ช่วงนี้มองไปทางไหนก็เริ่มเห็นคนพูดถึงบอร์ดเกมมากขึ้น เดี๋ยวก็มีร้านบอร์ดเกมคาเฟ่งอกสาขาใหม่ใกล้บ้านขึ้นมามั่ง เดี๋ยวเพื่อน ๆ ก็มีกิจกรรมใหม่คือการนัดกันเล่นบอร์ดเกมด้วยกันในวันว่างมั่ง หรือจู่ ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งซื้อบอร์ดเกมที่ตัวเเองอยากเล่นมา แล้วก็เกณฑ์คนรอบตัวทุกคนมาเล่นให้ครบวงมันทุกอาทิตย์ (ผมเองนี่แหละ) จนดูเหมือนตอนนี้จะกลายเป็นยุคเรอเนสซองส์ของบอร์ดเกมไปแล้ว
เชื่อว่าต้องมีเกมเมอร์สายวิดีโอเกมหลายคนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่เหมือนกันว่าไอ้เจ้าเกมที่มีแผ่นกระดาษแข็ง ลูกเต๋า ตัวตุ๊กตุ่น มันสนุกตรงไหนหว่า? มันเป็นแค่กระแสเห่อชั่วครั้งชั่วคราวรึเปล่า แล้วสรุปแล้วผีถ้วยแก้วนี่ถือเป็นบอร์ดเกมมั้ย? (ไม่เกี่ยว) วันนี้ผมเลยจะมาขอแจกแจงให้เห็นกันไปเลยว่าบอร์ดเกมมีจุดที่ดีกว่าและด้อยกว่าวิดีโอเกมตรงไหนมั่ง จะได้รู้กันไปเลยว่าแพลตฟอร์มเกมแบบแมนนวลที่กำลังฮอตฮิตอยู่ตอนนี้มันคู่ควรให้ไปลองสักครั้งหรือไม่!
เรื่องที่หนึ่ง: ความว้าวตอนเล่นครั้งแรก
จุดเจ๋งของบอร์ดเกม: ฟินสุดตอนได้แกะกล่องเล่นครั้งแรก
ลองจินตนาการถึงความรู้สึกตอนแกะกล่องของขวัญที่มันมีทั้งความตื่นเต้นและความสนุกปนกันดูสิ ตอนเราได้แกะกล่องลองบอร์ดเกมใหม่ ๆ (โดยเฉพาะบอร์ดเกมกล่องใหญ่อลังการอย่าง Pandemic Legacy หรือ Mansion of Madness) ก็ให้ความรู้สึกฟินไม่แพ้กับโมเม้นท์นั่นหรอก ยิ่งได้เรียนรู้กฏไปด้วยกันกับเพื่อนจน “คลิก” กับระบบเกมเมื่อไหร่ยิ่งฟินคูณสอง เพราะยังไงการได้เปิดกล่องของที่มันจับต้องได้มันก็รู้สึกดีกว่าเกมโหลดจากดิจิทัลล่ะนะ
จุดห่วยของบอร์ดเกม: มีความตะกุกตะกักระหว่างเล่นสูง
วิดีโอเกมที่มีวิธีเล่นอันสลับซับซ้อนหลายตลบก็มีอยู่ถมไป แต่ถึงยังไงความฝืดระหว่างเล่นก็ไม่เท่าบอร์ดเกมแน่นอน ยิ่งตอนเล่นครั้งแรกที่ผู้เล่นคนหนึ่งต้องอ่านกฎทั้งหมดและอธิบายให้คนอื่นฟังไปด้วยนี่ฝืดมากขอบอก เล่นไปแป๊บนึงก็สะดุดแล้วก็ต้องเอากฎมาอ่านเพิ่มเติมอีก ซึ่งกลุ่มของผมโดนมาแล้วตอนเล่นเกมที่มีกฎเป็นเล่มอย่าง Star Wars: Imperial Assault ความตะกุกตะกักที่ว่านี้บางทีมันก็บั่นทอนความอินตอนเล่นเหมือนกัน ใครอยากสนุกบอร์ดเกมก็ต้องอดทนนิดนึงนะ
เรื่องที่สอง: ความมันส์เวลาโจ้กับเพื่อน
จุดเจ๋งของบอร์ดเกม: เหตุผลชั้นยอดในการนัดเพื่อนมาเฮฮาปาร์ตี้
จุดที่บอร์ดเกมเหนือกว่าวิดีโอเกมจริง ๆ ก็คือเรื่องนี้นี่แหละ คุณสามารถใช้มันมันเป็นเหตุผลที่ดีในการนัดเพื่อนมาร่วมตัวกัน เจอหน้ากัน แล้วก็ได้สนุกไปด้วยกันได้แบบยาว ๆ จริงอยู่ที่ว่าเราเล่นวิดีโอเกมกับเพื่อนก็ได้ แต่การเล่นออนไลน์ที่ได้ยินแค่เสียงมันสู้มานั่งเล่นด้วยกันแล้วก็ตะโกนด่าใส่หน้ากันไม่ได้ร้อก ยิ่งถ้าได้เล่นบอร์ดเกมยาก ๆ ด้วยกันแล้วช่วยกันแก้ปัญหาจนพิชิตเกมได้นี่ฟินอย่าบอกใครเลยเชียว
จุดห่วยของบอร์ดเกม: นัดเพื่อนพร้อมกันไม่ได้นี่จบเลยนะ
ความสนุกสุดมันส์ของบอร์ดเกมเวลาที่ได้เล่นกับเพื่อนนั้นเป็นดั่งดาบสองคม เพราะการจะนัดเพื่อน ๆ มารวมตัวเล่นเกมด้วยกันในที่เดียวได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นเกมเมอร์ในวัยทำงานแล้วยิ่งแล้วใหญ่ นัดกันไม่ได้ก็เป็นอันอดเล่นจ้านอกจากนี้ถ้าคุณไม่สามารถเกณฑ์เพื่อนมาเจอกันได้อย่างน้อยเดือนละครั้งนี่ลืมบอร์ดเกมแนว RPG เก็บเวลไปได้เลย และถึงแม้จะมีบอร์ดเกมหลายเกมที่สามารถเล่นคนเดียวได้แต่มันแห้งเหือดมากเหอะ ถ้ารวมหัวกันไม่ได้จริง ๆ ก็ไปเล่นวิดีโอเกมเหมือนเดิมเถอะจ้ะ
เรื่องที่สาม: ความท้าทายขณะเล่น
จุดเจ๋งของบอร์ดเกม: ฝึกกล้ามเนื้อสมองจนซิกแพ็กส์ขึ้น
เกมเมอร์ท่านใดที่กำลังมองหาความท้าทายเพราะคิดว่าวิดีโอเกมสมัยนี้มันช่างง่ายเหลือทน ขอให้รีบโดดมาในสนามบอร์ดเกมให้ไว เพราะจากที่ได้ลองมาบอร์ดเกมแทบทุกเกมจะพกความท้าทายขนาดใหญ่เท่าบ้านมาด้วยเสมอ (ถ้าเทียบเป็นวิดีโอเกมก็คือมีแต่ระดับความอยาก Hard และ Insane ให้เลือกแหละจ้า) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือเกม Pandemic นี่แหละ ความท้าทายที่ว่าต้องใช้ไหวพริบและเชาว์ปัญญาของคุณและเพื่อน ๆ รวมกันถึงจะชนะเกมได้ ยิ่งถ้าเป็นบอร์ดเกมแนวไฝ้กับชาวบ้านนี่ต้องนั่งคิดแล้วคิดอีกคิดล่วงหน้าหลายตาจนไอคิวพุ่งกระฉูดแน่นอน
จุดห่วยของบอร์ดเกม: บางทีก็ยากเกินไปป้ะ
ความท้าทายมันก็ดี แต่เล่นท้าทายตลอดเวลามันก็ไม่มีจังหวะพักหัวให้เล่นชิล ๆ กันเลยสิ (เว้นแต่จะเล่นพวกปาร์ตี้เกมอย่าง Monopoly) กะจะใช้เล่นพักสมองดันกลายเป็นเล่นแล้วเครียดกว่าเดิมซะงั้น นอกจากนี้ความยากจนไม่แฟร์ของเกมบอร์ดหลาย ๆ เกมก็ดันไปอิงกับดวงของผู้เล่น โดยเฉพาะดวงการจั่วไพ่หรือทอยลูกเต๋าที่อาจทำให้แผนที่คุณวางมาอย่างพิถีพิถันเละตุ้มเป๊ะไม่มีชิ้นดี แต่จุดนี้ก็ช่วยให้บอร์ดเกมมีความมั่วมันส์และทำให้เกมคาดเดาไม่ได้มากขึ้นด้วยอะนะ (และฮาขึ้นด้วย)
เรื่องที่สี่: ความคุ้มค่า
จุดเจ๋งของบอร์ดเกม: เอามาเล่นได้หลายรอบไม่มีเบื่อ
ข้อดีของบอร์ดเกมส่วนใหญ่ก็คือถึงแม้กฎการเล่นจะตายตัว แต่อารมณ์การเล่นที่ได้รวมถึงกลยุทธ์ที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญในแต่ละเกมจะเปลี่ยนไปตามเพื่อน ๆ ที่มาเล่นด้วย ตัวอย่างเช่น ในบอร์ดเกมแนวผจญภัยฝ่าด่านอย่าง Zombicide คุณอาจจะเห็นเพื่อนกลุ่มนึงเล่นแบบรอบคอบรัดกุมมุ่งเน้นทำแต่ภารกิจ อีกกลุ่มหนึ่งเน้นฆ่าศัตรูเอามันส์อย่างเดียว ในขณะที่อีกกลุ่มมุ่งเน้นเก็บแต่โด้ของตุนเงินล้วน ๆ แพ้เพ้อไม่สน ทำให้การเอามาเล่นใหม่ในด่านเดิมก็ยังให้อรรถรสที่ต่างออกไปอยู่ดี
จุดห่วยของบอร์ดเกม: ค่าตัวแพงสำหรับกองกระดาษแข็งและพลาสติก
จริงอยู่ที่บอร์ดเกมเกมเดียวสามารถเอาไปเล่นซ้ำกับเพื่อนได้หลายรอบกว่าจะเบื่อ แต่ว่าค่าตัวมันค่อนข้างสูงกว่าวิดีโอเกมพอสมควรอะนะ ที่แน่ ๆ คือบอร์ดเกมมีของที่จับต้องได้มาในกล่องเยอะกว่าแน่ ๆ ( อย่างเช่น กระดาน ลูกเต๋า หุ่นพลาสติก ฯลฯ) เรื่องน่าเศร้าก็คือราคาของมันก็แพงขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งเป็นบอร์ดเกมกล่องใหญ่ ๆ ของเยอะ ๆ อย่าง Gloomhaven หรือ Mechs vs Minion นี่ราคาในไทยพุ่งไปแตะหลัก 6,000 บาทเลยจ้า อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะบริษัทที่ทำบอร์ดเกมส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นบริษัทยักษ์ทุนหนาระดับโลกและจำนวนเกมที่ผลิตออกมาแต่ละชุดก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ราคาก็เลยสูงตามไปด้วย ก็คิดซะว่าเราซื้อของสะสมแบบลิมิเต็ดเอดิชันละกันนะจ๊ะ
เรื่องที่ห้า: ความหัวร้อน
ข้อนี้ทั้งบอร์ดเกมและวิดีโอเกมกินกันไม่ลงจริง ๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของกระผมนี่บอกได้เลยว่าเวลาเล่นบอร์ดเกมกับเพื่อน ๆ สายกวนทีนแม่มนี่หัวร้อนชิบเป๋ง วิดีโอเกมมันยังได้ยินแค่เสียงหรือเห็นแค่ตัวอักษรพิมพ์มาเยาะเย้ย แต่บอร์ดเกมนี่มันมาครบทั้งสีหน้าท่าทางของคู่กรณี แถมบางทีผองเพื่อนฝั่งมันยังมาช่วยถ่มถุยซ้ำด้วยแน่ะ ซึ่งบางทีมันก็เป็นเสน่ห์ที่ช่วยให้เล่นฮาขึ้นอะนะ แต่โดนบ่อย ๆ บางทีมันก็ฮาไม่ออกนะเฟ้ย สำหรับเกมเมอร์ท่านไหนที่กำลังมองหาประสบการณ์หัวร้อนเกมมิ่งในแพลตฟอร์มอื่น รับรองว่าบอร์ดเกมแนวแข่งกับชาวบ้านนี่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ครัช
ก็หวังว่าทุกข้อที่สาธยายมาอย่างยืดยาวจะช่วยประกอบการตัดสินใจให้เกมเมอร์สายดิจิทัลลองโดดมาเล่นเกมสายแมนนวลอย่างบอร์ดเกมได้ง่ายขึ้นนะครับ ถึงแม้บอร์ดเกมจะยังมีข้อจำกัดของมันอยู่บ้างแต่มันก็มีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้จากวิดีโอเกมอยู่ดี ทั้งในด้านการได้ลับสมองและการได้ใช้เป็นเหตุผลสนุก ๆ ในการนัดเพื่อนรวมตัว ส่วนเกมเมอร์ท่านไหนที่ลองจัดกันมาแล้วและมีบอร์ดเกมเด็ด ๆ ที่สนุกไม่แพ้วิดีโอเกมไหนมาแนะนำ ก็คอมเมนต์กันด้านล่างมาได้เลยจ้า
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส