ในยุคหลัง ๆ นี้ เรามักจะได้เห็นผลงานเกมจากเหล่านักพัฒนาหน้าใหม่ ๆ กันเยอะมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการรวมตัวกันของเหล่ากลุ่มคนที่ชอบเล่นเกมแนว ๆ เดียวกัน มาอยู่ด้วยกัน สร้างผลงานตามแรงบันดาลใจของตัวเองออกมา

Clair Obscur: Expedition 33 เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ ผลงานจาก Sandfall Interactive ทีมพัฒนาจากฝรั่งเศส โดยนี่เป็นงานชิ้นของพวกเขา เป็นเกมแนว turn-based RPG ที่หาได้ยากในยุคหลัง ๆ โดยมีเพียงไม่กี่เกมที่ยังใช้ระบบต่อสู้แบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ ก็จะมีเกมอย่างซีรีส์ Shin Megami Tensei และ Persona ทั้งหลายที่อยู่รอดมาได้ ซึ่งต้องบอกตามตรงเลยว่า เกมนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Persona แบบเต็ม ๆ ชนิดที่ว่ามองมาจากดาวนาเม็ก ก็รู้ว่าเกมนี้คือ Persona เวอร์ชันฝรั่งทำแน่ ๆ

แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะตัว CEO & Creative Director คุณ GUILLAUME BROCHE นั้นเป็นแฟนตัวยงของซีรีส์ Persona, Devil May Cry, Final Fantasy และ เกมตระกูล Souls ทั้งหลาย ทำให้งานชิ้นนี้ออกมากลายเป็นลูกผสมระหว่างเกม JRPG ที่มาอยู่ในมุมมองของชาวตะวันตกแทนครับ
Clair Obscur: Expedition 33 กำลังจะวางจำหน่ายในวันที่ 24 เมษายน 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ โดยทางเราได้มีโอกาสลองเข้าไปเล่นตัวเกมเวอร์ชัน Preview กันก่อน เพื่อเก็บบรรยากาศและความรู้สึกมาบอกเล่า สำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะชื้อดีหรือไม่ เนื่องจากเกมนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการรวมตัวของเหล่านักพัฒนาเก่า ๆ จาก Ubisoft ที่พากันออกมาตั้งทีมใหม่กันครับ

โดยในเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น 1 ในทีมนักสำรวจ Expedition 33 ที่ต้องออกสำรวจตามล่าหา “จิตรกร” ลึกลับ ที่ในทุก ๆ 1 ปีเธอจะตื่นขึ้นมาวาดภาพบนเสาหินของเธอเอง โดยเธอจะวาดภาพเป็นหมายเลขอายุคำสาป และทุก ๆ คนในวัยนั้นก็จะกลายเป็นควันจางหายไป วันเวลาผ่านมาหลายปี ตัวเลขก็ลดลงเรื่อย ๆ ผู้คนก็เริ่มหายไป มีการตั้งทีมค้นหา เพื่อออกล่า “จิตรกร” ตนนี้

โดยเนื้อเรื่องในเกมจะเริ่มขึ้นเมื่อตัวเอกของเราใกล้จะอายุครบ 33 ปี และ “จิตรกร” ที่พูดถึงก็กำลังจะวาดภาพ 33 โดยเราจะต้องออกตามล่าตัว “จิตรกร” เพื่อที่เธอจะไม่สามารถวาดภาพแห่งความตายได้อีก
ต้องยอมรับเลยว่าพล็อตเรื่องนั้นน่าสนใจมากเลยทีเดียว ผสมผสานกับโลกแฟนตาซีธีมฝรั่งเศสในยุค La Belle Époque หรือยุคทอง ยุคสวยงามของฝรั่งเศส ที่ไม่น่าจะมีเกมไหนทำมาก่อน แต่ด้วยการที่เกมนี้ได้นำเสนอเรื่องราวของ “ความเป็นและความตาย” การล่มสลายของมนุษย์ และปริศนาความลึกลับอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นโลกแฟนตาซีแบบสมบูรณ์แบบ ที่ก็อาจจะทำให้ใครบางคน ไม่อิน หรือเข้าไม่ถึงมันสักเท่าไร

ปัญหาของ Clair Obscur: Expedition 33 ก็คือตัวเกมได้ยัดใส่ความแฟนตาซีเข้ามามากเกิน จนรู้สึกว่ามันท่วมจนล้นทะลัก และผู้เล่นไม่สามารถตามทันได้ตั้งแต่เกมเริ่มเลย ไม่ได้มีการอธิบายโลกในเข้าใจ ไม่ได้มีการบอกถึงความหมายและจุดประสงค์ของทีมนักสำรวจอย่างชัดเจน ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรให้ผู้เล่นสักเท่าไร รวมไปถึงตัวละครหลักที่เราเองก็ยังไม่ได้รู้จักดีพอ ยังไม่นับตัวละครอื่น ๆ ที่เราก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลถึงการมีอยู่ด้วยซ้ำไป
ตลอดการเล่นในช่วง Preview ผมกลับรู้สึกว่าทีมงานไม่ได้เอาใจใส่ในส่วนนี้เลย ทั้งบทพูด ฉากคัดซีน การเล่าเรื่อง เรากลับไม่ได้รู้สึกว่ากำลังตามติดเนื้อเรื่องอยู่ แต่เรากลับรู้สึกว่ากำลังตามติดวิธีคิดของทีมงานและทีม Story ว่าเขาต้องการจะสื่อกับผู้เล่นว่าอะไรแทน

ในส่วนของ Gameplay นั้น ต้องยอมรับตามตรงว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย ถ้าหากใครที่เคยเล่น Persona ก็จะคุ้นเคยกับมันได้ทันทีแบบไม่ต้องทำความเข้าใจใหม่อะไร การโจมตีปกติของผู้เล่นจะเพิ่ม AP ซึ่งเป็นค่าที่เอาไว้ใช้สกิล หรือใช้ปืนยิงศัตรูได้ใน 1 เทิร์น โดยสิ่งที่พิเศษเข้ามาก็คือเกมนี้ได้ผสมผสานความเป็น Real Time เข้ามาในการต่อสู้แบบ turn-based ในบางสกิล ถ้าหากเรากด QTE ถูกจังหวะ สกิลก็จะแรงกว่าเดิม แถมยังมีการกด Parry และการกดปุ่ม Dodge หลบการโจมตีของศัตรูได้ด้วย

แต่ถึงแบบนั้น ต้องบอกเลยว่าการกด Parry หรือกดหลบของเกมนี้ มันเป็นอะไรที่โหดมาก เพราะตัวเกมไม่ได้มี Indicator อะไรขึ้นมาอย่างชัดเจนให้เห็นว่าศัตรูโจมตีเข้ามานะ ให้เรากดให้ถูกจังหวะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ Moveset และ Reflect และการคาดเดาของเราล้วน ๆ ซึ่งมันฟังดูท้าทายสำหรับคนชอบความท้าทาย แต่ถ้าลองให้ไปถามผู้เล่น JRPG หลาย ๆ คน ผมเชื่อว่าสาเหตุที่เขาชอบเล่นเกม turn-based ก็เพราะว่าเขาไม่ต้องมาห่วงอะไรแบบนี้ และไม่ถนัดเกม real-time ตั้งแต่แรกอยู่แล้วหรือเปล่า ? ตรงนี้ทีมงานเองก็อาจจะมองพลาดไปก็เป็นได้

เวอร์ชันที่ผมได้ลอง Preview ครั้งนี้เป็นเวอร์ชัน PC ซึ่งเกมนี้รันบน Unreal Engine 5 แน่นอนว่าผมเองก็ค่อนข้างกังวลเลยว่ามันจะออกมาไม่ดี แต่หลังจากที่ได้ลองก็พบว่า “เฮ้ย มันดีอยู่นะ ดีมากเลยระดับนึง” กราฟิกในเกมอยู่ในขั้นที่สวยระดับนึงเลย และมี Art Director ที่ชัดเจนมาก ๆ โดยผมลองเล่นแบบปรับภาพไว้ที่ Preset High และเล่นที่ความละเอียด WQHD 3440×1440 Ultra-wide สามารถเล่นเกมนี้ได้ที่ 40-60 FPS แบบไม่มีการเปิด DLSS ช่วยเลย เพราะเกมนี้ไม่ได้มีระบบ Super Resolution ทั้ง DLSS,FSR ครับ

เอาเข้าจริงก็หายากแล้ว สำหรับเกมในยุคนี้ที่ไม่มี AI อะไรมาช่วยประมวลผลภาพ แต่สามารถดันเอาพลังดิบมาใช้ได้อย่างเต็มที่ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการ Optimize เกมของทีมงานที่เอาใจใส่เป็นอย่างดี รวมไปถึงการบังคับด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดที่ก็ทำออกมาได้น่าพอใจ ตัวเกมไม่ได้มีฉากโหลดเยอะมากมาย ทีม UI-UX ถือว่าสอบผ่าน แต่ถ้าจะให้พูดถึงจุดที่มีปัญหา ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องการที่เราไม่สามารถ Skip ฉากคัดซีนได้นี่ล่ะ อันนี้บอกเลยว่าเรื่องใหญ่มาก ๆ
โดยรวมแล้ว Clair Obscur: Expedition 33 นั้นเป็นเกมที่ ผมรู้สึกว่ามันอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ทั้งในส่วนของผู้เล่นทั่วไป หรือแม้แต่กลุ่มผู้เล่นที่ชอบ JRPG เอง ก็อาจจะไม่ชอบเกมนี้ก็ได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ถ้าเล่น Shin Megami Tensei ในแบบ Merciful แล้วยังรู้สึกว่าชีวิตมันง่ายเกินไป ก็ขอให้แนะนำมาลองเกมนี้ดู
จะว่าไปนิยามของคำว่า Persona but Dark Souls เนี่ย มันเอามาใช้กับเกมนี้ได้เลยแบบ 100% จริง ๆ นะ
Clair Obscur: Expedition 33 จะวางจำหน่ายในวันที่ 24 เมษายน 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ ทั้งบน PC,PS5,Xbox Serise X/S ครับผม