Our score
9.0FINAL FANTASY XIV: Stormblood
จุดเด่น
- เนื้อเรื่อง งานออกแบบศิลป์ และเพลงประกอบที่มีคุณภาพ
- ระบบการเล่น ทุกอาชีพมีเอกลักษณ์
- เนื้อหาเยอะ คุ้มค่า รองรับผู้เล่นหลากหลายสไตล์
จุดสังเกต
- ปัญหาการเชื่อมต่อในช่วงที่มีผู้เล่นหนาแน่น ต้องรอคิวเข้าเซิร์ฟเวอร์
-
กราฟิก และงานออกแบบ
9.5
-
เกมเพลย์
9.0
-
ความแปลกใหม่
8.0
-
ความคุ้มค่า
9.5
-
ภาพรวม
9.0
Stormblood / 紅蓮の解放者 ภาคเสริมล่าสุดของ Final Fantasy XIV ซึ่งเป็น MMO RPG ชูโรงของค่าย Square Enix ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการบน Microsoft Windows, PlayStation 4 และ macOS เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
เนื้อหาที่ Stormblood เพิ่มเข้ามาก็คือ
- เนื้อเรื่องต่อจาก Heavensward (มีทั้งเควสหลักและเควสเสริม)
- แอเรียและดันเจี้ยนใหม่ ทั้งภาคพื้นดิน บนฟ้า และใต้ทะเล
- การเพิ่มขีดจำกัดเลเวลให้ตันที่ 70 (แทนที่ของเก่าซึ่งตันที่60)
- เพิ่มอาชีพใหม่คือ ซามูไร (Samurai) และ นักเวทแดง (Red Mage)
- การยกเครื่องระบบต่อสู้ ปรับปรุงสกิลการเล่นใหม่หมดทุกอาชีพ ให้เข้าถึงง่ายและสนุกขึ้น
หลังประสบความสำเร็จจาก A Realm Reborn และ Heavensward (เกมหลักและภาคเสริมของ FFXIV) ทำให้ยอดผู้เล่นรายเดือนของเกมนี้สูงกว่า6ล้านคน (ข้อมูลเดือนกรกฎาคม ปี 2559) Stormblood จึงเป็นที่จับตามองของแฟนๆว่าครั้งนี้ทีมพัฒนาที่นำด้วยนาโอกิ โยชิดะ จะยังรักษาคุณภาพผลงานและตอบรับความคาดหวังได้หรือไม่
STORY
สิบห้าปีก่อน จักรวรรดิการ์เลียน เริ่มแผ่ขยายอำนาจอันเกรียงไกร ด้วยกองทัพเรือเหาะและเครื่องจักรสงคราม เหล่าประเทศเล็กใหญ่ในผืนแผ่นดินอิลซาบาร์ดต้องยอมศิโรราบให้กับจักรวรรดิ เมื่อเหล่าทัพเดินทางรุกล้ำไปยังฝั่งตะวันตกจนมาถึงทวีปอีออร์เซีย ‘อลามิโก’ คือประเทศแรกที่ต้องปะทะกับกองทัพอันทรงพลัง
จักรวรรดิการ์เลียนตระหนักดีว่าอลามิโกเป็นประเทศที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในอีออร์เซีย จึงวางแผนทำลายความสามัคคีของชาวอลามิโกเพื่อให้ง่ายต่อการสู้รบ จักรวรรดิส่งขุนพลไปยุยงให้เกิดปัญหาการเมืองภายในอลามิโกที่กำลังร้านฉานอยู่เป็นทุนเดิม จนเกิดสงครามกลางเมือง และนำทัพจักรกลเข้าจู่โจมในตอนที่อลามิโกอ่อนแอ ผืนดินอันร้อนระอุถูกชโลมด้วยเลือดกลายเป็นสีแดงฉาน
อลามิโกล่มสลายเสียแล้ว จากนี้ไป วัฒนธรรมของอลามิโกจะถูกลืม เด็กทุกคนที่เกิดมาจะต้องจงรักภักดีต่อจักรวรรดิ คนแก่เฒ่าท้องถิ่นถูกดูถูกเหยียดหยามเป็นดั่งพลเมืองชั้นสอง ประเทศที่เคยรุ่งโรจน์จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการ์เลียนอันยิ่งใหญ่ ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ส่วนหนึ่งพยายามหลบหนีการตามล่าของการ์เลียนไปยังประเทศใกล้เคียง รอคอยวันที่จะได้กลับไปเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง…
กาลเวลาผ่านมาจนถึงเวลาปัจจุบัน กองกำลังต่อต้านจากอดีตนักรบและประชาชนอลามิโก ตกลงใจจะกู้คืนอิสรภาพจากจักรวรรดิเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะทุ่มสุดกำลัง ในศึกครั้งนี้มีเพียงสองทางเลือก เสรีภาพหรือความตาย
นักรบแห่งแสงจึงตัดสินใจร่วมต่อกรภัยร้ายของจักรวรรดิเพื่อช่วยเหลือเพื่อนเก่า ‘ลีซ’ และปลดปล่อยเหล่าเมืองขึ้นให้เป็นอิสระ
เนื้อหาของ Stormblood เป็นเรื่องต่อเนื่องจากภาคเสริมที่แล้ว (ต่อจาก Heavensward) โดยยังคงแนวทางการนำเสนอแบบเดิม คือเป็นเกมออนไลน์ที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้นเหมือนเกมภาคหลัก ให้ความรู้สึกแบบ Final Fantasy คลาสสิกผ่านคัทซีนอลังการ ได้สร้างความผูกพันกับเพื่อนร่วมทาง พบเจอกับศัตรูและบอสประจำซีรีส์ ขยี้หัวใจด้วยเนื้อเรื่องที่บีบคั้น ก่อนจะพบฉากจบที่อิ่มเอม
ตัวละครหลักทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ใน Stormblood ถือได้ว่ามีชีวิตชีวาและบทบาทที่น่าสนใจ แต่ละตัวมีจุดมุ่งหมายของตัวเอง แม้จะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่หลักการก็ต่างกันไปตามเรื่องราวของแต่ละคน ทำให้เป็นตัวละครที่มีมิติ มีพัฒนาการระหว่างเนื้อเรื่อง อาจจะมีข้อขัดใจที่ตัวละครฝั่งการ์เลียนบางตัวบทน้อยเกินไป แต่ก็คงจะทิ้งเป็นปมเอาไว้ในเนื้อเรื่องในอนาคต
ด้านเนื้อเรื่องหลักนั้นเรียบง่ายและค่อนข้างรวบรัด ให้อารมณ์ผู้กล้ากอบกู้แผ่นดินแบบคลาสสิก แต่บอกเล่าได้สนุกกลมกล่อมน่าติดตาม ส่วนเนื้อหารองพวกเควสเสริมต่างๆจะบอกเล่าประวัติ,วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในดินแดนใหม่ที่เราจะได้ท่องไป เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางเนื้อเรื่องที่อ้างอิงวัฒนธรรมทางเอเชียผสมผสานเข้ากับโลกแฟนตาซีเหล่านี้ก็สร้างความแปลกใหม่และเติมเต็มความหลากหลายในเกมได้เป็นอย่างดี จากที่แต่เดิมมีแต่ความเป็นแฟนตาซีแนวยุโรป
GAMEPLAY
ระบบต่อสู้ ยังคงแบ่งหน้าที่ผู้เล่นเป็นสามหมวดหลัก รองรับสไตล์การเล่นของผู้เล่นแต่ละคนที่แตกต่างกัน โดยอาชีพใหม่ล่าสุดที่เพิ่มเข้ามาในภาคเสริมนี้ก็คือ ซามูไร (Samurai) และ นักเวทแดง (Red Mage) ทำให้จำนวนอาชีพด้านการต่อสู้ทั้งหมดในเกมตอนนี้มีจำนวนอยู่ที่ 15 อาชีพ ซึ่งล้วนแต่เป็นอาชีพอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ FF ที่แฟนๆคุ้นเคยกันดี
Tank
Paladin, Warrior, Dark Knight
Healer
White Mage, Scholar, Astrologian
Damage Dealer
(ระยะประชิด) Dragoon, Monk, Ninja, Samurai
(ระยะไกล) Bard, Machinist
(สายเวท) Black Mage, Summoner, Red Mage
นอกจากการเพิ่มขีดจำกัดเลเวลให้ตันที่ 70 ระบบต่อสู้โดยรวมของทุกอาชีพก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้ง PvE และ PvP ตัดสกิลเก่าที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นทิ้งไป และเพิ่มสกิลใหม่ที่ส่งเสริมการเล่นทั้งแบบลุยเดี่ยวและแบบทีม รวมถึงการปรับเปลี่ยนท่าทางการเคลื่อนไหวให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
จุดที่น่าชมเชยก็คือ การออกแบบการเล่นของแต่ละอาชีพ ที่มีสกิลรับมือสถานการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเล่นเดี่ยวรึเล่นเป็นทีม และหาจุดยืนที่แตกต่างจากกันและกันได้ อาทิ สองอาชีพใหม่อย่างซามูไรและนักเวทแดง แม้จะเป็นตัวโจมตีเหมือนกัน แต่รูปแบบการเล่นก็ต่างกัน ซามูไรเน้นพลังโจมตีอันรุนแรง สอดประสานท่าโจมตีตามลำดับเพื่อปลดปล่อยวิชาดาบ ส่วนนักเวทแดงเป็นสายเวทที่มีความคล่องตัวสูง โจมตีศัตรูด้วยเวทขาวสลับกับเวทดำสะสมเกจพลังเพื่อใช้คอมโบดาบเวทมนตร์ที่ฉับไว
แน่นอนว่าต้องมีความได้เปรียบลดหลั่นกันบ้างตามสถานการณ์ แต่โดยรวมแล้วทุกอาชีพก็สามารถใช้เล่นทุกเนื้อหาของเกมได้ และเนื่องจากในเกมนี้ ตัวละครเดียวก็สามารถเล่นได้ทุกอาชีพ และเปลี่ยนอาชีพได้อย่างอิสระตลอดเวลา (แต่ละอาชีพมีเกจเลเวลแยกกัน เปลี่ยนอาชีพใหม่ เลเวลอาชีพเก่าก็ยังคงอยู่) ทำให้สะดวกที่จะทดลองเล่นทุกบทบาท จนกว่าจะเจออาชีพที่สนุกเข้ากับสไตล์ตัวเองมากที่สุด
ดันเจี้ยนและบอสในภาคนี้มีความยากง่ายหลายระดับ มีทั้งแบบเล่นเป็นกลุ่ม4คน 8คน ซึ่งผู้เล่นเดี่ยวก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีระบบหาปาร์ตี้อัตโนมัติ แต่สำหรับคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่น อาจจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคนต่างชาติในบางจุดที่ต้องนัดแนะกลยุทธ์การเล่นหรือสื่อสารกันเพื่อความสามัคคี ระบบแปลภาษาอัตโนมัติในเกมก็ช่วยได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำให้เล่นในเซิฟเวอร์ที่มีคนไทยอยู่เป็นหลัก (เช่น Tonberry, Masamune, Kujata เป็นต้น)
สำหรับอาชีพสายพ่อค้าและนักหาวัตถุดิบ ก็มีความท้าทายใหม่ อาทิ การตกปลาด้วยฉมวก ตำราอาวุธและเครื่องแต่งกายใหม่ ถือเป็นอีกมิติหนึ่งของความบันเทิง สำหรับผู้ชื่นชอบการค้าขายและการสร้างไอเทมยากๆในเกม
ในด้านของเนื้อหาหลังจบเนื้อเรื่องหลัก ก็จะมีอัพเดตให้ฟรีทุกเดือน (มีแพทช์ใหญ่ทุกสามเดือน) ล่าสุดก็เป็น Omega: Deltascape ที่เป็นด่านรวมบอสสุดท้าทาย (มีทั้งโหมดธรรมดาสำหรับผู้เล่นทั่วไป และโหมดยากสำหรับสายฮาร์ดคอร์) เรียกว่าจบเนื้อเรื่องหลักแล้วก็ยังมีอะไรให้ทำกันอีกยาว
AESTHETIC
การยุติการเปิดให้บริการบนเครื่อง PS3 ช่วยให้ทีมงานได้ปรับปรุงระบบการเล่นให้สะดวกขึ้น (เพิ่มช่องเก็บของ, เพิ่มความเร็วของยานพาหนะ ที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้เพราะปัญหาแรมไม่พอ) และยังทำให้สามารถยกระดับความสวยงามอลังการของงานด้านภาพได้ยิ่งกว่าที่เคย ด้วย ทั้งบนฟ้า พื้นดิน ใต้น้ำ งานออกแบบบอส และท่าโจมตีต่างๆก็ใส่เอฟเฟกต์ได้เต็มที่
การกำกับศิลป์เน้นให้ทุกฉากมีเอกลักษณ์และจุดสังเกตที่โดดเด่น แต่ละพื้นที่จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน อาทิ อาซิมม์สเตปป์เป็นเขตปกครองตนเองซึ่งเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ส่วนเขตแยนเซียที่เป็นเมืองขึ้น ก็จะมีสถาปัตยกรรมเก่าของโดม่าที่ถูกสร้างทับด้วยวิทยาการของการ์เลียน การออกแบบฉากอย่างมีที่มาที่ไป สอดคล้องกับเรื่องราว ทำให้จดจำแต่ละพื้นที่ได้โดยไม่สับสน จะเสียดายก็ตรงที่พื้นที่ใต้ทะเลยังมีให้สำรวจไม่สะใจเท่าไหร่
อสูรและศัตรูที่คุ้นเคย ก็มาปรากฏตัวในรูปโฉมใหม่ แต่ยังคงจุดเด่นบางอย่างเอาไว้ให้แฟนซีรีส์จดจำได้ สำหรับผู้เล่นใหม่อาจจะแค่ตื่นตาตื่นใจกับงานออกแบบสวยๆ แต่สำหรับแฟนซีรีส์ก็จะต้องอมยิ้มว่า เฮ้ย นี่มันตัวนั้นตัวนี้นี่นา โดยรวมแล้วถือว่าการกำกับศิลป์ของภาคนี้เฉิดฉายความเป็นแฟนตาซีออกมาได้อย่างงดงาม
SUMMARY
Stormblood ตอกย้ำความสำเร็จของ FFXIV เป็นเกมที่มีทุกองค์ประกอบที่แฟนๆ ซีรีส์โหยหา เนื้อเรื่องและเกมเพลย์เข้มข้นครบเครื่องครบรส เพลงประกอบอันไพเราะ กราฟิกตระการตา ความสนุกท้าทาย ไม่ด้อยไปกว่าเกม single player และสืบทอดจิตวิญญาณของ Final Fantasy ดั้งเดิมได้ดีที่สุดในยุคหลัง โดยเฉพาะบอสตัวสุดท้ายของภาคนี้ที่จะทำให้ต้องอุทาน บอสใหญ่ของ FF มันต้องแบบนี้สิ!
สำหรับตอนนี่ที่ Stormblood เพิ่งมาถึงก็เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับผู้เล่นใหม่หรือคนเก่าที่จะกลับมาเล่น เพราะสังคมในเกมกำลังหนาแน่น ผู้เล่นในปัจจุบันต่างเก็บเลเวลอาชีพทั้งเก่าและใหม่ ทำให้บรรยากาศในเกมมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ โดยเกมนี้ใช้ระบบเก็บค่าบริการรายเดือน (เดือนละประมาณ 10-13 $) ซึ่งอาจจะไม่สะดวกกับผู้เล่นบางคน แต่ถ้ามองหาเกมออนไลน์คุณภาพดี หรือต้องการเล่น FF เพราะชอบในเอกลักษณ์ดั้งเดิมของซีรีส์ FFXIV ก็เป็นเกมที่ไม่ควรพลาดค่ะ