Our score
8.8Kingdom Hearts III
จุดเด่น
- บทของเกมที่ยังคงหนักแน่นในเรื่องของความผูกพันธ์และมิตรภาพ ที่แม้จะน้ำเน่าแต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
- เกมเพลย์ที่ลื่นไหล เข้าใจได้ง่าย พร้อมด้วยเอฟเฟคต์ที่อลังการงานสร้าง
- ซีรี่ส์เดียวที่คุณจะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับตัวละครจากดิสนีย์มากมาย
- งานประพันธ์เพลงที่ไพเราะและกินใจจากโยโกะ ชิโมมูระ
- มินิเกมที่หลากหลาย มีอะไรให้ทำนอกเหนือจากเนื้อเรื่องหลักไม่น้อย
จุดสังเกต
- เนื้อเรื่องที่สลับซับซ้อนและเชื่อมโยงกับภาคย่อยเยอะมาก ทำให้ยากต่อการที่ผู้เล่นหน้าใหม่หรือคนที่ตามเล่นไม่ครบทุกภาคจะเข้าถึงได้
- หลายๆระบบในการต่อสู้ไม่ค่อยจำเป็น แค่จับยัดๆมาจากภาคก่อนเท่านั้น
- ไม่มีตัวละครจากซีรี่ส์ไฟนอลแฟนตาซีมาปรากฏตัวเหมือนภาคก่อนๆ ทำให้แฟนๆบางส่วนน่าจะผิดหวัง
-
บทและการเล่าเรื่อง
8.0
-
ระบบการเล่น
9.0
-
ภาพและงานกำกับศิลป์
9.0
-
ดนตรีและเสียงประกอบ
9.0
-
การนำเสนอ
9.0
Kingdom Hearts 3 คือภาคหลักภาคที่ 3 ของซีรี่ส์ Kingdom Hearts ที่เป็นโปรเจ็คท์เกมยักษ์ใหญ่ร่วมกันระหว่าง Square-Enix (ที่ในตอนนั้นยังเป็น Square Soft) ผู้สร้างซีรี่ส์อย่าง Final Fantasy และ Walt Disney Studio ผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่พวกเรารู้จักกันดี ทำให้ซีรี่ส์นี้เป็นการ Cross-over กันระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกที่เราจะได้เห็นตัวละครจากภาพยนต์อนิเมชั่นของดิสนี่ย์(รวมถึงพิกซาร์ในปัจจุบัน)มาโลดแล่นร่วมกันกับตัวละครจากเกมดังๆ ของ Square-Enix อย่างซีรี่ส์ Final Fantasy และภาคที่ 3 นี้ก็จะเป็นบทสรุปของเนื้อหาสำคัญของเกมที่เริ่มมาตั้งแต่ภาคแรก และเป็นภาคที่แฟนๆ ต่างก็รอกันมากว่า 10 ปีนับจากภาค 2 ได้วางจำหน่ายในปี 2005
ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเป็นหนึ่งในแฟนของซีรี่ส์นี้ที่ติดตามมันมาอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่ได้ถึงขนาดตามไปเล่นภาคย่อยทุกภาคจนเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็มากพอที่จะเข้าใจอะไรๆที่เกิดขึ้นในภาคนี้ได้ในระดับหนึ่ง ผมใช้เวลาทั้งหมด 36 ชั่วโมงในการจบรอบแรกในโหมด Proud ซึ่งก็คือโหมดยากของเกม ก็หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเป็นประโยชน์กับหลายๆ คนได้นะครับ
เรื่องราวของซีรี่ส์ Kingdom Hearts นั้นเป็นเรื่องราวการผจญภัยของ โซระ (Sora) เด็กหนุ่มผู้อาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทสองคนคือ ไคริ (Kairi) และ ริคุ (Riku) บนเกาะแห่งชะตากรรม (Destiny Island) ก่อนจะจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นผู้ถือคีย์เบลด (Keyblade) อาวุธปริศนาที่มีหน้าตาเหมือนกุญแจขนาดยักษ์ และต้องออกเดินทางไปยังโลกต่างๆ จากอนิเมชั่นของดิสนี่ย์ร่วมกับโดนัลด์ ดั๊ก (Donald Duck) และกู๊ฟฟี่ (Goofy) เพื่อตามหาเพื่อนทั้งสองของเขา อันนำไปสู่การผจญภัยที่จบลงด้วยการปกป้องจักรวาลจากวายร้ายผู้หมายจะครอบครอง Kingdom Hearts แหล่งพลังงานและภูมิปัญญาอันเป็นดั่งหัวใจของทั้งจักรวาล โดยใน KH3 นั้นจะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ใน Kingdom Hearts 3D : Dream Drop Distance บนเครื่องที่วางจำหน่ายบนเครื่อง Nintendo 3DS ซึ่งเป็นเหตุการณ์ย่อยหลังเหตุการณ์ในภาค 2 บนเครื่อง Playstation 2 และเป็นภาคสิ้นสุดเรื่องราวของ เซอานอร์ท (Xehanort) ตัวร้ายผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ของทุกๆภาคที่ผ่านมา(ไม่นับภาค Union และ Union X ที่เป็นเกมมือถือและมีเนื้อเรื่องเล่าถึงอดีตที่ไกลโพ้น) ทำให้ภาคนี้กลายเป็นภาครวมรุ่นที่เหล่าตัวละครจากภาคก่อนๆ จะมารวมตัวกันเพื่อต่อกรกับเซอานอร์ทเป็นครั้งสุดท้าย
เนื้อเรื่องของซีรี่ส์นี้จัดเป็นปัญหาข้อสำคัญที่ทำให้ KH นั้นยากต่อการที่ผู้เล่นหน้าใหม่จะเข้าถึงได้ ด้วยการที่เนื้อหานั้นกระจัดกระจายไปอยู่ตามภาคย่อยต่างๆ มากมายที่ต่างก็อยู่บนเครื่องเล่นคนละเครื่อง ซึ่งแม้จะเป็นภาคเสริมแต่ก็เป็นส่วนสำคัญทั้งในแง่ปมต่างๆของเรื่องและการได้รู้จักตัวละครใหม่ๆ และถึงแม้จะสามารถตามไปเล่นจบครบทุกภาคได้ แต่เรื่องราวในจักรวาลของ KH ก็ถูกขยายต่อยอดจนมีหลักการมีกฎเกณฑ์อะไรต่อมิอะไรยุบยับไปหมดจนเกินจะจำกันไหว ซึ่งในภาคสามนี้ก็จะสามารถเห็นได้ถึงความพยายามในการปูเรื่องราวเหล่านั้นให้กับผู้เล่นใหม่ ทั้งด้วยการแทรกผ่านบทสนทนาในเกมและจากการที่มีโหมด Memory Archive ให้สามารถเข้าไปดูสรุปเนื้อเรื่องภาคที่ผ่านๆ มาซึ่งจัดทำโดยทีมพัฒนาเองทั้งจากในเกมและบนยูทูป แต่ด้วยความซับซ้อนและพัวพันที่สั่งสมมาตลอดทำให้มันยังไม่สามารถปูเรื่องให้กับคนเล่นใหม่ได้ชัดเจนมากพออยู่ดี อยู่ในแค่ระดับที่พอจะตามโครงใหญ่ๆ ได้แต่ก็น่าจะยังงงกับเหตุการณ์และตัวละครหลายๆ ตัวไม่มากก็น้อย ทำให้ประสบการณ์ของการเล่น KH3 นั้นจะค่อนข้างต่างกันมากระหว่างแฟนเกมที่ติดตามเนื้อเรื่องอย่างใกล้ชิด กับคนเล่นหน้าใหม่หรือแฟนทั่วๆ ไปที่เล่นเฉพาะภาคหลักๆ ไม่กี่ภาค
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกมนี้และภาคก่อนๆ ในซีรี่ส์ทำได้ดีอย่างสากลไม่ว่าจะกับผู้เล่นหน้าเก่าหรือไม่ก็คือบทและสเน่ห์ของตัวละคร ที่แม้ว่าจะมีความน้ำเน่าสไตล์พลังมิตรภาพให้ชวนกรอกตามองบนอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความที่แก่นของ KH นั้นคือเรื่องราวที่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ความน้ำเน่าเหล่านั้นจึงกลับกลายเป็นการเสริมความแข็งแรงให้เรื่องราวที่มันจะสื่อเสมอๆ KH จึงมีบรรยากาศที่หนักแน่นชัดเจน ง่ายต่อการที่เราจะเคลิ้มและมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร และเป็นเหตุผลที่ฐานแฟนๆ เกมนี้ยังคงเหนียวแน่น ยิ่งในภาคนี้เป็นการรวมตัวของแทบทุกตัวละครในภาคที่ผ่านๆ มา มันจึงยิ่งทรงพลังมากขึ้นเป็นพิเศษ ถ้าใครที่เป็นแฟนเกมนี้อยู่แล้วหรือไม่ซีเรียสมากกับความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง ก็น่าจะสามารถอินไปกับเกมนี้ได้ไม่ยากเลย
ในส่วนของการเล่าเรื่องนั้นก็ยังใช้โครงสร้างเดียวกับภาคหลักที่ผ่านๆ มา คือเป็นการเดินทางไปยังโลกจากภาพยนต์อนิมชั่นของดิสนี่ย์ต่างๆ ระหว่างทางก่อนที่เรื่องจะไปบรรจบที่โลกสุดท้ายของเกมที่มาจากตัวเกมเอง โดยในแต่ละโลกของดิสนี่ย์นั้นก็จะมีเรื่องราวหรือปัญหาที่โซระต้องเข้าไปมีเอี่ยวและช่วยคลี่คลาย บางโลกก็จะอิงเนื้อเรื่องจากในภาพยนต์มาเลย บางโลกก็อาจจะเป็นเนื้อเรื่องใหม่หรือต่อจากในภาพยนตร์ ซึ่งโดยภาพรวมนั้นก็ทำได้ตามมาตรฐานภาคที่ผ่านๆ มา คือทำเนื้อเรื่องย่อๆ พอหอมปากหอมคอให้แฟนการ์ตูนดิสนีย์ได้เห็นตัวละครต่างๆ ออกมาโลดแล่นในเกม อย่างไรก็ตาม บางโลกนั้นจะเห็นได้ชัดว่าตัดต่อเนื้อเรื่องที่ย่อๆ ลงมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร มันจึงมีจังหวะที่สะดุดอยู่เยอะและคนที่ไม่เคยดูภาพยนตร์ต้นฉบับมาก่อนอาจจะงงได้ ยังดีที่ตัวเนื้อเรื่องหลักนั้นไม่มีปัญหานี้เท่าไหร่จึงไม่ได้เสียหายมากอะไร
โดยรวมๆในทางเนื้อเรื่องของเกมนี้จึงถือว่าทำได้ดีในแง่ของการสร้างบรรยากาศและการสร้างอารมณ์ร่วม เพียงแต่ติดปิดปัญหาที่โครงเรื่องมันซับซ้อนเกินไป (ในทางไม่ดี) จนยากต่อการเข้าถึงสำหรับผู้เล่นใหม่
KH3 เป็นเกม Action-RPG นั่นก็คือตัวเกมเพลย์หลักจะเป็นแอคชั่นแบบรัวปุ่ม ลุยๆ ฟันๆ พร้อมเอฟเฟคต์อลังการ ผสมผสานกับระบบพัฒนาตัวละครแบบเกม RPG ที่จะมีเรื่องของเลเวล ค่าสถานะ อุปกรณ์สวมใส่ของตัวละคร ตลอดจนการซื้อขายและคราฟท์ไอเทมต่างๆ ที่ในภาคนี้เราสามารถอัพเกรดคีย์เบลดแต่ละอันได้อีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของซีรี่ส์ก็อยู่ที่ความเข้าใจง่ายของทั้งสองส่วนที่ทำให้ผู้เล่นสามารถออกคอมโบการโจมตีที่ตระการตาได้แม้จะกดเพียงไม่กี่ปุ่ม และในภาคนี้ก็ยังคงสเน่ห์นั้นไว้ เมื่อรวมกับคุณภาพกราฟฟิคในปัจจุบันและความลื่นไหลในการควบคุมตัวละครที่คมขึ้นจากภาคก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้การต่อสู้ใน KH3 นั้นเข้าถึงได้ง่าย น่าพึงพอใจ และทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเก่งอยู่เสมอ
สิ่งที่ทั้งดีและไม่ดีก็คือ ภาคนี้เป็นการรวมระบบต่างๆ จากภาคก่อนๆ เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Formchange ที่ทำให้เราเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคีย์เบลดไปเป็นปืน เป็นหอก หรือแม้กระทั่งรถม้า ที่เปลี่ยนท่าโจมตีให้ทรงพลังขึ้นในระหว่างการต่อสู้ได้ตามคีย์เบลดที่เราถือ ระบบ Shotlock ที่เป็นเหมือนท่าไม้ตายจากภาค Birth By Sleep หรือระบบ Free Flow Motion ที่ช่วยให้การปีนป่ายลื่นไหลและมีตัวเลือกในการโจมตีมากขึ้นจากภาค 3D แล้วยังมีระบบที่เพิ่มเข้ามาใหม่อย่าง Attraction ที่ทำให้เราสามารถเรียกเครื่องเล่นใน Disneyland ต่างๆออกมาช่วยสู้ได้ ซึ่งในแง่ของความหลากหลายและอลังการนั้นก็ถือว่าดีอยู่ แต่ความที่มันเยอะเกินไปนั้นทำให้เราไม่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบเหล่านี้ได้เต็มที่ อย่างเช่นระบบ Free Flow Motion นั้นเดิมทีในภาค 3D จะทำให้เราสามารถออกท่าโจมตีแรงๆในการต่อสู้ได้ พอมาในภาคนี้เมื่อมีระบบ Formchange และ Attraction ที่รุนแรงกว่าแล้ว จึงทำให้ Flee Flow Action ใช้แค่ในการแก้ปริศนาและปีนป่ายฉากเท่านั้น ยิ่งระบบ Link ที่ใช้เรียกเหล่าตัวละครจากดิสนีย์มาช่วยสู้นั้นยิ่งแทบไม่จำเป็นเลย มันจึงมีความล้นๆ ที่แม้จะไม่ได้ทำให้อรรธรสของเกมเสีย แต่ก็เป็นจุดที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
ในส่วนของมินิเกมต่างๆ ที่เป็นของคู่กันในซีรี่ส์นั้นภาคนี้ก็ถือว่าทำได้ดี คือเน้นความหลากหลายและของรางวัลที่คุ้มค่า มีหลายๆ แบบแต่ไม่ได้ต้องเล่นซ้ำเยอะๆ เหมือนในภาคก่อนๆ เช่น มินิเกมขับเรือซึ่งเป็นส่วนที่ใช้เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆในโลก Pirate of the Caribbean มินิเกมทำอาหารกับเจ้าหนูเรมี่จาก Ratatouille ที่จะทำให้เราได้ไอเทมจำพวกอาหารมากินเพิ่มบัฟสถานะต่างๆ ตลอดจนระบบถ่ายรูปภายในเกมที่เราจะเซลฟี่ก็ยังทำได้ และมีมินิเกมเป็นการตามถ่ายรูปสัญลักษณ์มิกมี้เมาส์ตามที่ต่างๆ เหมือนกับใน Disneyland ของจริง ตัวยานกุมมี่ (Gummiship) ที่เป็นมินิเกมขับยานท่องอวกาศที่มีมาทุกภาคนั้น ในภาคนี้ได้ปรับเป็นเหมือน open world ย่อมๆให้เข้าขับไปดาวไหนก็ได้ จะสู้ศัตรูระหว่างทางหรือจะบินหลบลัดไปก็ได้ ทำให้การขับยายกุมมี่นี้สนุกขึ้นจากภาคก่อนๆ จะติดก็ตรงที่การควบคุมเพื่อหมุนทิศทางยานนั้นค่อนข้างหนืดจนน่าหงุดหงิดนิดหน่อย
ต้องยอมรับว่านี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่น่ากังวลที่สุดของภาคนี้ เนื่องจากที่ผ่านมานั้น งานภาพของ KH จะออกไปในทางการ์ตูนสีสันสดใส ซึ่งดูจะยากต่อการทำให้ภาพดูดีสมเป็นยุคปัจจุบันแต่ก็ยังไม่เสียความเป็นการ์ตูนนั้นไว้ ซึ่งผลที่ได้ก็ออกมาดีกว่าที่คิดมาก ดูเหมือนว่าการที่ทีมพัฒนาเกมนี้เปลี่ยนไปใช้ Unreal Engine 4 แทนที่ Luminous Engine ที่พัฒนาขึ้นมาเองนั้นจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แม้จะยังมีจุดที่ดูขัดๆ บ้าง เช่น พวกทรงผมหรือเทกส์เจอร์บางจุด ทำให้ไม่ได้เหมาะเหม็งเต็มร้อยเมื่อเทียบกับ Dragon Quest 11 เกมจากค่ายเดียวกันที่ออกไปก่อนหน้านี้ที่เจอโจทย์คล้ายๆ กัน แต่ก็ถือว่าดูดีไม่ขัดตา อนิเมชั่นต่างๆ ก็ทำได้ดีมากๆ โดยเฉพาะกับพวกตัวละครต่างๆ ในโลกดิสนีย์ที่เรียกว่าจัดเต็มกันสุดๆ อย่างกับเอาโมเดลมาจากภาพยนตร์จริงมาใช้ทีเดียว แต่ที่น่าสังเกตเป็นพิเศษคือพวก Particle Effect อย่างพวกเปลวไฟ น้ำ แสงสีจากการใช้เวทย์มนต์ต่างๆ ที่จัดเต็มมากๆ ทะลุทะลักจอสุดๆ ยิ่งพวกเอฟเฟคต์อนิเมชั่นเวลาเปิดโลโก้ของแต่ละดาวนี่ยิ่งดูสนุก คือเห็นแล้วรู้เลยว่าทีมงานมันก็สนุกกับการทำอะไรพวกนี้เหมือนกัน
ตัวงานออกแบบฉากนั้นก็ถือว่าต่อยอดมาจากภาค 3D ได้ดีมาก พอมีระบบ Free Flow Motion ให้เราสามารถปีนป่ายฉากได้ง่ายๆ แล้ว ตัวเกมจึงมีฉากที่ไต่ไปในแนวตั้งเยอะขึ้น ทำให้ฉากต่างๆ มีมิติ มีลูกเล่น ดูสมจริงสมจังมีชีวิตชีวา แล้วยังค่อนข้างหลากหลายตามแต่ธีมของโลกดิสนีย์นั้นๆ เช่น ในโลก Pirate of the Caribbean ฉากต่างๆ ก็จะเป็นหมู่เกาะเล็กๆ ที่เราแล่นเรือเข้าไปสำรวจได้ มีส่วนใต้น้ำให้ลงไปดำอีกด้วย หรืออย่างโลก Frozen ก็จะเน้นฉากแนวตั้งให้เราไต่เขาขึ้นไปเพราะเป็นภูเขาหิมะ เป็นต้น ความหลากหลายนี้ทำให้บรรยากาศในเกมเปลี่ยนไปตลอดเวลาและไม่น่าเบื่อ อย่างไรก็ตาม บางฉากนั้นใหญ่แต่กลับซ้ำซากเกินไปอยู่บ้าง ส่งผลเสียต่อจังหวะเกมที่ทำให้บางช่วงเรารู้สึกว่าเมื่อไหร่จะผ่านจุดนี้ไปสักทีแทน
แต่สิ่งที่ทำให้บรรยากาศเกมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือมีการใส่ NPC เข้ามาในพื้นที่ต่างๆแล้ว โดยเฉพาะในเมืองนี่เดินกันให้ขวั่กทีเดียว สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่อาจจะไม่รู้สึกว่าแปลก แต่แฟนๆ เกมนี้จะรู้ว่าที่ผ่านๆมานั้นโลกของ KH จะค่อนข้างโหลงเหลงไม่มี npc เดินไปเดินมาเท่าไหร่ พอภาคนี้มาจัดเต็มเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่น่าประทับใจสำหรับแฟนๆไม่น้อย
หนึ่งในจุดแข็งของซีรี่ส์ KH นั้นก็คือเพลงประกอบที่ไพเราะและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกจากโยโกะ ชิโมมุระ (Yoko Shimomura) ที่ทำเอาแค่เพลงเมนูเข้าเกมอย่าง Dearly Beloved นี่ก็ทำให้แทบจะน้ำตาไหลกันได้แทบทุกภาคไปแล้ว มาภาคนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยเพลงเพราะๆ เช่นเดิม ติดแค่ว่ามีเพลงใหม่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบว่าเป็นภาคหลัก หนักไปทางใช้เพลงเก่ามารีมิกส์เอามากกว่า ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะภาคนี้เป็นการรวมของตัวละครทั้งหมดทั้งฝั่งดีและร้าย ทำให้ไม่ว่าจะเพลงตีมในฉากซึ้งก็ดี เพลงในฉากสู้บอสก็ดี ล้วนแล้วแต่ใช้เพลงประจำตัวละครที่มีมาจากภาคก่อนๆทั้งนั้น ซึ่งมันก็ดีสำหรับแฟนๆเพราะทำให้ขนลุกไปได้หลายฉากเลยทีเดียว แต่มันก็ทำให้ตัวเกมมีเพลงใหม่ของภาคนี้จริงๆ น้อยตามไปด้วย กลายเป็นว่าเพลงที่น่าจดจำจากภาคนี้จริงๆ จึงมีแค่ Don’t Think Twice และ Face my Fear ที่เป็นผลงานการขับร้องของอุทาดะ ฮิคารุ (Utada Hikaro) ที่มาร้องเพลงประกอบซีรี่ส์นี้ให้ตลอดนั่นเอง
ส่วนเสียงประกอบนั้นเรียกได้ว่าใช้เสียงประกอบจากภาคเก่าๆ มาทั้งดุ้นเลย คือเสียงประกอบเอฟเฟคต์การโจมตีและใช้เวทย์มนต์ต่างๆ นั้นจะเป็นเสียงประกอบที่มีความหวือหวาระยิบระยับสูง ฟังแล้วรู้สึกว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นเยอะไปหมด ซึ่งมันก็เข้ากันได้ดีกับตัวเกมที่เน้นความอลังการในการต่อสู้สูงอยู่แล้ว แต่เพราะความเหมือนเดิมจึงทำให้ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษไปด้วย
Kingdom Hearts 3 ยังคงทำสิ่งที่เกมนี้ทำมาได้ดีแทบในทุกภาคคือการรักษาบรรยากาศที่ตระการตาราวกับไปเที่ยว Disneyland มันเป็นการยำมั่วซั่วที่เป็นเต็มไปด้วยสีสันและอารมณ์ แต่ละโลกจากดิสนี่ย์ที่เราไปเยือนไม่ได้มีเพียงตีมของฉากหรือเรื่องราวที่เป็นของตัวเอง มันยังมีมินิเกมและระบบยิบย่อยต่างๆ ที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของโลกนั้นๆ ออกมามากขึ้น บางมินิเกมนั้นก็บ้าๆบอๆจนถ้าจับแยกไปเล่นเดี่ยวๆแล้วก็จะกลายเป็นไม่สนุกไปเลย แต่เมื่อมันมาอยู่ในบริบทของเกมอย่าง KH3 แล้วมันก็ช่วยทำให้จังหวะเกมเปลี่ยนไปตลอดเวลา
ฉากคัตซีนต่างๆก็ทำออกมาได้ดีมากๆ แม้ปัญหาทางเนื้อเรื่องอาจจะทำให้บางซีนสะดุดไปบ้าง แต่ความอลังการและเต็มไปด้วยอารมณ์ของมันก็ทำให้เราตื่นเต้นและอยากติดตามมันเสมอ ยิ่งโดยเฉพาะแฟนๆ ซีรี่ส์ที่เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยฉากเซอร์วิสจัดเต็มกันสุดๆ คือถ้ามีซักภาคหรือตัวละครที่ชอบซักตัวหนึ่งในซีรี่ส์ มันก็จะมีฉากที่ทำให้ยิ้มหรือนั่งตัวไม่ติดแน่ๆ อย่างน้อยๆ ก็ฉากสองฉาก สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนก็น่าจะทำให้สนใจและอยากกลับไปเล่นภาคก่อนๆเพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไปของหลายๆตัวละครได้เลย
แต่ที่ผมคิดว่าเป็นทีเด็ดจริงๆ ของการนำเสนอก็คือความละเอียดลออผ่านงานออกแบบ UX/UI ต่างๆ แต่ละโลกที่เราไปเยือนจะมีหน้าต่างคำสั่งที่หน้าตาไม่เหมือนกันตามตีมของโลกนั้นๆ และแทบทุกหน้าต่างก็จะมีเอฟเฟคต์และอนิเมชั่นเล็กๆเสมอๆ โลโก้ของโลกต่างๆ ก็มีอนิเมชั่นเปิดตัวที่จัดเต็มและดึงบรรยากาศของโลกนั้นๆ ออกมาได้ล้นทะลักมากๆ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไปและไม่ทันสังเกต แต่มันคือสิ่งที่ทำให้เราผู้เล่นรู้สึกว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี เป็นจุดเชื่อมที่ทำให้การยำใหญ่ของอารมณ์ที่หลากหลายในเกมนี้นิ่มนวลขึ้น
ปัญหาเดียวใหญ่ๆที่ทำให้ผมไม่สามารถให้คะแนนในหัวข้อนี้เต็ม 10 ได้คือช่วงเริ่มต้นของเกมที่มันปูบริบทของเรื่องราวในภาคนี้มาน้อยเกินไป เมื่อเราเริ่มเกมมันจะเริ่มต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในภาค 3D ก่อนหน้าทันที ซึ่งสำหรับแฟนๆ ซีรี่ส์นั้นก็อาจจะไม่มีปัญหาเพราะสามารถกระโดดเข้าส่วนสำคัญได้เลย แต่สำหรับผู้เล่นใหม่หรือแฟนๆ ทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามใกล้ชิดก็อาจจะรู้สึกว่ามันเปิดเกมมาแล้วเข้าเรื่องอย่างงงๆ ไปแทน ซึ่งมันก็ทำให้บรรยากาศตอนเริ่มเกมมันไม่ทรงพลังเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่ช่วง 10 นาทีแรกของเกมเท่านั้น หลังจากนั้นความสนุกของเกมก็จะทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
โดยรวมๆแล้ว Kingdom Hearts 3 ถือว่าเป็นเกมที่ดีมากๆ เกมนึงและน่าจะเป็นภาคที่ดีที่สุดในซีรี่ส์สำหรับหลายๆ คน ด้วยลำพังระบบของเกมอย่างเดียวก็ทำให้มันสนุกและเข้าถึงได้ง่ายมากๆ แล้ว ตลอดจนงานภาพต่างๆ ที่อลังการจัดเต็มกันสุดๆ จนงงว่ามันเอางบทำมาจากไหน ถ้าเป็นคนที่ไม่มีปัญหากับการยำตัวการ์ตูนดิสนีย์หรืองานภาพสไตล์นี้แล้วล่ะก็ สื่งเดียวที่จะกั้นระหว่างการมองว่ามันเป็นเกมฟอร์มยักษ์ที่ดีสมมาตรฐานเกมนึงกับการหลงรักเกมนี้ไปเลย ก็คงจะมีแต่เนื้อเรื่องที่ชวนงงเท่านั้นเอง หากเป็นแฟนเกมนี้อยู่แล้วก็คงจะรักภาคนี้อย่างสุดตัวได้ไม่ยาก แต่สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่หรือแฟนๆ ขาจรนั้นก็คงต้องปรับตัวกันประมาณหนึ่งและคงยากที่จะได้รับความประทับใจเทียบเท่ากับแฟนๆ แต่ถ้าคุณโอเคกับเรื่องราวของมิตรภาพที่แม้จะน้ำเน่าแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยหัวใจล่ะก็ คุณจะไม่ผิดหวังที่ได้เล่นเกมนี้แน่นอน
อนึ่ง หากใครสนใจจะรับชมสรุปเรื่องราวของเกมนี้ในภาคก่อนๆ สามารถชมได้ผ่านซีรี่ส์ Memory Archive เป็นภาษาอังกฤษในแชนแนล Kingdom Hearts บนยูทูปได้ที่ลิ้งค์ดังต่อไปนี้
https://www.youtube.com/playlist?list=PLeBcr5Rpp49phVR-_GAIevGt35FUfWxe_
หากต้องการสรุปเนื้อเรื่องที่เป็นภาษาไทย สามารถรับชมคลิปสรุปเรื่องราวโดยแชนแนล Suggestive Gaming ที่ทางเพจ Re:Ffplanet ที่ได้ซับไตเติ้ลภาษาไทยไว้ได้ที่นี่