Our score
10.0Super Mario Odyssey
จุดเด่น
- กราฟิกงามๆ เฟรมเรตลื่นๆ
- เกมเพลย์สนุกมาก
- สิงยึดร่างศัตรูได้
- ฉากในเกมที่หลากหลาย
- โหมดถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม
จุดสังเกต
- เกมสั้นไปหน่อย (แต่กลับมาเล่นซ้ำได้)
-
กราฟิกและการนำเสนอ
10.0
-
เกมเพลย์
10.0
-
ความคุ้มค่า
10.0
-
ความแปลกใหม่
10.0
-
ภาพรวม
10.0
หลังจากไปวิ่งบน สมาร์ทโฟนกับ Mario Run ล่าสุดลุงหนวด มาริโอ กลับมาอีกครั้งกับภาคหลักใน Super Mario Odyssey บน Nintendo Switch เครื่องคอนโซลลูกผสมปู่นิน ที่ขายดีแบบถล่มทลาย ทำให้มันถูกจับตามองเป็นพิเศษ
และสัมผัสแรกก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะกราฟิกของเกม มาริโอ ภาคนี้ถือว่ายกระดับกว่าภาค Mario 3D World อย่างเห็นได้ชัด แม้อาจจะไม่ได้เท่ากับเกมบน PS4 แต่มันดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ และเฟรมเรตระดับ 60 FPS ทั้งแบบต่อทีวีและแบบพกพา ที่แสดงให้เห็นว่าเครื่อง Nintendo Switch ก็แรงพอตัว ส่วนเพลงประกอบก็ถือเป็นอีกความโดดเด่นเพราะมีการจัดเต็มด้วยธีมที่เหมาะกับเกมแนว มาริโอ ที่มีแนวหลักเป็น Jazz แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามดินแดนที่มาริโอเราไปเยือน ที่สำคัญภาคนี้มีการแต่งเพลง jump up super star! ที่ทั้งไพเราะและติดหูใส่เข้าเป็นเพลงประกอบ และขอบอกไว้เลยว่าไม่ได้มีแค่เพลงเดียว ยิ่งทำให้โดยรวมการนำเสนอของเกมอยู่ในระดับสุดยอดทุกอย่าง
รูปแบบการเล่นของภาคนี้อย่างที่บอกว่ามันมีการปรับเปลี่ยนให้มีความอิสระมากขึ้น แต่โดยรวมยังคงไม่ทิ้งแนวทางเกม Super Mario 3 มิติที่มีแอ็คชั่นเดิมๆเช่นกระโดด และมีการใส่ความคลาสสิกอย่างการใช้ไอเดียให้ลุงหนวดกลายเป็นภาพบนผนัง แล้วเกมเพลย์จะกลายเป็นมาริโอ 2มิติ ที่มีการใช้กราฟิกแบบ 8 Bit สมัยแฟมิคอมที่ทำออกมาได้ดูดีมาก การสลับไปมาระหว่าง มิติก็ทำได้รวดเร็ว
โดยเกมจะมีการแบ่งฉากเป็นอาณาจักร ที่มีความแตกต่างกันมากทั้งภูมิประเทศและผู้คน มีทั้งดินแดนโลกล้านปีอย่าง Cascade Kingdom (Fossil Falls ) หรือดินแดนที่หมือนกับเมืองนิวยอร์กอย่าง Metro Kingdom (New Donk City) และยังมีอีกหลาย อาณาจักรที่รอให้เราค้นหาและปลดล็อกอีกเพียบ และบอกไว้ก่อนเลยว่ามีฉากและบอสบางตัวทำให้คุณตะลึงได้เลย (บอกไม่ได้เดี๋ยว Spoil ) อย่างไรก็ตามฉากในเกมไม่ได้กว้างมากอย่างที่คุณคิด แต่มีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมายเกินกว่าที่คุณจะคาดเดาได้ และยังกลับมาเล่นอีกรอบเพื่อแก้ปริศนาและเก็บของให้ครบหมด แถมยังวาร์ปไปยังจุดในฉากได้ด้วยทำให้การท่องไปในโลกของมาริโอรวดเร็วไม่มีสะดุด
โดยการเดินทางไปแต่ละดินแดนต้องใช้ยาน Odyssey ท่องไปได้ทั่วโลกแต่ยานของเราต้องการพลังงาน Moon ที่เป็นหน้าที่ของลุงหนวดมาริโอของเราที่ต้องไปหามา แต่จะมีคนเดียวคงจะสู้เจ้าคุปป้าไม่ได้ ทำให้ภาคนี้เราจะได้คู่หูเป็น Cappy ที่จะมาในรูปแบบของหมวก วิเศษที่เป็นอาวุธปาใส่ศัตรูได้ และมันยังช่วยให้เรากระโดดไปได้ไกลมากขึ้น
และ Cappy ยังมีความสามารถในการสิงยึดร่างศัตรูมาเป็นพวกได้ และทำให้เกมเพลย์ของภาคนี้โดดเด่นมากเพราะเมื่อเราสิงร่างศัตรูตัวไหนเราจะใช้ความสามารถของตัวนั้นได้ และเราใช้ในการแก้ปริศนาได้เช่น สิงร่างของไดโนเสาร์ T-rex แล้วเรามีพลังทำลายล้างสูงทำลายได้ทั้งก้อนหินหรือศัตรูที่ปรกติจะสู้ไม่ได้ หรือสิงร่างบอลไฟแล้วเราจะลุยลาวาที่ร้อนแรงได้ และยังสิงร่างกับสิ่งของเพื่อแก้ปริศนาเพื่อหาทางไปต่อได้
และอย่าเพิ่งมองว่าเกมจะซ้ำรอยเดิมๆเพราะเห็นว่า คุปป้า จับเจ้าหญิงพีชไปอีกแล้ว เพราะในเกมมีอะไรรอเซอร์ไพรส์เราตลอดเกมชนิดไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ มาริโอ แม้วว่าเนื้อเรื่องจะไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากมายตามแบบฉบับซีรีส์มาริโอ ส่วนอีกความโดดเด่นของภาคนี้คือ เสื้อผ้าของมาริโอที่เราสามารถใช้เงินซื้อได้โดยมีทั้งชุดหลักของซีรีส์มาริโอ ที่ลุงหนวดเคยใส่มาแล้วในอดีต ไปจนถึงชุดแปลกๆอย่างชุดโจรสลัด , ชุดซามูไร หรือจะให้ลุงหนวด มาริโอใส่กางเกงว่ายน้ำและเปลือยอกก็ทำได้ ซึ่งนอกจากชุดเรายังเปลี่ยนหมวกได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามแต่ละชุดไม่ได้มีความสามารถแตกต่างอะไร แต่ก็มีรายละเอียดเช่นเมื่ออยู่ในเมืองหนาว หากสวมชุดกันหนาวแล้ว มาริโอ ก็จะไม่ทำท่าทางว่ากำลังหนาวอีกต่อไปแล้ว
อีกทั้งการนำเสนอการเล่นของเกมมาแปลกเพราะเราต้องกำจัดบอสในช่วงแรกของการเข้าไปยังดินแดนใหม่ๆ ซึ่งเราก็จะมีอิสระในการทำภารกิจได้ แต่บางฉากเราก็นำเสนอเหมือนเกมทั่วๆไป ทำให้มันมีความหลากหลายไม่ซ้ำซาก และยังมีฉากพิเศษที่ซ่อนอยู่ในเกมที่เราไม่สามารถใช้พังของหมวกได้ ต้องใช้ฝีมือในการเล่นล้วนๆ และบอกไว้ก่อนว่าเกมไม่ง่าย ผู้เล่นต้องฝึกฝนการใช้ท่าไม้ตายกับการปาหมวกให้แม่นๆเพราะบอสบางตัวในเกมโหดพอตัว แต่สำหรับมือใหม่ปู่นินได้ส่ง Assist Mode หรือโหมดง่ายที่ลุงหนวดจะมีพลังชีวิตมากกว่าเดิม 2 เท่า และต่อให้ตกเหวหรือตกลาวาก็ไม่ตาย (แต่ขีดพลังจะลดแทน) อย่างไรก็ตามทุกโหมดในมาริโอภาคนี้หากเราพลาดตายตัวจะไม่ลด(เพราะไม่มี) แต่จะเสียเหรียญทองแทน ซึ่งก็เล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนการควบคุมบังคับหลายแบบทั้งแบบใช้ปุ่มกดทั้งในแบบพกพา หรือใช้ pro controller และยังรองรับการใช้ระบบจับการเคลื่อนไหวของ Joy-con ที่ส่วนตัวแล้วคิดว่าควบคุมได้สะดวกที่สุดแล้ว เพราะสามารถใช้ลูกเล่นหมวกได้ดีที่สุด ปิดท้ายกับ การเล่นกับเพื่อนคนหนึ่งบังคับ มาริโอ และ อีกคนบังคับหมวก และอีกโหมดที่แฟนเกมต้องชอบคือโหมด ถ่ายภาพ Snapshot Mode ที่ช่วยให้เราได้รูปถ่ายงามๆจากเกม ที่เราสามารถปรับแต่งและเปลี่ยนมุมกล้องได้
ในตอนแรกผู้เขียนคิดว่าข้อเสียของ Super Mario Odyssey คือเกมไม่ยาวเพราะหากวัดแค่เล่นจบก็ใช้เวลาไม่นาน แต่เชื่อว่าการปรับเกมให้สั้นลงเพราะปรับให้เข้ากับการพกไปนอกบ้านของ Switch และต่อให้จบไปแล้วเราสามารถกลับไปเล่นได้หลังเล่นจบเพื่อรวบรวม Moon ให้ครบเพื่อปลดล็อกสิ่งต่างๆในเกมที่มีอะไรให้ทำอีกมากมาย โดยเฉพาะดินแดนใหม่ๆที่รอท้าทายผู้เล่นอยู่เพียบ
สรุปแล้วหลังจากได้เล่น Super Mario Odyssey บอกได้เลยว่าสนุกไปทุกนาทีที่ได้เล่น เกมมีทั้งเสน่ห์ของลุงหนวดมาริโอ ที่เพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆไปได้อย่างลงตัว ส่งผลให้มันไม่ใช่แค่เกมมาริโอที่สนุกมากๆ แต่เป็นเกมที่สนุกที่สุดในรอบหลายปี และเป็นอีกหนึ่งผู้ท้าชิง Game Of The Year 2017 อย่างแน่นอน