[รีวิวเกม] “Star Fox 2” เกมในตำนานของนินเทนโดที่ไม่ได้ออกวางขาย
Our score
7.1

Star Fox 2

จุดเด่น

  1. แถมมากับเครื่องเกม
  2. เกมเพลย์เข้าใจง่าย
  3. แปลงร่างเป็นหุ่นได้

จุดสังเกต

  1. การควบคุมบับคับไม่ถนัดมือ
  2. เฟรมเรตตก
  • กราฟิก

    7.0

  • เกมเพลย์

    7.0

  • ความคุ้มค่า

    7.5

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ภาพรวม

    7.0

สำหรับชื่อของซีรีส์ Star Fox สำหรับคอเกมชาวไทยแล้วอาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมนัก เพราะรูปแบบการเล่นที่อาจจะไม่ได้เป็นกระแสหลักเท่ากับเกมแอ็คชั่น หรือ RPG ทำให้การมาของ Star Fox 2 เกมในตำนานที่แถมกับ Super Famicom Mini อาจจะเงียบๆไปหน่อย

โดยประวัติเกม Star Fox เป็นอีกหนึ่งเกมในตำนานเกมยานยิงของนินเทนโด ที่ในยุค 90 มันคือความทะเยอทะยานของปู่นิน ที่สร้างเกมที่ใช้ฉาก 3D แบบแท้ๆ ยานที่ทำจากโพลิกอน ที่ในยุคนั้นถือว่าเป็นขอใหม่ และด้วยสเปกของ Super Famicom ที่ไม่น่าจะสามารถรันได้ทำให้ต้องเสริมชิป FX ในตลับเกม Star Fox โดยในยุคนั้นเป็นที่ฮือฮามาก

ส่วน Star Fox 2 ที่ไม่ได้ออกวางขายจริง ซึ่งจากเดิมเกมจะต้องวางขายในช่วงกลางยุค 90 ที่นับว่าเป็นเวลาเปลี่ยนถ่ายไปสู่คอนโซลยุคใหม่ที่รองรับกราฟิกแบบ 3D กันเต็มที่ ทำให้แม้ว่าตัวเกมอาจจะเรียกว่าสร้างเสร็จไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ออกวางขาย โดยคอเกมได้พบกับเกมภาคต่อของซีรีส์กันใน Star Fox 64 บนเครื่อง Nintendo 64 กันเลย ส่วน Star Fox 2 ก็เป็นข่าวกันมาหลายปีในโลกออนไลน์ จนในที่สุดปู่นินก็หยิบมามันเป็นหนึ่งในเกมบนเครื่อง Super Famicom Mini

โดยใน Star Fox ภาคแรกเป็นหนึ่งในตำนานบน Super Famicom ที่นำเสนอเกมยานยิงในรูปแบบ 3D ที่ในฉากเราจะบินไปเรื่อยๆ จริงอยู่ที่รูปแบบการเล่นนี้มีมานานแล้ว แต่ด้วยกราฟิกแบบโพลิกอน 3D แบบจัดเต็มทำให้มันโดดเด่นกว่าเกมอื่นในยุคนั้นพอสมควร ส่วนภาค 2 ก็ยังคงเป็นเกมยานยิง แต่เพิ่มเติมในส่วนของฉาก Map ที่เป็นจักรวาล ที่เราจะได้บังคับยานของเราไปยังจุดบนแผนที่ โดยเริ่มต้นเราจะสามารถเลือกนักบินได้ แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียดมากนัก

ซึ่งประเด็นหลักคือการป้องกันดาวของเราจากกองทัพของศัตรูที่จะส่งยานมาเรื่อยๆ เกมคล้ายกับแนววางแผน RTS ที่ต้องบังคับยานท่องไปในจักรวาลที่เต็มไปด้วยยานรบของศัตรูในแบบเวลาจริง เพราะหากมัวแต่นั่งคิดดาวของเราจะโดนโจมตีและเกมจะโอเวอร์ทันที โดยเมื่อยานเราไปชนกับศัตรูในฉากแผนที่แล้วก็จะตัดเข้าฉากต่อสู้ที่เป็นแบบยานยิง 3D เต็มรูปแบบ ที่มีการนำเสนอทั้งมุมมองบุคคลที่ 1 , มุมมองบุคคลที่ 3 ที่เห็นตัวยานของเรา และยังมีฉากที่เราต้องแปลงร่างเป็นหุ่น 2 ขาเดินบนพื้นได้

ที่โดดเด่นคือฉากที่เหมือนกับว่ามันคือเกมแอ็คชั่น 3D ที่เราจะได้บังคับหุ่นยนต์เดินในฉากถือว่าดูดีสำหรับเกมที่มีอายุเกิน 20 ปีแล้วส่วนศัตรูในฉากก็มีทั้งแบบยานธรรมดา และยังมียานของศัตรูระดับเทพที่มีการไล่ล่ากัน รวมทั้งยังมีบอสตัวใหญ่อย่างมังกรอวกาศออกมาให้เล่นด้วย เรียกว่าแม้ว่ามันจะไม่ใช่เกมใหม่ แต่ก็ยังมีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย โดยรูปแบบการใช้การเล่นบนแผนที่ ถูกกลับมาใช้อีกครั้งในเกม Star Fox Command ที่วางขายบน NDS ในปี 2006

กราฟิกในเกมถือว่าอาจจะเป็นข้อเสีย เพราะการที่เกมอยู่บนเครื่องที่รองรับสาย HDMI และต้องต่อกับทีวี HD ทำให้กราฟิกดูทั้งหยาบ และขาดรายละเอียดมาก ก็เข้าใจว่าเทคโนโลยีในยุคนั้นทำได้แค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ความที่เกมพยายามนำเสนอภาพ  3D แบบจัดเต็มทำให้เฟรมเรตของเกมตกกระจาย ภาพกระตุกไม่ต่อเนื่อง ภาพมีความละเอียดที่ต่ำเกินไปจนบางครั้งเรามองไม่ออกว่าศัตรูมีรูปร่างอย่างไร ยิ่งทำให้การเล่นเกมในปี 2017 ดูหงุดหงิดไม่น้อย แต่ก็สามารถเล่นไปเรื่อยๆได้จนจบ

ส่วนการควบคุมบังคับเกม 3D แท้ๆด้วยจอย Super Famicom ที่ไม่มีแกนอนาล็อก ทำให้กลายส่วนดูลำบาก โดยเฉพาะฉากที่เราต้องบังคับหุ่น ที่เวลาเปลี่ยนมุมกล้องต้องใช้ปุ่ม R และ L ในการเปลี่ยน ทำให้ดูยุ่งยาก ยังดีที่ฉากในเกมไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก โดยนอกจากจะบังคับยานให้ไปตามทิศทางแล้วยังมีการเร่งความเร็ว หรือหมุนองศาของยานเพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ซึ่งทำให้โดยรวมถือว่า OK ไม่ได้เลวร้ายมาก แต่ไม่ได้ถนัดเท่ากับการใช้อนาล็อกเล่น

สรุปแล้วการกลับมาของจิ้งจอกอวกาศ ในเกม Star Fox 2 ถือว่ายังไม่ลงตัวหากมองว่ามันเป็นเกมที่ออกในปี 2017 แต่หากมองว่ามันคือเกมที่ควรจะวางขายในช่วงกลางยุค 90 ก็ถือว่าพอรับได้ การควบคุมบังคับพอใช้ และสามารถเล่นไปจนจบได้โดยไม่ปวดหัว ใครที่เป็นเจ้าของ Super Famicom Mini เป็นอีกเกมที่คุ้มค่าแน่ แต่การปลดล็อกออกมาเล่นคุณต้องผ่านฉากแรกในเกม Star Fox ภาคแรกกันเสียก่อน และหวังว่าจะมีการสร้างภาคต่อบน Nintendo Switch เพราะเชื่อว่ามีแฟนๆหลายคนรอที่จะเล่นอยู่

Play video