Our score
7.8Borderlands 3
จุดเด่น
- ปืนเป็นล้านแถมยังยิงสนุกแทบทุกกระบอก
- คอนเท้นท์โคตะระเยอะ
- โหมด Cooperation ช่วยให้เล่นกับเพื่อนได้อย่างมีความสุข
จุดสังเกต
- เนื้อเรื่องจืดชืดและไม่ค่อยตลก
- เกมกระตุก เก็บงานไม่ค่อยเนี้ยบ
- ไม่ค่อยมีอะไรใหม่
-
เนื้อเรื่อง
7.0
-
กราฟิก
7.0
-
ระบบการเล่น
8.5
-
ความสนุก
7.5
-
ความคุ้มค่า
9.0
เคยไหมครับที่จู่ ๆ วันหนึ่งเราก็ดันเดินไปจ๊ะเอ๋กับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมคนหนึ่ง คนที่มันเกรียน ๆ เป็นตัวโจ๊กของกลุ่มอะ แล้วพอได้คุยระลึกความหลังกับมันซักพักก็อดเซอร์ไพรส์ไม่ได้ว่ามันยังทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่างเลย ชอบเล่นมุกบ้า ๆ บอ ๆ และหัวเราะกับอะไรที่ปัญญาอ่อนแม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม ที่เห็นว่าหมอนี่ต่างออกไปจากเดิมไปก็มีแค่เสื้อผ้าหน้าผมที่ดูดีขึ้นตามยุคสมัยก็เท่านั้น นั่นแหละครับคือความรู้สึกตอนที่คุณเล่น Borderlands ภาค 3 ภาคต่อของซีรีส์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของเกมแนว Looter Shooter ภาคที่เอาเหล้าเก่า (แต่ยังอร่อย) มาขายในขวดใหม่ อะไรหนอที่ทำให้หมอนี่เป็นแบบนั้น เรามาไล่ดูไปพร้อมกันเลยดีกว่า
ยัง (เกรียน) ไม่เปลี่ยนเลยนะเอ็ง
Borderlands 3 คือเกมเดินหน้ายิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่เน้นให้เกมเมอร์ช่วยกันสู้ไปพร้อมกันกับเพื่อน ๆ โดยมันยังมีส่วนผสมของเกม RPG ปนอยู่ด้วย ตรงที่ผู้เล่นจะได้ล่าปืนดี ๆ ไอเท็มเด็ด ๆ มาใช้อวดกันระหว่างเล่น ผู้เล่นแต่ละคนจะสามารถเลือกสวมบทเป็น Vault Hunter หน้าใหม่คนไหนก็ได้จาก 4 คน อันได้แก่ Amara สาวไซเรนสุดแกร่งสำหรับสายอัดแหลก Zane อดีตสายลับที่มาพร้อมกับเกราะพลังงาน โดรน และร่างโฮโลแกรม สำหรับใช้รับมือได้ทุกสถานการณ์ Moze ทหารหญิงผู้ขับหุ่นเหล็ก Iron Bear เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเกมเมอร์ที่ชอบยิงแหลก และ FL4K พรานจักรกลที่พ่วงสัตว์เลี้ยงน่ารักพันธุ์โหดนานาชนิดมาด้วย สำหรับคนขี้เหงาที่อยากมีเพื่อนสี่ขาคู่ใจ
ทั้ง 4 จะต้องออกผจญภัยตามล่า Vault โบราณทั่วจักรวาล เพื่อหยุดยั้งแฝดเกรียนโรคจิตที่เป็นทั้ง Youtuber และผู้นำลัทธิโรคจิตให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะใช้พลังจาก Vault กดทุกคนให้กดไลค์ กดฟอลโลว์ และสยบแทบเท้าไปตาม ๆ กัน ในระหว่างทางเกมเมอร์ก็จะได้ประสบพบเจอกับตัวละครบ้าบอสารพัดที่มาปล่อยมุกเกรียนรัว ๆ ประหนึ่งกลัวจะลืมว่าเกมนี้มันเน้นเล่นเอาฮา
อาจจะฟังดูคุ้น ๆ ว่าทำไมทุกอย่างที่กล่าวมามันเหมือนทุกภาคที่เคยเล่นมาก่อนหน้านี้จัง นั่นก็เพราะมันเป็นอย่างนั้นแหละ Borderlands 3 คือนิยามของเกมที่ยึดมั่นกับแนวคิดที่ว่า “ก็มันไม่ได้มีอะไรเสียนี่หว่า แล้วจะไปเปลี่ยนมันทำไม” ทุกอย่างที่คุณจำได้จากซีรีส์นี้ยังคงอยู่เหมือนเดิมเด๊ะ ทั้งภาพสไตล์ลายเส้นการ์ตูนที่ดูสวยทันสมัยมากขึ้นบ้าง ทั้งมุกเกรียนกวนทีนที่ล้อกับ Pop Culture ใหม่ ๆ และปืนเป็นล้านกระบอกเหมือนจะเยอะกว่าเดิมอีก สิ่งเหล่านี้ได้รับการอัปเกรดให้ไฉไลกว่าเก่า เพื่อให้ Borderlands ภาคนี้สามารถมอบประสบการณ์ความสนุกที่คุ้นเคยได้อย่างไม่ตกยุคซะด้วย
ปืนเป็นล้านกลับมาแล้ว
จุดที่ได้รับการอัปเกรดอย่างเห็นได้ชัดในภาคนี้ (และยังช่วยให้เกมเล่นสนุกมากที่สุด) ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ “ปืน” ทีม Gearbox Software คงรู้ดีว่าคนที่เข้ามาเล่นเกมนี้เขาต้องการอะไรมากที่สุด ก็เลยจัด Loot ใส่พานประเคนให้แบบงาม ๆ มันซะเลย เริ่มจากระบบการยิงปืนในเกมที่รวดเร็ว ลื่นไหล และยิงมันส์ไม่แพ้เกม COD ภาคใหม่ๆ จุดนี้ต้องขอปรบมือให้ทีมพัฒนาดัง ๆ เพราะมันช่วยให้เกมเล่นเพลินมากจนปั๊มเวล ล่าของไม่เบื่อเลย
ปืนแต่ละแบบยังมีวิธีใช้ต่างกันอย่างชัดเจนด้วย ไม่ใช่แค่ปืนไรเฟิลซุ่มยิงต่างกับปืนลูกซองอะไรแบบนั้น แต่ยี่ห้อของปืนแต่ละกระบอกจะทำให้กระสุนที่ปล่อยออกมาต่างกันไปเลย เช่น ปืนจาก MALIWAN มักจะยิงกระสุนชาร์จออกมาเป็นลูก ๆ ปืน JAKOBS จะเน้นความแรงเน้น ๆ แบบไม่มีพลังธาตุ ส่วนปืนจากนาย TORQUE ก็จะมีแต่กระสุนระเบิดหรือกระสุนเพลิง เป็นต้น ยังไม่หมดเท่านั้น ปืนแต่ละกระบอกยังมีลูกเล่นพิเศษประหลาด ๆ อีกต่อหนึ่ง ทั้งปืนมีขาวิ่งไล่ยิงศัตรูได้เอง ปืนกระสุนอนันต์ที่ยิงไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีหมด ปืนกระสุนติดตาม ปืนเด้งไปเด้งมา ฯลฯ หลายกระบอกก็ยังเปลี่ยนโหมดการยิงได้อีก เรียกได้ว่านี่เป็นสวรรค์น้อย ๆ ของเกมเมอร์ที่ชอบยิงแหลกเลยทีเดียวเชียว
Co-op มันส์ ๆ จากวันวาน
ใครที่เคยเล่น Borderlands มาบ้างคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเกมซีรีส์นี้ไม่เหมาะกับการนั่งเล่นคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งภาคนี้ Gearsbox เขาก็พยายามแก้ไขด้วยการใส่พลังแบบใหม่ ๆ ให้ Vault Hunter สามารถเอาชีวิตรอดแบบหัวเดียวกระเทียมลีบได้ง่ายขึ้น (โดยเฉพาะสกิลสัตว์เลี้ยงของ FL4K และสกิลเรียกหุ่นหมีเหล็กของ Moze) แต่ถึงอย่างนั้น การเล่นคนเดียวในภาคนี้ก็ยังแอบเหงา ๆ เนือย ๆ พิกล เนื่องจากด่านในเกมไม่ได้ออกแบบมาให้มอบประสบการณ์เล่าเนื้อเรื่องสุดเร้าใจเหมือน Gears 5 หรือ Metro Exodus
ตรงกันข้าม สิ่งที่เกมต้องการจะเน้นคือความสนุกสุดเหวี่ยงตอนที่เห็นกระสุนของเพื่อน ๆ ปลิวว่อนทั่วฉาก ตามด้วยแสงสีจากพลังท่าไม้ตายของเพื่อนอีก 3 คนที่ระเบิดระเบ้อเต็มหน้าจอ และตัวเลขดาเมจที่โผล่ขึ้นมาเป็นแผงจนมองอะไรไม่รู้เรื่อง โมเมนต์แบบนี้แหละที่ทำให้ Borderlands 3 เฉิดฉายมากที่สุด คุณไม่ต้องคิดเรื่องแทคติกระหว่างสู้แบบ The Division 2 ไม่ต้องสื่อสารกับเพื่อนตลอดเวลาเหมือนตอนเล่น Overwatch ที่แห่งนี้เอาไว้ยิงแหลกแบบสิ้นคิดเพื่อคลายเครียดล้วน ๆ ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน
และเพื่อเอื้อให้การเล่นกันคนอื่นสะดวกโยธินมากขึ้นทีมพัฒนาเขาเลยเติมฟีเจอร์สเกลเลเวลแบบใหม่ชื่อว่าโหมด “cooperation” มาให้ด้วย ซึ่งมันทำให้ศัตรูในเกมและอาวุธที่ตกแตกต่างกันไปตามระดับเลเวลของผู้เล่นคนนั้น ๆ อาจจะฟังดูเล็กน้อยแต่นี่คืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของภาคนี้เลยทีเดียว คนที่เวลต่ำก็ไม่ต้องตะบี้ตะบันไปปั่นเลเวลให้ทันเพื่อน คนที่เวลสูงก็ไม่ต้องเบื่อกับการยิงศัตรูเลเวลล่าง ๆ ได้แต่ของห่วย ๆ เกมเมอร์ทุกคนสามารถมาเล่นด้วยกันและสนุกไปด้วยกันได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีแรงกดดันอะไร จุดนี้ต้องชมทีมพัฒนาเค้าอีกทีว่าคิดฟีเจอร์ออกมาได้ตีโจทย์แตกมาก ๆ
นอกจากโหมดแคมเปญ Borderlands 3 ซึ่งยาวยืดกว่า 20 ชั่วโมง เกมยังแถมโหมดใหม่มาให้ฟรี ๆ อีก 2 โหมด อันได้แก่ “Circle of Slaughter” ที่ให้เกมเมอร์สู้กับสารพัดศัตรูที่โผล่มาเป็นระลอก (เหมาะมากสำหรับใช้ฟาร์มของ) และ “Proving Grounds” ที่ให้ผู้เล่นลงดันปราบบอสไปด้วยกันเพื่อแลกกับ Loot งาม ๆ ยังไม่พอ เกมยังมีระดับความยากพิเศษชื่อว่า Mayhem Mode อีกสามระดับมาอีก (แยกต่างหากกับ True Vault Hunter ที่ปลดล็อกตอนจบเกมนะ) แค่นี้ก็น่าจะทำให้คนที่ซื้อเล่นได้ยาวเป็นเดือนแล้ว ใครที่กลัวว่าเกมนี้จะไม่คุ้มค่าตัวพันกว่าบาทของมันนี่หายห่วงได้เลย เรื่องความคุ้มของเกมนี้นี่ผ่านฉลุยครับ
โตขึ้นมั่งก็ดีนะ เกมอื่นเค้าไปไหนต่อไหนกันแล้ว
จริงอยู่ที่ว่าการเอาประสบการณ์ดี ๆ จากอดีตมาให้สนุกกันใหม่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันก็ควรจะมีอะไรใหม่ ๆ ให้เห็นกันชัดเจนนิดนึงป้ะ? อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ให้มันดีต่อไป อะไรที่ไม่ค่อยดีก็ทำให้มันดีขึ้น อะไรที่ยังขาดก็เติมเข้ามา จะได้เห็นว่าเกมซีรีส์นี้มีการเติบโตขึ้นตามตัวเลขภาคที่มากขึ้น แต่โชคไม่ดีที่ Borderlands 3 ไม่ค่อยโตกว่าเดิมเท่าไหร่เลย…
เรื่องแรก (และน่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สุด) คือเนื้อเรื่องภาคนี้ค่อนข้างจืดมาก เหตุการณ์สำคัญค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างอ้อยอิ่งและคาดเดาได้ง่าย จนทำให้เกมช่วงแรกอืดจนแอบน่าเบื่อ วายร้ายหลักของเรื่องอย่างฝาแฝด Calypso ก็เทียบไม่ติดเลยกับวายร้ายจากภาค 2 อย่าง Handsome Jack ทั้งในแง่ความกวนส้น ความฮา หรือความโฉดชั่วนี่เรียกได้ว่าคนละชั้น (ลองจินตนาการว่าเอาเด็กเกรียนในยูทูปไปเทียบกับ The Joker อะครับ) ที่งงกว่าคือตัวละครเด่นที่น่าสนใจจากภาคที่แล้วทั้ง Tiny Tina เอย Mad Moxxi เอย Torque เอย ดันมีบทในภาคนี้แค่จิ๊ดเดียว แล้วเกมก็ดันไปเน้นให้ความสำคัญกับตัวละครชุดใหม่ที่ไม่ค่อยฮาและไม่ค่อยน่าสนใจซะงั้น (ยกเว้น BALEX ไอ้ตัวนี้ฮามาก จำชื่อเอาไว้ให้ดี)
เรื่องที่สองที่น่าเสียดายไม่แพ้กันก็คือมุกตลกของภาค3 ไม่ได้ขำก๊ากเหมือนภาค 2 มันยังมีความเกรียนและมีกลิ่นอายความบ้าบอของ Borderlands อยู่ในทุกอณูแต่กลับขาดชั้นเชิงที่มากกว่าแค่ความเกรียน มุกของภาคนี้ก็เหมือนกับเด็กเกรียนที่ไม่รู้จักโตนั่นแหละ ซึ่งพอเวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี เกมเมอร์อย่างเรามาเจอมุกเทือกนี้อีกทีมันก็ไม่ค่อยขำแล้วสิ จากปัจจัยทั้งสองเรื่องที่ว่ามาเลยทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าหรือทีมเขียนบทชุดเก่ามันบินไปหมดแล้ว ทีม Gearbox Software เลยต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ศูนย์รึเปล่า
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเตือนเอาไว้ก็คืออย่าไปหวังพึ่งระบบจับคู่ (Matchmaking) ของเกมนี้มากจะดีกว่าถ้าคุณต้องการจะเล่นโหมดแคมเปญกับคนอื่น เพราะมันจะทำให้เซฟเกมของคุณกระโดดไปมา (เควสต์หลักเควสต์ย่อยที่ยังไม่ได้ทำก็ผ่านเองซะอย่างนั้น เควสต์ย่อยที่ไม่ได้รับก็โผล่มาจากไหนไม่รู้) ดังนั้นหาเพื่อนเล่นเกมขาประจำของคุณมาร่วมตี้เถอะ เดี๋ยวปะติดปะต่อเนื้อเรื่องไม่ถูก
ตัดเผ้าตัดผมทำตัวให้เนี้ยบหน่อยได้ป้ะ
เรื่องบทหรือเรื่องมุกตลกที่ทำไม่ถึงขั้นนี่เรียกว่าน่าเสียดาย แต่เรื่องที่ต้องบอกว่าทีม Gearbox สอบตกอย่างสิ้นเชิงก็คือการ Optimize เกมเวอร์ชั่นพีซีนั่นแล ถึงแม้เกมจะมีตัวเลือกกราฟิกให้ปรับเพียบตามสไตล์ Unreal Engine 4 แต่ก็ดันมีทั้งบั๊กเกมสะดุด โหลดเท็กซ์เจอร์ไม่ทัน และที่แย่ที่สุดคือเฟรมเรตไม่มีความนิ่งเลยไม่ว่าคุณจะไล่ปรับค่า Setting ยังไงก็ตาม ส่วน DirectX 12 ที่ให้มาก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะนอกจากจะทำให้เกมโหลดนานมากตอนเปิดครั้งแรก ยังไม่ได้ทำให้เห็นความต่างใด ๆ ทั้งในแง่ภาพกราฟิกหรือในแง่ความลื่นไหลอีกต่างหาก วิธีที่ชัวร์ที่สุดในตอนนี้มีทางเดียวคือต้องใช้เครื่องพีซีระดับไฮเอนด์เล่น แล้วปรับภาพแต่พอดี ถึงจะมีสิทธิ์ได้เกมเพลย์ที่ลื่นไหล 100%
สำหรับสายคอนโซลก็ไม่ต้องน้อยใจไปครับ เพราะบทวิเคราะห์จากต่างประเทศก็ระบุมาในทำนองเดียวกันว่าเกมมีปัญหาเรื่องเฟรมเรตร่วงเหมือนกันเวลาเจอเอฟเฟกต์ระเบิดระเบ้อเยอะ ๆ โดยเฉพาะเครื่อง PS4 และ Xbox One รุ่นธรรมดา ซึ่งถ้าเปิดโหมดแบ่งจอกันเล่นเมื่อไหร่นี่เฟรมเรตโดนฉุดจมดินแบบไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดกันเลย แม้แต่ PS4 Pro หรือ Xbox One X ก็ไม่วายเว้น ได้แต่หวังว่าทีม Gearbox จะรีบออกแพตช์มาแก้ไขในเร็ววันนะครับ
ที่ร้ายกว่านั้นคือเกมยังมีบั๊กที่ทำให้ผ่านด่านไม่ได้ด้วยนะ สิ่งที่ผมเล่นแล้วเจอกับตัวก็คือตัวละครหลักของเควสต์นั้น ๆ ไม่ยอมเดินต่อซะงั้น ผลก็คือเควสต์มันก็ไม่เดินน่ะสิครับ ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจวาร์ปไปต้นแผนที่ใหม่แล้วเดินกลับมาที่เดิมอีกรอบ (แน่นอนว่าศัตรูมันก็โผล่มาใหม่ด้วย) เจอแบบนี้เข้าไปก็ทำให้เสียอารมณ์ไม่ใช่น้อยนะครับ
กลับมาสนุกด้วยกันอีกครั้งก็ไม่เลว (มั้ง)
อ่านกันมาตั้งยืดยาวคงจะพอเห็นภาพกันชัดแล้วนะครับว่าเพื่อนเก่าในโฉมใหม่อย่าง Borderlands 3 นี้มันเป็นยังไง สำหรับใครที่อยากเสพเนื้อเรื่องสุดเข้มข้นในเกมเดินหน้ายิงซึ่งเต็มไปด้วยตัวละครที่น่าติดตามและบทที่เขียนมาประหนึ่งเกมในตำนานของ Bioware นี่จัดเลยครับ! จัดเกมอื่นนะไม่ใช่เกมนี้ แต่ถ้าใครที่อยากได้เกมเล่นชิล ๆ ล่าของกับเพื่อนเพลิน ๆ แบบยาว ๆ Borderlands 3 เกิดมาเพื่อการนี้เลย แค่อย่าไปหวังสูงว่ามันจะหิ้วอะไรใหม่มาเติมให้ซีรีส์นี้ก็พอ เพราะสุดท้ายไอ้หมอนี่มันก็ยังเป็นคนเดิมแบบที่เรา ๆท่าน ๆ จำกันได้ไม่มีเปลี่ยนเล้ย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส