[รีวิวเกม] Dragon Quest 11 ตำนานเกม RPG คลาสสิกกลับมาอย่างยิ่งใหญ่บน PS4
Our score
9.3

Dragon Quest 11

จุดเด่น

  1. กราฟิกดูดี งานออกแบบสุดยอด
  2. เกมเพลย์แบบคลาสสิก ที่เพิ่มสิ่งใหม่ได้ลงตัว
  3. มีเควสให้ทำเยอะ

จุดสังเกต

  1. โหลดนานในบางจุด
  2. รอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกันอีกนาน
  • กราฟิก และงานออกแบบ

    9.5

  • เกมเพลย์

    9.0

  • ความแปลกใหม่

    9.0

  • ความคุ้มค่า

    9.5

  • ภาพรวม

    9.5

หลังจากรอคอยกันมายาวนาน(มาก) ในที่สุด Dragon Quest 11 (Dragon Quest XI) ก็ได้ฤกษ์วางขายบน PS4 และ 3DS โดยทั้งสองเวอร์ชั่นจะมีความแตกต่างกัน โดยเวอร์ชั่นที่นำมารีวิวในวันนี้จะเป็น PS4 ก่อน ที่มีความโดดเด่นในการนำเสนอเพราะอยู่บนโฮมคอนโซล ส่วนรีวิวบน 3DS จะตามมาภายหลัง

โดย Dragon Quest 11 บน PS4 จะถูกสร้างด้วย Unreal Engine 4 ทำให้กราฟิกออกมาดูดีมาก แม้ว่าจะไม่ได้เกินหน้าเกินตาเกมในยุคนี้เท่าไร แต่มันก็จำลองโลกแฟนตาซีของ Dragon Quest ได้ลงตัวมาก โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นผลงานการวาดของอาจารย์ Akira Toriyama ที่ออกมาดูดีเหมือนได้ชมการ์ตูน อีกทั้งยังคงความคลาสสิกของการออกแบบที่ยังคงยอดเยี่ยม และแม้ภาพจะสวยแต่เกมลื่นไหลแต่การโหลดเข้าฉากอาจจะนานไปนิด ส่วนที่ต้องชมมากคือเพลงประกอบของ Koichi Sugiyama ที่ยังคงช่วยเสริมให้เกมโดดเด่นเหมือนเดิม โดยนอกจากเพลงใหม่ๆแล้วยังเสริมเพลงคลาสสิกจากภาคเก่าใส่เข้ามาในบางฉากด้วย

ส่วนเรื่องราวในเกมทังบน PS4 และ 3DS จะเป็นเรื่องราวเดียวกัน โดยเนื้อเรื่องที่ว่าด้วยตัวเอกหนุ่มน้อยวัย 16 ปีที่อดีตของเขานำมาซึ่งเรื่องราวมากมายที่ยังคงเอกลักษณ์ของ Dragon Quest ไว้ครบถ้วนที่ไม่ได้ซับซ้อนแต่ก็น่าติดตามแต่ก็มีอะไรให้ประหลาดใจกันตลอดเกม และเนื่องจากเข้าสู่โลกยุคใหม่การนำเสนอด้วยคัทซีนงามๆทำให้เราอินไปกับเรื่องราวได้ อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงไม่มีเสียงพากย์ (ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น) อยู่แต่สำหรับแฟนๆซีรีส์ Dragon Quest คงไม่บ่นเพราะมันคือความคลาสสิก ที่ทำให้มันเหมือนกับภาคก่อนๆที่เราเคยเล่นกันมา ซึ่งคาดว่าเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะใส่เสียงพากย์มาแน่

ระบบการต่อสู้หลักของเกมจะเป็น เทิร์นเบส RPG แบบใส่คำสั่งเหมือนเดิม โดยในภาคนี้การเจอศัตรูในฉากจะเห็นเป็นตัวเลยไม่ใช่แบบสุ่ม และยังโจมตีศัตรูบนฉากแผนที่ได้ และเมื่อตัดเข้าฉากต่อสู้แล้วจะใช้ระบบใส่คำสั่งเหมือนเดิม ส่วนชุดคำสั่งก็เรียบง่าย ส่วนสิ่งใหม่คือในฉากต่อสู้เราจะสามารถบังคับตัวละครให้เดินได้ อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้ด้วย แต่เมื่อใส่คำสั่งเสร็จแล้วก็จะเข้าสู่ระบบปรกติเหมือนเดิม โดยรวมระบบต่อสู้ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดี ไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปจนทำลายความคลาสสิกเหมือนบางเกม ส่วนมือใหม่อาจจะงงสักหน่อยเพราะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด แต่คนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้คงจะชอบเพราะเราจะชินกับชื่อคาถาของโซนญี่ปุ่นมากกว่า

ต่อด้วยการพัฒนาตัวละครที่ภาคนี้จะใช้ระบบ Skill Panel ที่ดูเรียบง่ายเพราะแบ่งออกเป็นช่องที่เมื่อเราเลือกช่องนั้นเราก็จะได้สกิลมาใช้ โดยการอัพเกรดต้องใช้ค่า SP มาอัพตัวละคร แน่นอนว่ามันจะได้ค่า SP เมื่อเราเลเวลขึ้น แน่นอนว่ามันเป็นระบบที่เรียบง่ายมีเกม RPG หลายเกมใช้ ซึ่งเมื่อมาอยู่ในซีรีส์ Dragon Quest แล้วก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเข้าใจง่าย และการอัพเกรดมีประสิทธิภาพ เพราะมีสกิลมากมายให้เลือกอัพเกรด ตามตัวละครหลักทั้ง 7 ที่มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นนักรบ ผู้กล้า, จอมเวทย์ขาว และ ดำ

ส่วนระบบใหม่อีกโหมดคือการ Zone โดยมันจะเหมือนกับเป็นสถานะพิเศษของตัวละครที่จะทำให้เรามีพลังมากขึ้นเหมือนการระเบิดพลัง และ Link ที่เป็นการใช้ท่าประสานกับตัวละครอื่นในทีมที่มีทั้งแบบคู่ และใช้ร่วมกันทั้งทีม การเลือกใช้ก็เรียบง่ายเพราะมันขึ้นมาอยู่ด้านบนเมนูคำสั่ง และเมื่อเราเลือกใช้จะพบเจอกับท่าไม้ตายพิเศษ ที่มันมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะในการต่อสู้กับบอสสุดโหดหลายครั้งท่าประสานพลังสามารถทำให้เราพลิกกลับมาชนะได้

นอกจากนี้ยังมีส่วนเสริมใหม่ๆที่ทำให้เกมดูหลากหลายขึ้นเช่นระบบการตั้งแคมป์ไฟ ตามจุดที่เกมกำหนดไว้ ที่นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนเติมพลังแล้ว ยังมีอุปกรณ์ตีอาวุธพิเศษที่เราต้องเอาแร่มาตีอาวุธ เครื่องป้องกัน และเครื่องประดับผ่านการเล่นมินิเกม ซึ่งมันมีความจำเป็นอย่างมากเพราะอาวุธเทพๆหลายชิ้นได้มาจากการตี และยังมีการสานสายสัมพันธ์ของตัวละคร และยังมีรูปปั้นที่ไว้ Save อีกทั้งตัวเอกยังกระโดดได้แล้ว และยังมีฉากที่เราได้ปีนป่ายได้ ที่นับเป็นมิติใหม่ของซีรีส์ที่เป็น RPG เก่าแก่ที่เสริมแอ็คชั่นใหม่ๆเข้าไปมากขึ้น อีกส่วนที่น่าสนใจคือระบบ PassWord ที่เหมือนเป็นการเอาระบบเดิมของภาคแรกๆของซีรีส์มาปรับใช้โดยเหมือนการแชร์ Save เกม แต่มันไม่ได้โอนค่าเลเวล หรืออาวุธหรือสกิล หรือแม้แต่เงินก็ไม่ได้โอนตามมา

โดยตัวเกมใช้เวลาประมาณ 40-50 ชั่วโมงในการเล่นให้จบ และยังมีเควสย่อยอีกจำนวนมากรอให้เราไปค้นหาเรียกว่าคุ้มค่าราคาแผ่นแท้แน่นอน นอกนั้นสิ่งหลักๆของซีรีส์ก็ยังอยู่ครบไม่ว่าจะเป็น ไอเทม, หรืออาวุธในตำนาน, เหรียญเล็ก รวมทั้งมอนสเตอร์คลาสสิกที่แฟนๆคุ้นเคยกันดี และยังมีสนามม้า มีคาสิโน รอท้าทายเซียนเกมที่อยากเสี่ยงดวงอีกด้วย

ส่วนระบบยานพาหนะ ที่มีทั้งการขี่ม้าที่จะเรียกผ่านระฆังที่อยู่บนแผนที่ และมีเรือที่ทำให้เราท่องไปในโลกกว้างได้อย่างรวดเร็ว และยังมีการ ขี่มอนสเตอร์เป็นยานพาหนะ ที่มีทั้งแบบที่บินได้เช่นมังกร หรือผึ้งยักษ์ และพวกที่ปีนกำแพงได้ หรือเข้าไปบังคับหุ่นยนต์ที่กระโดดสูงได้ ที่ช่วยเสริมให้การผจญภัยไปในภาคนี้ดูโดดเด่นมากขึ้น แม้ว่าโลกในเกมอาจจะไม่ใช่ Open World แบบสมัยนิยม แต่ก็มีดินแดนกว้างๆให้เราสำรวจมากมายกว่าที่คาดไว้มาก แถมด้วยผู้สร้างได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยของเกมเช่นสภาพอากาศ ที่นอกจากจะมีกลางวัน กลางคืนแล้ว ยังมีฝนตก หรือพายุหิมะ ที่ส่งผลต่อการเล่นด้วย

ข้อดีอย่างมากของภาคนี้คือทีมงานสร้างพยายามรักษาบรรยากาศเดิมๆในการเล่น แต่ได้เสริมสิ่งใหม่ๆเข้าไปอย่างลงตัว โลกของ Dragon Quest สวยงามอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แฟนพันธุ์แท้เล่นไปพร้อมกับความอิ่มเอมใจ แต่หากคุณไม่ใช่แฟนเกม Dragon Quest จะเริ่มเล่นจากภาคนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะทั้งการนำเสนอและกราฟิก ถือว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ระบบก็เข้าใจง่ายแม้จะเป็นภาษาญี่ปุ่น

เกมมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ Dragon Quest ภาคหลังๆใส่เข้ามาเช่นภาพของไอเทม และยังเสริมด้วย สัญลักษณ์แบ่งตามรูปแบบของทั้งอาวุธและคาถาทำให้ดูง่ายกว่าเดิมมาก แต่แนะนำให้มือใหม่ไปท่องจำคาถาและท่าไม้ตายมาก่อนจะเล่น เพราะมันมีความจำเป็นมาก ส่วนการดำเนินเนื้อเรื่องแม้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นก็เดาทางไปต่อไม่ยากนักเพราะส่วนใหญ่จะมีจุดบอกว่าต้องไปทำอะไรที่ไหนเกือบจะตลอด หรือถ้าติดขัดหาทางไปไม่ได้ก็ลองไปหาบทสรุปภาษาไทยที่มีหลาย web เริ่มปล่อยออกมาแล้ว

เอาเข้าจริงๆแม้ว่าผู้เขียนหวังไว้กับเกมมากพอสมควร ซึ่งหลังจากเล่นจนจบแล้วบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรให้ผิดหวัง และในฐานะที่เป็นแฟน Dragon Quest มาตั้งแต่ภาคแรกถือว่าภาค 11 นี้เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งของซีรีส์เกมเก่าแก่ที่ยังคงสร้างความสนุกได้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนประจำหรือไม่ก็ไม่ควรพลาดความสนุกระดับตำนาน แต่หากคุณอยากเล่นแบบอ่านออกก็ให้อดใจรอปี 2018 ที่เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะออกวางขาย

Play video