Our score
7.8Hey! Pikmin
จุดเด่น
- ฉาก 2 มิติที่ออกแบบเข้ากับเกมเพลย์
- ตัวละครน่ารัก
- เกมเพลย์เข้าใจง่าย
จุดสังเกต
- เกมสั้นไปหน่อย
- กราฟิกดูธรรมดาไปหน่อย
-
กราฟิก และงานออกแบบ
7.0
-
เกมเพลย์
8.5
-
ความแปลกใหม่
7.8
-
ความคุ้มค่า
8.0
-
ภาพรวม
7.5
เครื่องเกม 3DS ถือว่าเป็นคอนโซลพกพา ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดเครื่องหนึ่ง โดยหลังจากวางขายในปี 2011 จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีเกมออกมารองรับตลอดแถมยังเป็นเกมฟอร์มดี ไม่ใช่พอร์ทมาจากคอนโซล และล่าสุดถึงคิว Pikmin ตัวละครสุดน่ารักจากนินเทนโดจะมาโลดแล่นบน 3DS
พูดถึงเกม Pikmin ถึงเป็นความพยายามของนินเทนโด ในการสร้างเกมแนว RTS (Real-time strategy) มาปรับเปลี่ยนเป็นแนวทางของตัวเอง โดยเราจะได้ควบคุมกองทัพตัว Pikmin ที่แสนน่ารักไปทำภารกิจต่างๆ โดยมันออกบนคอนโซลแล้ว 3 ภาค แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้โด่งดังเท่ากับเกมอื่น แต่ก็มีคอเกมติดใจความน่ารักของมันจนล่าสุดมันกลับมาบน 3DS ในชื่อ Hey! Pikmin
ที่มาแปลกและโดดเด่นคือเกมจะนำเสนอด้วยมุมมอง 2 มิติ แบบเกม Super Mario ที่ดูเรียบง่าย โดยผู้เล่นต้องรับบทเป็น Captain Olimar ที่ออกผจญภัยไปในโลกใบจิ๋วที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อเก็บ Sparklium เพื่อเดินทางกลับบ้าน และเหมือนเดิมที่เราต้องออกค้นหาตัว Pikmin และนำมันมาช่วยต่อสู้กับศัตรู และแก้ปริศนา ที่ในภาคนี้ยังคงขนตัว Pikmin มาให้เลือกใช้งานมากมายไม่แพ้ภาคคอนโซล
โดยตัว Pikmin จะแบ่งออกเป็นธาตุ ทั้งสีแดงธาตุไฟ สีฟ้าธาตุน้ำ สีเหลืองพลังไฟฟ้า และยังมีตัว Pikmin Rock ที่มีพลังทำลายล้างสูง โดยทุกตัวล้วนมีความจำเป็นในการเล่น และในหนึ่งฉากยังคงสามารถเลือกเล่นได้มากกว่า 1 ตัว ทำให้ผู้เล่นต้องใช้หัวคิดในการแก้ปริศนาในโลกใบเล็กของเกมที่จำลองฉากที่เหมือนในสวนขนาดใหญ่
ความโดดเด่นของเกมคือการที่มันกลายเป็นเกม 2 มิติมุมมองด้านข้าง ทำให้รูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปมาก และตัวเกมจะใช้หน้าจอล่างที่เป็นหน้าจอสัมผัสในการเล่น ทำให้มีข้อเสียที่มุมมองในเกมจะแคบมากตามขนาดหน้าจอเกม แต่ยังดีที่มีการขยายโลกของเกมไปยังหน้าจอด้านบนของ 3DS ทำให้ยังพอมีมุมมองในการเล่นที่กว้างขึ้น
ส่วนการควบคุมบังคับ เราจะบังคับตัว Captain Olimar ให้เดินได้แต่จะกระโดดไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรายังมี Jet Pack ที่ทำให้เราลอยตัวกลางอากาศได้ (ในเวลาจำกัด) ส่วนการเรียกใช้ตัว Pikmin จะใช้การสัมผัสไปที่หน้าจอเพื่อเลือกทิศทางในการส่งตัว Pikmin ไปโจมตีศัตรูหรือแก้ปริศนา ซึ่งผู้เล่นจะใช้นิ้วมือหรือ ปากกาสไตลัส ก็ได้เรียกว่าเป็นการควบคุมที่ง่ายดายกว่าภาค 3 มิติ ด้วยซ้ำ
ที่ต้องชมมากๆคือฉากในเกมที่แม้จะเป็น 2 มิติ แต่ก็จำลองรูปแบบการเล่น Pikmin ที่มาแนว RTS ที่เมื่อมาอยู่ในฉากแบบ 2D ก็ยังสร้างออกมาได้ดี มีความซับซ้อนในฉากพอสมควร มีทางแยกไว้ให้เราไปแก้ปริศนาเพื่อเก็บไอเทมซ่อนอยู่เพียบ และที่ไม่น่าเชื่อคือผู้สร้างสามารถนำเอาเกมเพลย์หรือรูปแบบของฉากที่จะเลื่อนไปเรื่อยๆแบบไม่หยุดมานำรวมกันกับเกมแนว Pikmin ได้ลงตัวมากเรียกว่าหากคุณไม่เคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อนก็สามารถสนุกไปกับมันได้ นอกจากนี้ยังมีโหมดที่จัดการรวมเอาตัว Pikmin ที่เราจับได้มาอยู่ในฉากที่ช่วยเราหา Sparklium ในสวนเพิ่มเติมได้ด้วย
ตัวเกมจะแบ่งออกเป็นฉากสั้นๆบนแผนที่ ที่ดูคล้ายกับเกม 2D ในยุค 90 ที่ดูเรียบง่าย และนอกจากฉากหลักแล้วยังมีมินิเกมฉากสั้นๆเพื่อเก็บไอเทม อยู่อีกหลายด่าน และอย่าเพิ่งให้ภาพในเกมหลอกคุณว่ามันเป็นเกมสำหรับเด็ก เพราะเมื่อสัมผัสดูคุณจะรู้ว่ามันไม่ง่ายเท่าไรนัก เพราะตัวเอกอ่อนแอป้องกันตัวเองไม่ได้ แถมตัว Pikmin ก็โดนอัดทีเดียวตาย และฉากที่แคบลงเพราะเป็น 2D ทำให้การเล่นต้องระมัดระวังกันตลอดพลาดนิดเดียวตัว Pikmin ของเราอาจโดนกินตายยกทีมได้ แต่หากทำความเข้าใจแล้วก็จะผ่านไปได้ เพราะเกมไม่ได้ยากจนทำให้ผู้เล่นหัวร้อน
ปิดท้ายกับกราฟิกและเพลงประกอบ ที่ดูเรียบๆไปหน่อยเพราะอยู่บนเครื่องเกมที่ออกมานานแล้วอย่าง 3DS ทำให้กราฟิกดูตกยุคไปไกลมาก ทำให้โดยรวมโลก 2 มิติของเกม Pikmin ดูอ่อนด้อยกว่าต้นฉบับบนคอนโซลมาก แต่หากไม่คิดมากมันก็เล่นได้ลื่นไหลดี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เกมไม่มีระบบภาพ 3D ของหน้าจอ 3DS ที่เหมือนปู่นินจะตัดทิ้งไปแล้วในเกมยุคท้ายๆ ส่วนดนตรีประกอบก็มาแนว Pikmin ที่ดูเรียบๆไม่โดดเด่น เสียงพากย์ก็ไม่มี แต่เชื่อว่าหากคุณศึกษาข้อมูลมาก่อนก็คงไม่ได้คาดหวังอะไรในส่วนนี้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ภาคบนคอนโซลแล้ว
โดยรวมแล้วการกลับมาในโลก 2D ในเกม Hey! Pikmin ถือว่าสนุกกว่าที่คาดหวังไว้มาก เกมยังคงความเป็น Pikmin ที่มีรูปแบบการเล่นเดิมๆในฉากใหม่ที่ไม่ได้กว้างแต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียด แถมยังสนุกเล่นได้โดยไม่เบื่อแถมยังปรับให้เข้ากับรูปแบบ 2 มิติได้ลงตัวมาก แฟนๆซีรีส์ Pikmin ไม่ควรพลาด