Our score
8.2

Guilty Gear Strive

จุดเด่น

  1. กราฟิกดูดีเหมือนเวอร์ชันอื่น
  2. เกมเพลย์แนวต่อสู้ที่สนุก
  3. มีความท้าทายให้สัมผัส

จุดสังเกต

  1. ราคาขายแพงไปหน่อย
  • กราฟิก

    8.5

  • เกมเพลย์

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    8.0

  • ภาพรวม

    8.2

สำหรับแฟนเกมแนวต่อสู้แล้วน่าจะรู้จักซีรีส์ Guilty Gear แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้โด่งดังเท่ากับ Street Fighter หรือ Tekken แต่ก็เป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่มีการสร้างมายาวนานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทำให้มันเป็นต้นแบบของเกมดัง ๆ หลายเกม และทำให้ผู้สร้างเกมอย่าง Arc System Works ได้ต่อยอดเอารูปแบบนี้ไปสานต่อกับเกมอื่นด้วย

โดยความโดดเด่นที่สุดของซีรีส์เกม Guilty Gear คือกราฟิกที่มาแนวการ์ตูนอนิเมะ และจำลองได้สมจริงอย่างมาก จนเหมือนว่าเราได้ดูการ์ตูนไปพร้อมกับการเล่นเกม ซึ่งทำให้มีการนำกราฟิกแนวนี้ไปสานต่อเป็นเกมต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Dragon Ball FighterZ, Persona 4 Arena Ultimax, Granblue Fantasy Versus ที่สร้างโดยทีม Arc System Works ทั้งหมด

ส่วนเนื้อเรื่องใน Guilty Gear -Strive- จะเล่าต่อจากเหตุการณ์ใน Guilty Gear Xrd ที่จะเป็นบทสรุปเรื่องราวของ Sol Badguy (หรือที่รู้จักในชื่อ The Gear Hunters Saga) ส่วนการนำมารีวิวจะเป็นเวอร์ชัน Nintendo Switch ซึ่งถือว่ามาช้ากว่าเวอร์ชันอื่น เพราะ Guilty Gear -Strive- ออกบน PS4, PS5 และ PC ไปตั้งแต่ปี 2021 และออกบน Xbox One, Xbox Series X/S ในปี 2023

กราฟิกยังคงดูดีเหมือนเวอร์ชันอื่น

ปัญหาหนึ่งสำหรับการพัฒนาเกมลง Nintendo Switch คือภาพในเกมที่มักจะด้อยกว่าเวอร์ชันอื่น บางเกมแย่จนแทบเหมือนคนละเกมแม้ว่ามันจะเป็นเกมแนวต่อสู้ที่ไม่ได้มีฉากซับซ้อนก็ตาม เช่น เกม Mortal Kombat 1 ที่กราฟิกบน Switch ทำออกมาได้ย่ำแย่มาก ทำให้เชื่อว่าในตอนแรกที่ Guilty Gear -Strive- ออกบน Switch แฟนเกมอาจจะไม่ได้คาดหวังว่ามันจะออกมาดูดีอะไร เพราะหากพอร์ตมาแบบไม่ตั้งใจทำมันมักจะออกมาดูแย่

แต่ผลออกมากลับผิดคาด เพราะกราฟิกในเกม Guilty Gear -Strive- ทำออกมาดีเกินคาด รายละเอียดของฉากและตัวละครยังคงมีรายละเอียดครบถ้วน ซึ่งแฟนเกมหลายคนอาจจะมองว่า เป็นเพราะกราฟิกมาแนวการ์ตูนที่ไม่ได้มีรายละเอียดมากมายทำให้สามารถย้ายลง Switch ได้ง่ายกว่า แต่ก็ต้องชมเพราะด้วยรูปแบบการเล่นที่รวดเร็วแต่ยังสามารถพอร์ตมาลงได้เหมือนเวอร์ชันอื่น แม้ว่าจะมีการแอบลดความละเอียดของฉากในบางส่วนก็ตาม แต่โดยรวมถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่กราฟิกดูดีบนคอนโซลลูกผสมของปู่นิน

ส่วนเพลงประกอบในเกมทำออกมาดีตามแนวทางซีรีส์ Guilty Gear ซึ่งก็เหมือนกับภาคก่อน ๆ ที่เน้นเพลงธีมที่เหมาะกับเกมต่อสู้ที่เน้นความรวดเร็ว ทำให้ดนตรีมาแนวเพลงร็อกที่ดุดันเร้าใจเข้ากับเกมเพลย์อย่างมาก แม้อาจจะไม่ค่อยมีเพลงธีมติดหูมากนักก็ตาม และความโดดเด่นอีกส่วนคือมีการใส่เสียงพากย์เข้ามาตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเกมเพลย์และคัตซีน โดยรวมทั้งกราฟิกและเพลงประกอบทำออกมาดีแบบไม่มีอะไรให้ติ

เกมเพลย์แนวต่อสู้ 2 มิติที่เข้าใจง่าย แต่ตัวเกมไม่ง่าย

รูปแบบการเล่นก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนที่มาแนวต่อสู้ 2 มิติ มุมมองด้านข้างที่เข้าใจง่าย โดยเราจะได้บังคับตัวละครต่อสู้กันที่มีจุดเด่นนอกจากกราฟิกแนวการ์ตูนคือการใช้ท่าไม้ตายที่แต่ละตัวละครจะมีอาวุธเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นดาบ, ปืน หรือบางตัวก็มีพลังพิเศษ และมีอาวุธที่ดูแปลกหลุดโลกอยู่มากมาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของซีรีส์นี้อยู่แล้ว ซึ่งการกดปุ่มเพื่อปล่อยท่าไม้ตายไม่ได้ซับซ้อนมาก แต่ก็ไม่ได้กดง่ายจนเกินไปเหมือนเกมต่อสู้ยุคใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี

ส่วนอีกจุดที่ทำให้เกมเพลย์สนุกขึ้นคือการทำคอมโบสานต่อให้เกิดท่าที่มีความรุนแรงได้มากกว่าเดิม และทำได้อย่างรวดเร็วมาก และมีการทำคอมโบกลางอากาศด้วย ส่วนนี้ทำให้ผู้เล่นที่มีฝีมือสามารถจบการต่อสู้ลงในไม่กี่วินาทีได้ และจุดขายอีกส่วนคือความท้าทายคือการเล่นในโหมดเล่นคนเดียวที่มีความยากพอตัว เพราะตัวละคร NPC มีความโหดพอตัว สามารถต่อคอมโบปล่อยท่าไม้ตายที่ทำให้เราน็อกเอาต์ได้ภายในไม่กี่วินาทีเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปหากฝึกฝนให้ดีก่อนลงสนามต่อสู้

มีตัวละครเยอะและมีโหมดให้เล่นตามมาตรฐาน

เวอร์ชัน Nintendo Switch มีตัวละครมาให้เลือกเล่นมากมายถึง 28 ตัว ซึ่งรวมตัวละคร DLC ด้วย และยังมีความโดดเด่นแตกต่างกันในแต่ละตัวด้วย ไล่ตั้งแต่ตัวละครที่ใช้ดาบยักษ์ที่มีการควบคุมที่เข้าถึงง่าย การปล่อยท่าก็กดไม่ซับซ้อน ไปจนถึงตัวละครที่มีอาวุธหรือท่าไม้ตายแปลกประหลาดที่ใช้งานยาก การปล่อยท่าก็ยากกว่า แต่หากฝึกจนชำนาญแล้วมันจะกลายเป็นตัวละครที่โจมตีได้แรงและต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นส่วนที่ทำให้ตัวเกมมีความสมดุล

ส่วนโหมดที่มีมาให้เล่นก็ใส่เข้ามาตามมาตรฐานเกมต่อสู้ 2 มิติทั่วไป ไล่ตั้งแต่การเล่นแบบออฟไลน์ที่มีโหมด Arcade ที่เล่นเหมือนเกมต่อสู้ทั่วไป ตามด้วยโหมดเอาตัวรอด และโหมด VS ซึ่งส่วนนี้มันต้องมีทุกเกมอยู่แล้ว ตามมาด้วยการเล่นแบบออนไลน์ไว้ต่อสู้กับเพื่อนได้ทั่วโลก ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นเพราะมีระบบเมนูที่ดูธรรมดา ส่วนคนที่อยากฝึกฝนก็มีโหมด Training และมีภารกิจให้ทำตามคำสั่ง

Guilty Gear -Strive- เป็นหนึ่งในเกมต่อสู้บน Nintendo Switch ที่ไม่อยากให้พลาดไป ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของซีรีส์ Guilty Gear หรือไม่เคยเล่นมาก่อนก็ตาม เพราะมันคือเกมต่อสู้ 2 มิติ ที่สนุกเล่นได้ลื่นไหลและเหมาะกับคอเกมตัวจริงเพราะมีความท้าทาย รวมทั้งการต่อท่าคอมโบที่ซับซ้อน และเกมเพลย์ก็สนุกลื่นไหลเหมือนกับเวอร์ชันอื่น เจ้าของ Switch ที่อยากหาเกมต่อสู้ดี ๆ ไว้ติดเครื่องมันเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจแม้ราคาขายจะแพงไปหน่อยก็ตาม