Our score
7.7Poochy & Yoshi’s Woolly World
จุดเด่น
- เกมเพลย์ 2 มิติที่สนุก
- เกมยาวคุ้มค่า
- มีความท้าทายในโหมดปรกติ
จุดสังเกต
- ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าที่ควร
- หากคุณเล่น WiiU มาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเล่นอีก
-
กราฟิก
7.0
-
เกมเพลย์
8.5
-
ความแปลกใหม่
7.0
-
ความคุ้มค่า
8.0
-
ภาพรวม
8.0
ในยุคนี้เกม 2 มิติหากไม่ใช่ซีรีส์ดังๆก็จะไปออกบนเครื่องพกพาหรือสมาร์ทโฟนกันหมด ไม่ค่อยมีการลงทุนทำเกมฟอร์มยักษ์ มีเฉพาะค่าย Nintendo ที่ยังคงสานต่อเกม 2D อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดมีการนำซีรีส์ Yoshi’s กลับมาทำใหม่อีกครั้งลงบน 3DS
โดย Poochy & Yoshi’s Woolly World ไม่ใช่เกมใหม่แต่เป็นการนำภาคบน WiiU มาสร้างใหม่บน 3DS โดยมันไม่ใช่การพอร์ทมาแบบตรงๆแต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แน่นอนว่าอย่างแรกที่ได้สัมผัสกันคือกราฟิกที่ด้อยกว่าต้นฉบับมาก เพราะมันเป็นการย้ายบ้านจากบนโฮมคอนโซล WiiU มาสู่เครื่องพกพาอย่าง 3DS ทำให้ทุกอย่างโดนลดรายละเอียดหมด แต่ถ้าไม่คิดมากอะไรมันก็คือเกมบนเครื่องพกพาที่มีกราฟิกน่ารักและดูดีมากเมื่อมาอยู่หน้าจอขนาดเล็ก
โดยจุดเด่นของเกมนอกจากความน่ารักของตัวละครแล้ว โลกทั้งหมดของเกมยังจะถูกสร้างด้วย ผืนผ้า และเส้นด้าย นำมาเรียงร้อยกันเป็นทั้งฉาก และตัวละครที่ทำให้มันดูแปลกตามาก แม้ว่าการมาในครั้งนี้จะไม่ใช่แบบ HD ก็ยังคงดูดีเหมือนเดิม และการที่ฉากทำมาจากผ้าทั้งหมดทำให้เกิดไอเดียแปลกใหม่ในการเล่นเกมแอ็คชั่น เพราะผู้เล่นสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยการใช้เส้นด้าย หรือจะทำลายเพื่อเปิดทางไปต่อด้วยการดึงเส้นด้ายที่ถูกผูกไว้เป็นปม แน่นอนว่าต้องมีทางลับซุกซ่อนอยู่ในฉากชนิดคุณคาดไม่ถึงแน่
รูปแบบการเล่นหลักๆแล้วมันยังคงเป็นแอ็คชั่น 2D มุมมองด้านข้าง แบบเกมซีรีส์ Yoshi ในอดีต แต่คราวนี้เราจะไม่ต้องคอยปกป้อง Baby Mario แล้วทำให้สบายตัวมากขึ้นโดย Yoshi ยังคงมีอาวุธเป็นไข่ที่นอกจากมีให้เก็บในฉาก หรือได้มาจากการกินศัตรู จุดเด่นอยู่ที่ความซับซ้อนของฉาก ที่มีสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง และดึงเอาไอเดียหลักของเกมที่สร้างด้วยผ้ามาใช้เป็นด่านได้อย่างลงตัวมาก เพราะมันจำลองสิ่งต่างๆที่อยู่ในซีรีส์ Yoshi ออกมาได้ครบหมด ไม่ว่าจะเป็นทราย ที่จำลองมาจากผ้าสีเหลือง หรือผ้าสีแดงเพลิงที่ถูกใช้แทนลาวาจากภูเขาไฟ
สิ่งที่ต้องชมคือทีมงานสามารถทำโลก 2D ให้มีมิติที่หลากหลาย แต่ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไป มีการเล่นสลับไปมาระหว่างฉากหลัง และในแต่ละจุดล้วนมีทางลับซ่อนอยู่แทบจะทุกจุด และวิธีการในการผ่านแต่ละจุดมีการคิดสิ่งใหม่ๆมาตลอดไม่ว่าจะเป็นการแก้ปริศนาด้วยการใช้ไฟ หรือค้นหากุญแจในฉาก และยังมีอีกมากมายแทบจะไม่ซ้ำกัน ทำให้ทุกครั้งที่เล่นคุณจะพบกับสิ่งใหม่ๆเสมอ
นอกจากนี้ในบางฉากเราจะได้ไอเทมพิเศษทำให้ Yoshi ของเราแปลงร่างเป็นสิ่งของและยานพาหนะ เช่นเป็นร่มที่ใช้บินได้ , รถมอเตอร์ไซค์ หรือจะขยายให้ตัวใหญ่ยักษ์ที่ทำลายได้ทั้งฉาก ทำให้การเล่นยิ่งสนุกขึ้นหลายเท่า และจุดเด่นอันเป็นชื่อของภาคนี้คือการมาของ Poochy ที่เป็นผู้ช่วยของ Yoshi มาตลอด และในคราวนี้มันมีบทบาทมากกว่าเดิม โดยมันจะช่วยเปิดทางในส่วนที่เราไปไม่ได้ เช่น Poochy เดินบนพื้นหนามได้และเราก็ต้องขี่มันไป และยังมีอีกหลายสิ่งที่มันทำได้มากกว่าภาคต้นฉบับด้วย
และหากคุณกำลังมองว่ามันคือเกมง่ายๆสำหรับเด็กๆเพราะกราฟิกสุดน่ารัก บอกได้เลยว่าคิดผิด เพราะมันมีความท้าทายอยู่พอตัว ศัตรูในเกมก็มีหลากหลายรูปแบบที่อัพเกรดมาเพื่อให้อาวุธที่เป็นไข่ใช้งานลำบาก แถมกับดักในฉาก ก็โผล่มาแบบให้เราประหลาดใจมาก และแน่นอนว่าเราอาจพลาดตายได้ง่ายๆหากคุณไม่ได้เชี่ยวชาญเกม 2D ส่วนบอสก็เหมือนกับเกมแนวเดียวกันของ Nintendo ที่ผู้เล่นต้องหาวิธีกำจัด ด้วยรูปแบบที่ต้องค้นหาจุดอ่อนถึงจะกำจัดได้ แม้ไม่ได้แปลกใหม่แต่ทุกตัวก็มาในรูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน
อย่างไรก็ตามปู่นินก็ไม่ใจร้ายจนเกินไปได้ใส่โหมด Mellow ที่อัพเกรดพลังชีวิตให้เพิ่มเป็น 2 เท่า และตัว Yoshi ก็จะมีปีกทำให้ลอยตัวกลางอากาศได้แบบไม่มีเวลาจำกัด และยังมี Poochy ตัวจิ๋วที่เราใช้งานได้แทนไข่ ได้แบบไม่จำกัด รวมทั้งมันยังช่วนกำจัดศัตรู และบอกใบ้ทางลับในฉากด้วย เรียกว่าง่ายแบบสุดๆ ทำให้มือใหม่เล่นจบได้ไม่ยาก
ปิดท้ายกับการปรับแต่ง สีของตัว Yoshi ได้แบบละเอียดทำให้เราสร้างสรรค์ตัวละครของเราได้หลากหลายมากกว่าเดิม อีกทั้งเกมรองรับตุ๊กตา amiibo ที่มีทั้งตัวเก่าที่ออกมาแล้วและลายพิเศษที่ทำมาเฉพาะเกม Poochy & Yoshi’s Woolly World นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถนั่งเก็บเพชรในเกมเพื่อมาซื้อไอเทมพิเศษที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกเราระหว่างเล่นเช่นช่วยไม่ให้เราตายเพราะตกเหว หรือทำให้ Yoshi เราปล่อยกระสุนที่ทำจากเมล็ดแตงโมได้
สำหรับการกลับมาอีกครั้งของ Yoshi ในเกม Poochy & Yoshi’s Woolly World ถือว่าทำออกมาได้ดีเกินคาด แม้ว่ากราฟิกในเกมจะถูกย่อลงตามสเปกของเครื่องเกม แต่ความสนุกของเกม 2 มิติถือว่ายังคงจัดเต็ม แถมยังเสริมเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆเข้ามาด้วย และถือว่าเป็นต้นแบบของแอ็คชั่น 2D ยุคใหม่ที่หลายเกมควรจะเดินรอยตาม