ถูกกับการแพ้ทางของศัตรู ซึ่งสามารถต่อเป็นคอมโบที่รุนแรงได้ ส่วนนี้ทำให้มันมีทั้งความสนุกและมีความท้าทายให้สัมผัสกัน

อย่างไรก็ตามสำหรับมือใหม่หรือคนที่อยากเล่นแบบไม่ต้องหัวร้อนก็มีข่าวดี เพราะในภาครีมาสเตอร์ก็มีตัวเลือกที่ออกแบบมาให้โดยเฉพาะ เพราะมีการใส่โหมดง่ายมาให้เล่นทำให้การต่อสู้กับศัตรูง่ายขึ้น แถมยังมีโบนัสเสริมที่ทำให้เราเลือกให้ตัวเกมมีความง่ายขึ้นใส่เข้ามาด้วย เช่นทำให้การเพิ่มเลเวลตัวละครทำได้ง่ายขึ้น หรือได้รับเงินจากการต่อสู้มากกว่าเดิม เรียกว่าหากปรับจนสุดก็จะทำให้เกมง่ายเกินไปจนขาดความท้าทายและหมดสนุก ดังนั้นควรจะเล่นแบบปรกติน่าจะดีกว่า

การกลับมาอีกครั้งของเกม Tales of Graces f Remastered ถือว่าทำออกมาดีกว่าที่คาดหวังไว้ แม้จะเป็นแค่เพียงการปรับกราฟิกให้คมชัดขึ้น แต่ต้นฉบับของเดิมถือว่าเป็น RPG ที่สนุกเข้าใจง่ายระบบการเล่นเน้นแอ็กชันที่ยังคงไม่เชยเมื่อหยิบมาเล่นในยุคนี้ ใครเคยเล่นต้นฉบับมาก่อนจะเล่นอีกรอบก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ ส่วนหากคุณไม่เคยเล่นซีรีส์ Tales of มาก่อนหากจะลองเริ่มเล่นที่ภาคนี้ก็ถือว่าเหมาะสมเช่นกัน