หากพูดถึงเกมแนวการกดจังหวะให้เข้ากับดนตรี หรือที่เรียกกันว่า Rhythm Game หลายๆคนคงจะนึกถึงเกมอย่าง , O2Jam หรือซีรี่ส์ Beatmania กันเป็นแน่แท้ วิธีการเล่นก็ไม่มีอะไรมากเลย นอกจากกดปุ่มให้ตรงสีและตรงจังหว่ะของเพลงเท่านั้น รูปแบบของเกมจะเป็นแบบ Arcade Game ที่วัดฝีมือกับผู้เล่นคนๆ อื่นผ่านคะแนน เกมแนวๆ นี้ค่อนข้างได้รับความนิยมในระดับนึง หลังจากนั้นก็มีเกมอย่าง Guitar Freak, Drum Mania และ Guitar Hero ออกมาวางสู่ตลาด โดยพื้นฐานแล้วตัวเกมก็ยังคล้ายๆกับ Beatmania แต่ที่ต่างไปคือ Controller ที่ผู้เล่นต้องใช้ก็คือ Guitar

โดยเจ้าเกม Guitar Hero นี่นั้นประสบความสำเร็จมากทั่วโลก เนื่องจากว่าสามารถเล่นได้จากเครื่องคอนโซลที่บ้าน และอุปกรณ์ก็มีราคาที่ไม่แพง ตัวเกมจะมีระดับความยากไปตั้งแต่ Easy จนถึง Expert แต่อย่างไรก็ตาม มีคนมากมายในโลกอินเตอร์ที่คิดว่าควรจะเอาเวลาไปหัดเล่นกีตาร์จริงๆ มากกว่ามาเล่น Plastic Guitar with 5 button จากวันนั้นจนถึงวันนี้ Ubisoft ก็ได้ทำให้ความฝันของเกมเมอร์ที่มีสายเลือดนักดนตรีทุกคนเป็นจริงขึ้นมา โดยการปล่อยเกมที่ชื่อว่า Rocksmith ออกมาในปี 2011 ครับ

“บอกลากีตาร์ 5 ปุ่มได้เลย”

Rocksmith นั้นส่วนตัวผมแล้วมองว่ามันคือโปรแกรมสำหรับมือกีตาร์/เบส มากกว่าวิดีโอเกมครับ มีอยู่เพียง 2 สิ่งที่จะทำให้มันเป็นเหมือนวิดีโอเกมได้ก็คือ การเล่นโน้ตให้ถูกจังหวะกับเพลง คล้ายๆ กับ Guitar Hero แต่คราวนี้เราจะเล่นกับกีตาร์ของจริง ที่มี 6 สาย 22-24 เฟรต นั้นเองครับ อีกทั้งตัวเกมยังคงมีโหมดการเล่น Guitarcade ที่เป็นเหมือน Mini Game ให้เราเล่น แต่จะแตกต่างไปตรงที่ว่า Controller ของเราคือกีตาร์ ไม่ใช่ Joy Controller ทั่วไปครับ

“All new 2014 Remaster”

ตัวเกม Rocksmith นั้นมีอยู่ทั้งหมด 2 ภาคด้วยกัน ภาคแรกวางขายเมื่อปี 2011 จนในปี 2014 Ubisoft ได้ออกตัวเกม Rocksmith 2014 Edition Remaster ออกมาในภายหลัง โดยสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน เวอร์ชั่น 2014 นั้นส่วนมากจะเป็นการแก้ไข ปรับปรุงระบบภายในตัวเกมมากกว่า เช่นรองรับการใช้ Microphone สำหรับกีตาร์โปร่ง และระบบฝึกสอนการเล่น สำหรับมือใหม่ชนิดที่ว่าสอนตั้งแต่การจับวางกีตาร์ การถือปิ๊ก ไปจนบทเรียนระดับสูงเลยล่ะครับ และก็ยังเพิ่มระบบอื่นๆ เข้ามามากมาย เช่นการปรับแต่ง Amp เพิ่ม/ลบ Effect การตั้งสาย เรียกได้ว่ามีเกม Rocksmith 2014 ก็เท่ากับว่ามีทุกอย่างให้ใช้ครบเลยล่ะครับ


The Gear Rig


ก่อนที่เราจะเริ่มเล่นเจ้าเกมนี้ แน่นอนว่าก็ต้องพูดถึงอุปกรณ์กันเป็นอย่างแรก ก็ไม่มีอะไรมากครับ กีตาร์ไฟฟ้า หรือ เบส 1 ตัว สาย Real Tone Cable (หากไม่มีสายสามารถใช้การต่อแบบ Line In ผ่าน Soundcard ได้) และแน่นอนตัวเกม Rocksmith 2014 เท่านี้ผู้เล่นก็พร้อมที่จะ Rock แล้วครับ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับเหล่ามือโปรทั้งหลาย ที่อาจจะไม่พอใจกับระบบเสียงภายในตัวเกม ผู้เล่นสามารถใช้การต่อผ่านตู้ Amp ก่อนที่จะมาเข้าในเกมได้เช่นกันครับ รวมไปถึงภาค Effect ต่างๆที่สามารถใช้แยกกับในตัวเกมได้ด้วย โดยตัวเกมจะทำหน้าที่รับสัญญาณมาจากตัวกีตาร์ แต่ไม่ออกเสียงผ่านลำโพง Speaker เพราะผู้เล่นบางคนต้องการฟังเสียงกีตาร์จากตู้ Amp ของตัวเองมากกว่า ส่วนหากใครที่กังวลเรื่องสัญญาณขาด หรือ Delay นั้นหมดห่วงไปได้เลยครับ เพราะในเวอร์ชั่น 2014 นั้นได้แก้ปัญหานี้จนแทบจะหมดไปแล้ว จากประสบการณ์ส่วนตัวผมที่เล่นมานานมากแล้วยังไม่เคยเจอปัญหาใดๆที่เกี่ยวกับสัญญาณเลยครับ

“Set อุปกรณ์ง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้าน”

อุปกรณ์ที่ผมใช้ ก็ไม่ใช่ของแพงอะไร อีกทั้งยังต่อตรงจากกีตาร์ เข้าคอมโดยไม่ผ่าน effect หรือตู้ amp เลยอีกด้วย เพื่อความเที่ยงตรงของเสียงที่ตัวเกมส่งผ่าน Speaker มาให้ผมครับ กีตาร์ที่ผมใช้เป็นทรง Les Paul จาก Junior by Clevan ต่อผ่านสาย Real Tone Cable เสียงออกจาก Speaker ธรรมดาๆของ PC ที่ตัวกีตาร์ผมปรับ Volume 10 ทั้ง 2 Pickup และ Tone อยู่ที่ 5-6 ทั้งสอง Pickup เช่นกันครับ


ทดสอบเสียง Clean โดยปรับ Amp เอาผ่านในเกมดังรูป และใช้ Effect Compression ธรรมดาโดยปรับไว้ไม่สูงมาก ใช้ Neck Pickup ตัวเดียวครับ

“ตัวอย่างเสียงที่ได้ออกมาฟังได้ด้านล่าง”


ทดสอบเสียงแตก หรือที่เรียกกันว่า Distortion โดยผมใช้ Setting Amp แบบด้านบน โดยเพิ่ม Gain มาเป็น 30 และใช้ Effect Germanium Overdrive เสริมเข้าไป แน่นอนว่ายังคงใช้ Neck Pickup อย่างเดียวเช่นเดิมครับ

“ตัวอย่างเสียงที่ได้ออกมาฟังได้ด้านล่าง”


“Studio Mixer Rack ที่จัดเต็มสำหรับคนที่ชอบการปรับ EQ”

นอกเหนือจากนี้แล้ว ผู้เล่นสามารถปรับแต่ง Amp ของตัวเองได้อย่างอิสระ แน่นอนว่ารวมไปถึง Effect ที่มีให้เลือกมากว่า 10 ชนิด หลากหลายยี่ห้อ สามารถเลือกได้ว่าจะเป็น Pre ก่อนเข้า Amp หรือ Loop ก่อนเข้า Cabinet อีกทั้งเรายังสามารถปรับ Mixer Rack ได้ด้วยตนเอง ซึ่งผมบอกเลยว่าผมเองก็ปรับไม่เป็น และอาศัยปรับตามผู้เล่นท่านอื่นๆ ตาม Youtube เอาเพื่อให้ได้เสียงที่ตัวเองต้องการ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็น Highlight เลยก็คือ นอกจาก Effect ต่างๆแล้วในส่วนของตู้ Amp นั้นตัวเกม Rocksmith จะได้ลิขสิทธิ์จากผู้ผลิตชั้นนำต่างๆ อาทิเช่น Marshell,Orange,Gibson,Eden ให้นำตู้ Amp ที่มีตัวตนจริงไปไว้ในเกมอีกด้วย

“ถึงไม่รวย ก็สามารถใช้ Amp ระดับโลกได้ !!”

การเล่นกีตาร์แล้วอย่างนึงที่สำคัญไปไม่แพ้กว่าการปรับเสียงหน้าตู้ Amp ก็คือ Tuner ครับ การจูนสายกีตาร์นั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งแรกๆที่ผู้ที่หัดเล่นกีตาร์ควรจะเรียนรู้ไว้ มือกีตาร์เก่งๆบางคนจะสามารถจูนสายได้โดยไม่ต้องใช้ Tuner เลยก็มีให้เห็นกันบ้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว การมี Tuner ติดตัวไว้ตลอดก็เป็นเรื่องที่มือกีตาร์หลายๆ คนต้องทำไว้เช่นกัน และแน่นอนว่าใน Rocksmith เองก็มี Tuner เช่นกัน และมันก็ทำออกมาได้ดีมากเลยล่ะ

“ปัญหาในการตั้งสายก็จะหมดไป มือใหม่ก็สามารถทำได้เองง่ายๆ”

การตั้งสายสำหรับการเล่นกีตาร์นั้นมีมากมายหลายรูปแบบมาก นอกจากการตั้งสายแบบ E Standard ทั่วไปแล้ว การตั้งที่นิยมกันมากในเพลง Rock หรือ Metal ต่างๆก็จะมีการตั้งแบบ Drop D หรือ Eb Drop Db ไปจนถึงการตั้งสายแบบ DADGAD สุดแปลก โดยเพลงที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันกับการตั้งสายแบบนี้ก็คือ Kashmir จาก Led Zeppelin นั้นเองครับ เรียกได้ว่ามีครบทุกแบบ ทุกสไตล์ แต่อย่างไรก็ตามผู้เล่นไม่สามารถ Custom Tuner เองได้ ยกตัวอย่างเช่นผมอยากจะตั้งสายแบบ ABCDEG ก็คงจะไม่สามารถทำได้ เพราะเราไม่สามารถ Custom Tuner ได้ทีละสายนั้นเองครับ

“อยากจะตั้งแบบไหน ก็เลือกเอาตามความชอบได้เลย”


The Lesson


“เริ่มต้นจากการใส่สายสะพาย การถือกีตาร์ ไปยันการดีดเบื้องต้น”

เอาล่ะ เมื่อทำการ Setup อุปกรณ์เสร็จแล้วก็ถึงเวลาเล่นสักที สำหรับมือใหม่แล้วสิ่งที่หลายๆคนน่าจะต้องการมากที่สุดก็คือบทเรียนฝึกสอนเบื้องต้น อย่างที่ผมบอกไปในตอนแรกว่าในเกม Rocksmith นี้นั้นมีบทเรียนตั้งแต่การจับกีตาร์ จนไปถึงการเล่นระดับสูงเลยทีเดียว ผู้เล่นมือใหม่สามารถฝึกซ้อมได้ผ่านการเรียนผ่านบทเรียนเหล่านี้ เมื่อเรียนรู้ได้ในระดับนึงแล้ว ผู้เล่นสามารถเริ่มหัดเล่นเพลงจริงๆได้ผ่านโหมด Learn a Song ได้ทันที ในหัวข้อนี้ผมจะขอพูดถึงไปส่วนๆไป เริ่มต้นจากที่โหมด Lesson หรือบทเรียนก่อนครับ

“บทเรียน Palm mutes เบื้องต้น”

ในโหมด Lesson นั้นตัวเกมจะให้ผู้เล่นเลือกบทเรียนที่ตัวเองต้องการ จากนั้นตัวเกมจะพาเราเข้าสู่บทเรียนโดยทันที โดยที่จะมี Guide Navigator คอยแนะนำเราผ่านวิดิโอที่ขึ้นแสดงตัวอย่างการเล่นในแต่ละบทเรียนนั้นๆมาให้เราได้ดู เมื่ออธิบายเสร็จแล้ว ตัวเกมก็จะตัดเข้าสู่ Learn Session ให้ตัวผู้เล่นได้ทดลองทำสิ่งที่บทเรียนได้สอนไป เช่นการดีดคอร์ด, Palm Mute, Power Chord หลายๆคีย์ หากผู้เล่นทำสำเร็จจะผ่านบทเรียนนั้นๆ

“บทเรียน Power Chord ใน Learn Session”

แต่ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าการผ่านมันจะง่ายครับ สิ่งที่ผมชอบในบทเรียนนี้ก็คือ ตัวเกม และ Guide Navigator นั้นฉลาดมาก ยกตัวอย่างเช่นในบทเรียน Power Chord หากเรากดสาย A ไม่แน่น ตัวเกมจะบอกเราทันทีว่าเรากดสาย A ไม่แน่น ให้เราลองดูใหม่ หรือในบทเรียนคอร์ดเบื้องต้น การจับคอร์ด C หากเราดันไปจับคอร์ด Fma7 แทน ตัวเกมก็จะรับรู้ได้ และบอกเราทันทีว่าเราจับคอร์ด Fma7 อยู่นะ ไม่ใช่คอร์ด C อีกทั้งมันยังสามารถเจาะจงไปที่แต่ละนิ้วของเราได้เลย และรู้ทันทีว่านิ้วไหนของเราที่มีปัญหาอยู่ และใน Learn Session ในขณะที่เรากำลังเล่น Practice tracks อยู่นั้น หากเราเล่นไม่ได้ ตัวเกมก็จะเพิ่มลดสปีดให้ตามความเหมาะสมของเรา จนเมื่อเราเล่นได้ดีแล้ว ตัวเกมก็จะปรับสปีดให้คงเดิมเพื่อให้ผ่านบทเรียนนั้นๆอีกด้วยครับ

“สงสัยเรื่องคอร์ด ? เกมนี้มีให้คุณดูแถบจะทุกคอร์ดครับ”


Learn A Song


เป็นโหมดที่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่ และ มือโปรอยู่แล้วครับ ในโหมดนี้ก็ตามชื่อเลยครับว่าเป็นการเรียนรู้เพลงจริงๆ เมื่อเราเลือกเพลงที่ต้องการจะเรียนรู้มาแล้ว ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถเลือกระดับความยากง่ายได้ มีทั้งแต่ 1 ไปถึง 100 ด้วยระดับที่มากขึ้น ตัวโน้ตก็จะเยอะขึ้น การดีดก็จะมากขึ้นจนใกล้เคียงกับเพลงจริงๆเลยทีเดียว บางกรณีเช่นอย่างเพลง Rock ที่ใช้ Power Chord เป็นหลักหากเราปรับระดับ ที่ไม่สูงมา เราอาจจะเจอโน็ตคู่ 5 แบบกดเพียงแค่สาย E กับสาย A แต่ถ้าหากเราเพิ่มระดับความยากไปมากยิ่งขึ้น โน็ตตัวเดิมท่อนเดิมที่เราเล่นก็จะเปลี่ยนเป็นคู่ 8 โดยการเพิ่มสาย D เข้ามาให้กดเพิ่มทันที แบบนี้เป็นต้นครับ

Riff เพลง In bloom – Nirvana ที่ระดับความยาก 100

นอกจากเรื่องระดับความยากแล้วก็จะมีเรื่อง Speed เข้ามาเกี่ยวข้อง เราจะสามารถปรับ Speed ได้ตั้งแต่ 1-100 เช่นกัน หากในบางเพลงที่มี Solo ตัวโน็ตเยอะๆ ก็จะง่ายต่อการฝึกและจดจำครับ แต่สิ่งที่เป็น Highlight ของระบบนี้เลยก็คือ Riff Repeater ครับ ระบบนี้ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถเลือกท่อนใดท่อนนึงของเพลงนั้นๆก็ได้ จะเลือกระดับความยาวเท่าไรก็ตามใจชอบ มาฝึกแค่เฉพาะท่อนนั้นๆครับ และเมื่อเริ่มเล่นจนจบท่อนนั้นแล้ว ตัวเกมก็จะเริ่มต้นท่อนที่เราเลือกไว้ให้ใหม่โดยทันที อีกทั้งยังมีระบบ Level up และ Speed up ที่ถ้าหากผู้เล่นตั้งค่าระดับไว้ต่ำๆ เมื่อเราเล่นได้ดียิ่งขึ้น ตัวเกมก็จะปรับเพิ่มลดให้เข้ากับเรามากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

“จุดเด่นหลักๆ ของโหมด Learn a Song”


Let’s Rock


ในหัวข้อนี้ ผมขอไม่พูดถึงโหมด Non-Stop Play หรือโหมดเก็บคะแนนต่างๆนะครับ เนื่องจากว่าเป็นมันมีความคล้ายกับโหมด Learn a Song อยู่แล้ว แตกต่างเพียงแค่มันมีการเก็บสกอร์ไปวัดกับผู้เล่นคนอื่นๆใน Leaderboard ครับ

“Session Mode ผมว่ามันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด สำหรับโปรแกรมกีตาร์”

จริงๆต้องบอกว่านอกจาก Rocksmith แล้วเนี่ย มันก็มีโปรแกรมกีตาร์ที่มีความสามารถคล้ายๆกันอยู่นะครับ จะแตกต่างกันก็แค่มันไม่มีโหมดฝึกสอนมาให้เท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ผมคิดว่า Rocksmith มันจะกลายเป็นโปรแกรมกีตาร์ (หรือวิดิโอเกม) ที่ดีที่สุด ก็คือไอ่เจ้า Session Mode นี่ล่ะครับ อธิบายง่ายๆเลยก็คือโหมดนี้จะเป็นเหมือนการ Jam กันระหว่างเครื่องดนตรีตามชนิดที่เราเลือก โดยคนที่มา Jam กับเราก็ไม่ใช่ใคร แต่มันก็คือเจ้าตัวเกมเองนี่ล่ะครับ ไงล่ะฟังดูดีมากเลยใช่ไหม

“แนว Rock ก็มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ”

เริ่มต้นกันก่อนที่จากเลือกเครื่องดนตรี แน่นอนครับว่ามีให้เลือกไปตั้งแต่ Classic Rock,Metal,Blues,Funk ลากยาวไปจนถึง Electronic เลยครับ และเราก็สามารถปรับ Tempo ของเพลงเองได้ว่าจะเอาช้าหรือเร็วขนาดนั้น ปรับ Root และ Scale เองได้ทั้งหมด หากไม่มีแนวไหนถูกใจ ผู้เล่นก็สามารถปรับแต่งเครื่องดนตรีเองได้ทั้งหมดนอกเหนือจากที่ตัวเกม Set มาให้เองได้เช่นกันครับ และเมื่อเริ่ม Session แล้วตัวเกมจะตัดเข้าสู่โหมด Standby ทันที หากเราเริ่มดีดกีตาร์ของเราเองเมื่อไร เครื่องดนตรีชนิดอื่นๆก็จะเริ่ม Jam เองครับ

“Jam กันได้ทั้งวัน ยันเช้า”

ทีนี้ปัญหาที่ถามตามมาก็คือ มันจะไม่มั่วหรอ มันจะ Jam กันได้จริงๆหรอ หลังจากที่ผมงมกับไอ่โหมดนี้อยู่นานมากๆ ช่่วงแรกๆที่เล่นต้องบอกเลยครับว่าโครตมั่ว แต่พอลองค่อยๆเล่นและจับจุดไปเรื่อยๆ เริ่มเล่นโน็ตตามสเกลที่ตั้งไว้ปรากฎว่ามันก็ออกมาได้สมบูรณ์แบบ และมันให้ความรู้สึกที่ดีมากๆครับ อีกทั้งมันยังฝึกให้เราเล่นกีตาร์ได้เข้าจังหว่ะกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆอีกด้วย สำหรับใครที่หากกลัวว่าจะเล่นได้ไม่ตรงจังหว่ะ ตัวเกมก็ยังมี Metronome มาให้อีกด้วยครับ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะที่เรากำลังเล่นอยู่นั้นตัวเกมมีความเป็น Dynamic ค่อนข้างสูง เช่นหากจังหว่ะนี้เราเล่นเร็วมากๆ เครื่องดนตรีชนิดอื่นๆก็จะเร็วตามเรา และ Tempo ก็จะเพิ่มขึ้นทันที แต่มันก็จะกลับมาเท่าเดิมในเวลาต่อมาครับ เรื่องนี้อาจจะอธิบายยากสักหน่อย ต้องลองเล่นเองจริงๆครับ


Let’s Play


“Arcade Game + Guitar = Guitarcade”

หัวข้อสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงเกี่ยวกับ Rocksmith นี้ก็คือโหมด Guitarcade ครับ เรียกง่ายๆว่ามันก็คือ Arcade Game นั้นแล่ะ อย่างที่ผมเคยเกริ่นไว้ในตอนแรกว่าเกมนี้มันจะมีโหมดการเล่นเกม Arcade โดยใช้กีตาร์เป็น Controller ครั้งแรกที่ผมได้ยิน ผมพยายามคิดอยู่ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนกัน และหลังจากได้ลองเล่นดูก็พบว่ามันสนุก เล่นคลายเครียด และสร้างเสียงหัวเราะหากเล่นกับเพื่อนๆได้เป็นอย่างดีเลยครับ

“มีเกมให้เลือกเล่นเยอะมาก จนผมก็ยังเล่นไม่ครบ”

ในโหมด Guitarcade นั้นมันจะแบ่งย่อยออกไปเป็น 2 โหมดย่อยได้แก่ Technique Game กับ Score Attack สำหรับในโหมด Score Attack นั้นก็จะเหมือนกับเกมอย่าง Guitar Hero อันดับแรกก็ต้องเลือกเพลงที่จะเล่น จากนั้นผู้เล่นก็ต้องเลือกระดับความยากจะมีระดับความยากให้เล่นตั้งแต่ Easy Normal Hard Master (Expert) และเอาคะแนนไปวัดกับผู้เล่นคนอื่นๆใน Leaderboard ซึ่งในส่วนนี้ก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่ในโหมด Technique Game ผมว่ามันเป็นอะไรที่สนุก และมีเปิดมิติใหม่ให้กับการเล่นเกมเป็นอย่างมาก

“ดีดสายให้ถูกเส้น อย่าให้ศัตรูมาถึงเค้าเตอร์บาร์ได้”

ยกตัวอย่างเกมที่ผมชอบที่สุดอย่าง Sting Skip Saloon ในเกมนี้วิธีการเล่นก็คือ ตัวเกมจะแบ่งไลน์ออกไป 6 เส้นทาง โดยแต่ละเส้นทางก็จะแทนค่าตามสายกีตาร์ตั้งแต่สาย 1-6 เมื่อเกมเริ่ม จะมีศัตรูวิ่งมาตามไลน์ต่างๆ ผู้เล่นจะต้องดีดสายให้ถูกไลน์เพื่อที่จะจัดการศัตรูในไลน์นั้นๆให้ได้ เมื่อเวลายิ่งผ่านไปนาน ศัตรูก็จะมาเยอะขึ้น ความเร็วก็จะมากยิ่งขึ้น นอกจากให้ความสนุกแล้ว มันยังฝึกทักษะการดีดสายเฉพาะเส้นให้กับตัวผู้เล่นอีกด้วย


จากที่เราได้เห็นครับว่า Rocksmith นั้นมันเป็นมากกว่าวิดิโอเกมจริงๆ นอกเหนือจากนี้แล้วสิ่งที่ผมคิดว่า Rocksmith ได้ประสบความสำเร็จที่สุด ไม่ใช่เรื่องยอดขาย หรือการที่ตัวเกมได้รับคำชมจากสำนักรีวิวต่างๆ แต่ผมคิดว่ามันทำให้คนที่ไม่เคยเล่นกีตาร์ หรือมีความคิดที่ไม่อยากจะฝึกมันเพราะหลายๆเหตุผล ได้ Sit Down และค่อยๆเรียนรู้ไปพร้อมกับมันผ่านเกมนี้ครับ ต้องขอขอบคุณ Ubisoft ที่ได้พัฒนา Sotfware ดีๆแบบนี้ออกมาให้นักดนตรีที่มีหัวใจเกมเมอร์ทุกคนได้สนุกไปกับมันครับ

ทิ้งท้ายกันนิดหน่อย จนมาถึงตอนนี้ผมต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่อ่านจนจบ อย่างไรผมก็ต้องขอบอกก่อนว่าตัวผมเองไม่ได้มีความรู้ในด้านของกีตาร์มากสักเท่าไรนัก ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยด้วยครับ ที่นี้ ผมขอกลับมาพูดเรื่องประเด็นหลักที่ผมคิดว่าหลายๆคนน่าจะเจอมาบ้าง สำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่น Rhythem Game อย่าง Guitar Hero, Rock Band นั้นได้เจอกันมาตลอด นั้นก็คือคำพูดที่ว่า “จะเล่นไปทำไม ไปเล่นกีตาร์จริงๆดีกว่า” ตรงนี้ผมอยากจะให้ใครหลายๆคนลองเปลี่ยนมุมมอง และแยกแยะระหว่าง “วิดิโอเกม” กับ “การเล่นดนตรี” ดูนิดนึงครับ มันอาจจะจริงที่การเล่นกีตาร์ 5 ปุ่มมันไม่ช่วยอะไรเลย แต่ผมว่ามันคือแรงบันดาลใจที่ดีมากๆ ให้นักเล่นเกมเหล่านี้ได้มาลองเล่นกีตาร์จริงๆดูครับ

Rocksmith 2014 Edition – Remastered ขณะนี้ได้ลดราคาอยู่ใน Steam 50% เหลือเพียง 364 บาท ข้อมูลวันที่ 1 กรกฎาคม 2017 – http://store.steampowered.com/app/221680/