[รีวิวเกม] Dragon Quest 8 3DS ตำนาน RPG ฉบับพกพา(เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ)
Our score
7.6

Dragon Quest 8 3DS

จุดเด่น

  1. มีเรื่องราวเสริมเพิ่มเติม
  2. มีตัวละครใหม่
  3. เกมเพลย์ปรับให้ลื่นไหลมากขึ้น
  4. โหลดเร็วขึ้น

จุดสังเกต

  1. กราฟิกด้อยกว่าต้นฉบับมาก
  2. ไม่ต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเท่าไร
  3. สิ่งที่เพิ่มมาน้อยเกินไปหน่อย
  • กราฟิก

    6.0

  • เกมเพลย์

    8.7

  • ความแปลกใหม่

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    7.5

  • ภาพรวม

    8.0

Dragon Quest ถือเป็นหนึ่งซีรีส์เกม RPG ในตำนานที่มีประวัติยาวนาน และในญี่ปุ่นถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่า Final Fantasy เสียอีก ที่ไม่ว่าจะออกมากี่ภาคก็ขายได้หลายล้าน แต่ในอเมริกากลับขายไม่ค่อยดีนักทำให้การแปลเป็นภาษาอังกฤษ ต้องรอกันเป็นเวลายาวนานเป็นปี

และล่าสุดเป็นคิวของ Dragon Quest 8 บน 3DS ที่ต้นฉบับออกบน PS2 ไปเมื่อปี 2004 และก็กลายเป็นหนึ่งในภาคที่ประสบความสำเร็จ และเป็นการเข้าสู่โลก 3D เต็มรูปแบบของซีรีส์ Dragon Quest และหลังจากนั้นใน 2015 ก็ได้ออกวางขายบน 3DS ในโซนญี่ปุ่น และผ่านมาถึงปี 2017 ก็ได้ฤกษ์วางขายในโซนอเมริกาเสียที เรียกว่ารอกันเบื่อเลย

ประเด็นแรกของเกมที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าในเมื่อมันถูกพอร์ทมาสู่เครื่องพกพา 3DS ที่มีคุณภาพต่ำกว่าบนคอนโซล ทำให้กราฟิกถูกลดระดับลงมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของในฉากเช่นต้นไม้หรือหญ้าถูกลดลงจนแทบไม่มีให้เห็น ส่วนพื้นผิวเทกเจอร์ก็หยาบอย่างมากจนเห็นเป็นเหลี่ยมมุมของตัวฉาก เรียกว่าก่อนจะซื้อเกมมาเล่นก็ต้องเข้าใจในส่วนนี้ว่ามันอาจะสู้ตอนโซลไม่ได้ ซึ่งไม่บ่อยนักที่เกมเก่าจะถูกสร้างใหม่แต่มีคุณภาพกราฟิกแย่กว่าเดิม

ยังดีที่ดนตรีประกอบของคุณ Koichi Sugiyama มาช่วยชีวิตไว้ และถือเป็นจุดเด่นของซีรีส์มาตลอดยังอยู่ครบถ้วนแม้ว่ายังคงเป็นการใช้เสียงสังเคราะห์ไม่ใช่ ออเคสตรา เต็มวงก็ตาม แต่ก็ทำให้เราหลงไปในโลกแฟนตาซีได้ไม่แตกต่างจากบน PS2

รูปแบบการเล่นหลักๆแล้วมันคือเทิร์นเบส RPG แบบใส่คำสั่งที่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ แบบต้นฉบับบน PS2 ทุกประการ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเมื่อมาอยู่บน 3DS คือระบบเมนูที่มีการใช้ 2 หน้าจอให้เกิดประโยชน์เพราะนำเสนอทั้งเมนูที่จอล่าง และเกมเพลย์ที่หน้าจอบน และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากต้นฉบับบนคอนโซลคือเราจะเห็นศัตรูเป็นตัวบนฉากเลย จากเดิมจะใช้แบบสุ่ม (บน PS2 มีบางตัวที่จะเจอบนแผนที่) ทำให้บรรยากาศการเล่นเปลี่ยนไปมากเหมือนกับ RPG รุ่นใหม่มากขึ้น

และเหล่าบรรดาเมนูที่แต่เดิมต้นฉบับ PS2 (ญี่ปุ่น) มีเพียงตัวอักษร พอมาสร้างใหม่ถูกปรับให้เข้าถึงง่ายขึ้น เพราะมีภาพประกอบว่ามันคืออะไร แม้ว่ามันจะถูกปรับมาตั้งแต่สมัยภาคภาษาอังกฤษบน PS2 แล้วก็ตาม แต่รายละเอียดถูกทำให้ดูง่ายขึ้น และยิ่งเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้เราเข้าใจเรื่องราวได้ง่าย แถมยังมีเสียงพากย์ในจุดที่สำคัญ เรียกว่า แม้จะใช้ตลับเกมเป็นสื่อแต่ก็คงยังจัดเต็ม

โลกใน Dragon Quest 8 ที่เคยดูกว้างเมื่อตอนออกครั้งแรกในปี 2004 แต่ในยุคนี้มันกลับดูธรรมดาไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันยังคงมีเสน่ห์คงเกมอยู่ครบไม่ว่าจะเป็นลายเส้นของอาจารย์ โทริยาม่า และผู้สร้างจำลองทุกอย่างออกมาได้ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่งานออกแบบจะดีเยี่ยม ฉากและดันเจี้ยนยังออกแบบมาได้ลงตัวซับซ้อนแต่ก็ไม่มากจนเกินไป และดูเหมือนว่าการโหลดในฉากทำได้รวดเร็วมากขึ้นเพราะ 3DS ใช้สื่อเป็นตลับเกมแล้ว

และระบบการตั้งค่าและพัฒนาตัวละครภาคนี้ที่เรียบง่ายมากเพราะเป็นการอัพสกิลตามประเภทของอาวุธ ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีอาวุธที่แตกต่างกัน และการอัพเกรดจะส่งผลกับพลังชีวิต HP และ MP , ค่าพลังโจมตี ,พลังป้องกัน, คาถาใหม่ๆ , ท่าไม้ตายใหม่ๆ และความง่ายบวกกับการที่มันเป็นภาษาอังกฤษทำให้คราวนี้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเสริมด้วยไอเทมพิเศษหม้อผสมของที่เปิดโอกาสให้เราสร้างสรรค์หรือผสมไอเทมใหม่ๆได้ตามใจ เรียกว่าแม้ดูภายนอกอาจจะไม่มีอะไรให้ทำมากแต่พอได้เล่นจริงๆกลับมีสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นอยู่กับเกมได้นานกว่าที่คิด

เกมเพลย์หลักๆโดยรวมยังคงเดิมเกือบ 100% หากไม่นับระบบการเจอศัตรูที่เปลี่ยนไปแล้วมันคือเกมคุณภาพของต้นยุค 2000 แม้ว่ามันอาจจะกลายเป็นเกมเฉพาะกลุ่มของคนยุคนี้ แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของเกมทำให้มันข้ามกาลเวลามา เพราะความเข้าถึงง่าย เรื่องราวถูกเขียนแบบง่ายๆสไตล์ Dragon Quest ที่อาจดูเชยสำหรับยุคที่ต้องการอะไรที่ซับซ้อน แต่เชื่อเถอะว่าคุณจะอินไปกับเการเดินเรื่องที่เรียบง่ายไม่แพ้เกมอื่น

ส่วนของใหม่ที่ใส่เข้ามานอกจาก ระบบการเล่นบางส่วนและเมนูใหม่แล้ว ผู้เล่นยังสามารถกำหนดความเร็วในฉากต่อสู้ได้ และเลือกได้แบบไฮสปีดความเร็วสูงมากจนทำให้รูปแบบการเล่นที่เป็น RPG แบบโบราณดูไม่เชย และยังมีเรื่องราวเสริมเพิ่มเติมมาให้เล่นด้วย พร้อมกับตัวละครใหม่ แม้อาจจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็ถือว่าเป็นส่วนเสริมที่แถมมาให้ ซึ่งก็มีมากตั้งแต่เวอร์ชั่นญี่ปุ่นแล้ว

แต่สำหรับแฟนๆอนิเมะญี่ปุ่นที่ชื่นชอบชุดของตัวละครหญิงในเกมอาจต้องทำใจสักนิดเพราะในเวอร์ชั่นอังกฤษ ชุดวาบหวิวของตัวละครโดนปรับใหม่ให้ดูมิดชิดมากขึ้น เพราะการจัดเรตติ้งเกมในอเมริกาต่างกับญี่ปุ่น และจุดที่ดีอีกส่วนคือมีการปรับความเร็วในเกมให้มีแอ็คชั่นที่ลื่นไหลมากขึ้นเพื่อให้เข้ากับเกมยุคใหม่ที่คอเกมไม่ชอบรออะไรนานๆ ทำให้มันแทบไม่มีความอืออาดของเกม RPG ยุคเก่าเลย

เชื่อว่าอ่านมาจนถึงตรงนี้คอเกมต้องมีคำถามว่า จะคุ้มหรือไม่ที่จะเล่นอีกรอบ ก็ขอบอกไว้เลยว่าหากคุณเคยเล่นมาแล้วทั้งบน PS2 และ 3DS (โซนญี่ปุ่น) ก็อาจจะไม่คุ้มค่านัก ยิ่งหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ Dragon Quest อาจจะไม่ค่อยชอบเพราะชื่อคาถาและท่าไม้ตาย(ในเวอร์ชั่นอังกฤษ) ถูกเปลี่ยนไปหมดต้องมานั่งทำความเข้าใจกันใหม่กันหน่อย ดังนั้น Dragon Quest 8 ฉบับนี้อาจจะเหมาะกับคนที่ยังไม่เคยเล่น หรือเคยเล่นแล้วแต่อยากรู้เรื่องราวในเกมให้มากกว่านี้

สรุปแล้ว การกลับมาของ Dragon Quest 8 บน 3DS ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ถือว่ายังคงทำออกมาได้ตามมาตรฐาน แม้การพอร์ทย้ายมาลงเครื่องพกพาจะทำให้คุณภาพกราฟิกลดลงไปอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร หากคิดว่าเราสามารถเอาตำนานเกม RPG เอาไปเล่นนอกบ้านได้ แฟนซีรีส์ Dragon Quest ก็คงไม่พลาดอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนก็บอกได้เลยว่าควรจะเริ่มจากภาค 8 เพราะมันเป็นการนำรูปแบบของ RPG ระดับตำนานมาทำในรูปแบบ 3D เต็มรูปแบบแม้ผ่านเวลามานานก็ยังคงเล่นได้สนุก

ขอบคุณร้านเกม Nadz Project ดิจิตอล เกตเวย์ ชั้น 2

Play video