Our score
8.5Metroid Samus Returns
จุดเด่น
- เกมเพลย์สนุกมาก
- กราฟิกดูดีสำหรับเกมบน 3DS
- เพลงประกอบสุดอลัง
- มีความท้าทายให้สัมผัส
จุดสังเกต
- ยากเกินไปสำหรับมือใหม่
- การควบคุมบังคับลำบาก สำหรับปุ่มบน 3DS
-
กราฟิกและงานออกแบบ
8.0
-
เกมเพลย์
9.0
-
ความแปลกใหม่
8.0
-
ความคุ้มค่า
8.5
-
ภาพรวม
8.8
แม้ว่าช่วงนี้สายตาของคอเกมนินเทนโดจะโฟกัสไปที่เครื่องเกม Nintendo Switch แต่ปู่นินก็ยังไม่ได้ทอดทิ้ง 3DS ยังคงมีเกมฟอร์มดีออกวางขายอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดกับการมาของ Metroid Samus Returns อีกหนึ่งตัวละครในตำนานของ นินเทนโด ที่จะกลับมาอีกครั้งบน 3DS
โดยเกม Metroid Samus Returns เป็นการนำเกม Metroid 2 บนเครื่อง GameBoy มาสร้างใหม่หมดจนเหมือนเป็นคนละเกม เอาแค่กราฟิกก็แตกต่างมากแล้ว เพราะภาคบน 3DS จะเป็นโพลิกอน 3D แต่ถูกสร้างมาเป็นเกม 2D ที่ออกมาดูดีมาก แถมยังรองรับภาพแบบ 3D ของหน้าจอ 3DS ด้วย แต่ที่ต้องชมจริงๆคือเพลงประกอบที่มาแนวตื่นเต้นระทึกขวัญ มีการแทรกเสียงประกอบที่มีรายละเอียดสูงมาก จนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นเสียงที่ออกมาจากลำโพงเล็กๆของ 3DS
รูปแบบการเล่นเป็นเกมแอ็คชั่น 2 มิติมุมมองด้านข้างแบบต้นฉบับบน GameBoy โดยเป็นเกมแอ็คชั่นที่เราต้องสำรวจฉากกว้างๆที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนเพื่อปลดล็อกอาวุธและความสามารถใหม่ๆของ Samus ที่หากคุณนึกไม่ออกก็ประมาณเกม castlevania symphony of the night (แต่ Metroid นำมาใช้ก่อน) และยังได้ทีม Mercurysteam ที่เคยฝากผลงานไว้ใน เกม Castlevania: Lords of Shadow มาสร้างให้ ทำให้การกลับมาครั้งนี้น่าเล่นมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
โดยในภาคนี้ต่อให้คุณเคยเล่น Game Boy มาแล้วก็ไม่ต้องห่วงว่ามันจะซ้ำรอยเดิม เพราะเกมสร้างฉากใหม่ๆเข้าไปจนเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเกมใหม่แล้วเอาชื่อมาใช้เฉยๆ นอกจากนี้ยังมีทั้งทางลับหรืออาวุธมีการเพิ่งของใหม่เข้าไป รวมทั้งฉากที่มีความซับซ้อนขึ้นมากๆ เรียกว่ามีหลายส่วนที่ผู้เล่นคาดไม่ถึงว่าต้องทำอย่างไรถึงจะผ่านไปได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แค่แอ็คชั่นตะลุยด่านทั่วไปเราต้องคอยสอดส่องเพื่อค้นหาทางไปต่อ รวมทั้งการเลือกใช้อาวุธหรือท่าพิเศษให้ถูกที่ถูกทางด้วย และแน่นอนว่า Samus ยังคงแปลงร่างเป็นลูกบอลเพื่อกลิ้งไปยังที่แคบๆได้เหมือนเดิม
ซึ่งการแก้ปริศนาในภาคนี้จะเหมือนกับเกม Metroid 2 มิติ ที่เราต้องใช้ทั้งอาวุธเช่นปืนประเภทต่างๆไว้ยิงเพื่อเปิดประตู หรือปืนพลังน้ำแข็งไว้ยิงทำให้ศัตรูกลายเป็นแท่นให้เราเหยียบไปยังที่สูงได้ รวมทั้งชุดเกราะที่ Samus ต้องออกค้นหาเพื่อเพิ่มพลังป้องกันและสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหดในเกมได้ ส่วนการอัพเดทตัวละครก็ต้องออกค้นหาไอเทมเพื่อจรวด มิสไซล์ และเพิ่มค่าพลังชีวิต ที่มักจะซ่อนอยู่ในจุดที่เราคาดไม่ถึง
ส่วนท่าพิเศษในภาคนี้ก็เป็นส่วนเสริมให้ตัวละครของเราเทพขึ้นเยอะ เช่นการสแกนหาทางลับ ที่จำเป็นอย่างมากเพราะอย่างที่บอกว่าฉากในภาคนี้ถือว่าซับซ้อนมาก และยังมีพลังเกราะเสริมที่ช่วยให้เรามีพลังในการทนทานมากขึ้น เพราะแม้ว่าดูภายนอกมันอาจจะดูเป็นเกมที่เล่นได้ง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมันมีความยากอยู่ในระดับสูงพอสมควร เพราะศัตรูในเกมก็โจมตีแรง แม้แต่ศัตรูธรรมดาก็อัดเราตายได้ในหากไม่รู้วิธีเล่น
และในภาคนี้มีสิ่งใหม่ที่ Samus สามารถทำได้คือการโจมตีระยะประชิด ที่เรามีไว้สวนกลับศัตรูที่มีจำเป็นอย่างมากเพราะศัตรูในภาคนี้ไม่ได้แค่เดินไปเดินมา มันฉลาดพอที่จะไล่ล่าเราและมีท่าพุ่งชนที่รุนแรงทำให้เราต้องใช้การโจมตีแบบสวนกลับกันตลอด และแน่นอนว่าบอสในเกมก็ต้องใช้เช่นกันดังนั้นหาก คิดจะเล่นเกมนี้ต้องหัดใช้กันให้คล่องๆก่อนเล่นไม่เช่นนั้นรับประกันได้เลยว่าเล่นยังไงก็ไม่ผ่าน
ส่วนตัว Metroid ในภาคนี้ก็กลับมาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสิงร่าง และเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นตัวอันตรายที่น่ากลัว ผู้เล่นต้องหาทางรับมือกันตลอด และเมื่อชนะแต่ละตัวจะได้ DNA ของมันมาเพื่อนำไปปลดล็อกฉากใหม่ๆเพิ่มเติมได้ ส่วนฉากในเกมมีความกว้างใหญ่มาก จนต้องมีจุดวาร์ป ให้เดินทางไปมาได้รวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งยังมีจุด Save หรือจุดไว้เติมพลังกันตลอดเกม
เป็นที่น่าเสียดายที่ความสนุกของเกมถูกลดทอนด้วยการควบคุมบังคับที่ซับซ้อน ซึ่งเมื่อเล่นด้วยปุ่มบนเล็กๆบนตัวเครื่อง 3DS แล้วไม่ค่อยถนัด เพราะมีบางท่าไม้ตายที่ต้องกดหลายปุ่มพร้อมกันทำได้ลำบาก อีกทั้งในฉากที่ต้องแก้ปริศนาด้วยการใช้หลายๆท่าต่อเนื่องกัน ยิ่งทำได้ลำบาก จนอดคิดไม่ได้ว่าหากมันไปออกบน Nintendo Switch น่าจะดีกว่าแน่ แต่โดยรวมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเพียงแต่คุณต้องฝึกฝนและจดจำให้ดีว่าท่าไม้ตายไหนต้องกดอย่างไร เพราะในบางจุดต้องกดพร้อมกันหลายท่าถึงจะผ่านไปได้
อย่างไรก็ตามต้องชื่นชมทีม Mercurysteam ว่าสามารถสร้างเกมให้มันยังคงเป็นเกม Metroid แบบเดิมๆที่เสริมความสดใหม่เข้าไปได้อย่างลงตัวมาก แม้ว่าดูภายนอกแล้วเกม Metroid Samus Returns อาจจะไม่น่าเล่นเท่าเกมอื่นในยุคนี้ แต่พอได้เล่นได้สัมผัสแล้วติดหนึบจนวางไม่ลงจนอยากให้นินเทนโดทำภาคต่อในรูปแบบ 2D บน Nintendo Switch อีกภาค