Our score
7.4Tom Clancy's Ghost Recon Breakpoint
จุดเด่น
- Gameplay สนุก ลื่นไหล เหมาะสำหรับเอาไว้เล่นกับเพื่อนๆเป็นอย่างมาก
- กราฟิกสวยงาม เหมาะสมกับเกมในยุคนี้
- Ghost War ที่สนุก และสามารถเล่นควบคู่ไปกับโหมดหลักได้ตลอดเวลา
- มีภาษาไทย
จุดสังเกต
- Microtransactions
- บังคับ Online ตลอดเวลา หากไม่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ก็จะไม่สามารถเข้าเล่นเกมได้เลย
- ตัวเกมยัง Optimize มาได้ไม่ดีเท่าไร
- การแปลภาษาไทยยังมีความผิดพลาดให้เห็นอยู่บ้าง
-
GAMEPLAY
8.0
-
GRAPHICS
8.0
-
STORY
7.0
-
PERFORMANCE
7.0
-
VALUE
7.0
ย้อนกลับไปสมัยยุค 2000 มีเกม Tactical shooter อยู่เกมหนึ่งที่คลอดออกสู่สายตาเกมเมอร์ทั่วโลกอย่าง “Tom Clancy’s Ghost Recon” โดยตัวเกมนั้นได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเกมแนวเดียวกัน จากทีมพัฒนาเดียวกันอย่าง Tom Clancy’s Rainbow Six หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า Tom Clancy เขาคือใคร เขาคือตัวละครในเกมนี้หรือเปล่า? แต่ที่จริงแล้ว Tom Clancy เขาคือนักเขียนนวนิยายแนวการทหารชื่อดังนั้นเอง
มาจนถึงปี 2019 ตอนนี้ก็มีเกมชุด Ghost Recon ออกมาเยอะมากกว่า 10 ภาคหลักที่ยังไม่รวมภาคเสริมอื่นๆ อีกมากมาย จุดเด่นของเกมชุดนี้เลยก็คือ Gameplay แบบ Tactical Shooter ที่อยู่ในสนามรบแบบเปิดกว้างแบบการทหาร ซึ่งจะแตกต่างกับ Rainbow Six ที่จะเน้นการต่อสู้กันในที่แคบ หรือตามตึกสถานที่ต่างๆ แบบหน่วย SWAT เป็นหลัก
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเกมชุด Ghost Recon นั้น ก็คือตัวเกมเน้นการเล่นเป็นทีมแบบ Squad-based ร่วมกับตัวละครอื่นๆ ที่เป็น AI และเราสามารถบังคับสั่งการ AI เพื่อนร่วมทีมเราได้ สิ่งที่ทำให้ Ghost Recon มีจุดยืนมาตลอดในทุกๆ ปี ก็คือ Gameplay ที่ลื่นไหลขณะต่อสู้ และควบคุม AI เพื่อนร่วมทีมเราไปพร้อมๆ กันนี่ล่ะครับ
Ghost Recon Breakpoint คือภาคล่าสุดของเกมชุดนี้ ที่วางขายแล้วในวันที่ 4 ตุลาคม 2019 ซึ่งมันก็ผ่านมาเกือบ 18 ปีแล้วตั้งแต่เกมภาคแรกที่วางขายไปในปี 2001 ตัวเกมนั้นค่อนข้างได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกมภาคก่อนอย่าง Ghost Recon Wildlands ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย และคำวิจารณ์ทั้งจากสื่อต่าง ๆ และชาวแฟน ๆ เกมเมอร์เอง
Ghost Recon Breakpoint เองก็จะกลับมาสานต่อความสำเร็จนั้น ด้วยการยึดรูปแบบการเล่นเดิม ๆ ของภาคที่แล้วไว้ เพิ่มเติมมาคือระบบใหม่ ๆ เพิ่ม Content ให้เยอะมากขึ้น และเน้นการเล่นแบบ Online มากกว่าเดิม อีกทั้งตัวเกมก็ยังมีเนื้อเรื่องต่อจากภาค Wildlands อีกด้วย งานนี้แฟน ๆ ที่ชอบภาคที่แล้ว ก็คงจะไม่พลาดกันแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่ผมต้องบอกคุณผู้อ่านตรงนี้เลยว่า“ตัวเกมมันคงมาถึงจุด Breakpoint แล้วล่ะครับ”
และแน่นอนก่อนที่เราจะเข้าสู่รีวิวกัน ขอขอบคุณ Ubisoft ที่เป็นผู้สนับสนุนตัวเกมเวอร์ชัน PC สำหรับรีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ
Operation Greenstone
เหตุการณ์ใน Ghost Recon Breakpoint นั้น (ต่อไปนี้จะขอเรียกว่า Breakpoint) เกิดขึ้น 4 ปีให้หลังจากภาค Wildland เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2025 มีเรือบรรทุกสินค้าของกองทัพเรือ USS Seay ได้จมลงสู่ก้นทะเลอย่างลึกลับใกล้ๆ กับหมู่เกาะ Auroa ที่อยู่ของบริษัท Skell Tech
หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลสหรัฐนั้นได้ขาดการติดต่อกับกองทัพ ทำให้ประธานาธิบดีได้ออกคำสั่งไปยังเพนตากอน ให้หน่วย Ghost ได้ออกปฏิบัติภารกิจภายใตhการดูแลของ CIA โดยมีหทารหน่วย Ghost ทั้งหมด 32 คน แบ่งเป็น 4 ทีม ได้ถูกส่งออกไปตามสืบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือ USS Seay
ทหารหน่วย Ghost ทั้งหมด 32 คนขึ้นเรือ USS Wasp ก่อนที่จะแทรกซึมเข้าไปในเกาะ Auroa ทางอากาศ แต่ทันใดนั้นเองก็ได้มีฝูงโดรนปริศนาเข้าโจมตี ทำให้เฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาตก จากเหตุการณ์นั้นไม่มีใครรู้ถึงสถานะของหน่วย Ghost ว่าเป็นตายร้ายดีกันอย่างไร แต่สิ่งที่เรามั่นใจกันได้ ก็คือมีคนอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้แน่นอน
เราจะได้รับบทเป็น Nomad Ghost Team Leader ที่ดันรอดจากเฮลิคอปเตอร์ตก ก่อนที่จะเราจะได้พบความจริงว่า Cold D. Walker เป็นผู้หักหลัง เพราะเขาได้ฆ่า Weaver สหายร่วมรบของเราในภาค Wildlands ต่อหน้าต่อตา ก่อนที่เราจะหลบหนีเอาตัวรอดมาเจอกับพวก Homesteaders ที่ช่วยพวก Ghost ที่รอดชีวิตเอาไว้ได้ และทำให้เราได้เจอกับ Holt ที่ดันเอาชีวิตรอดมาได้แต่บาดเจ็บสาหัส งานนี้ Nomad จึงต้องออกลุยเดี่ยว ตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีกองทัพสหรัฐ และผู้ที่ปล่อยฝูงโดรนเข้าโจมตีเหล่า Ghost ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นในภาคนี้ตัวเกมจะไม่มี AI เพื่อนร่วมทีมมาให้แบบในภาคก่อน ๆ แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัว Nomad เองแล้วว่าจะเลือกทำอะไรก่อนในเกาะ Auroa แห่งนี้ระบบการดำเนินเรื่องของเกมนี้จะคล้าย ๆ กับภาค Wildland เป็นอย่างมาก ใครที่เคยเล่นภาคเก่ามาก่อน ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานที่จะทำความคุ้นเคยกับมันได้ แต่ถ้าใครที่ไม่เคยเล่นภาค Wildland มาก่อนเลย หรือเป็นแฟนภาคเก่า ๆ ก่อนที่จะกลับมาเล่นภาคนี้ผมบอกเลยว่าต้องมีงงกันแน่ครับ
เพราะระบบสอนการเล่น หรือ Tutorial ของตัวเกมนั้นออกแบบมาได้ไม่ดี แถมยังมี UI หรือ User Interface ที่ออกแบบมาได้แย่มาก ๆ ผู้เล่นต้องใช้เวลาสักพัก ถึงจะเข้าใจว่าหน้าต่างนี้มันมีไว้ทำอะไร และมันสามารถทำอะไรได้บ้าง
การดำเนินเรื่องหรือ Game Progression ของเกมนี้ นั้นแทบจะยกเอาระบบของภาค Wildland มาเลย แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าส่วนตัวผมค่อนข้างชอบคอนเซ็ปต์ของมันมาก เมื่อเริ่มเกมมา ผู้เล่นจะถูกทิ้งไว้ท่ามกลางโลกที่กว้างใหญ่ และเต็มไปด้วยเควสต์ต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมได้แบ่งแยกระหว่างเควสต์หลัก เควสต์ฝ่าย และเควสต์รอง เอาไว้ให้แล้ว ผู้เล่นจะสามารถเลือกทำเควสต์อะไรก่อนก็ได้
ยกตัวอย่างเช่นในเควสต์หลัก ผู้เล่นจะต้องออกตามหาเบาะแสถึงสถานที่ต่าง ๆ เช่นตำแหน่งที่ตั้งฐานลับของศัตรู หรือที่อยู่คนบุคคลที่เราต้องการตัว โดยเราสามารถหาข้อมูลพวกนี้ได้จากการสอบปากคำศัตรู หรือการค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในฐานทัพของศัตรูอะไรพวกนี้ครับ
และเมื่อเราได้เบาะแสครบแล้ว เราก็ต้องทำการไขคดีให้ออก โดยการคลิกแค่ปุ่มเดียวนั่นแหละ แต่ระหว่างการค้นหาข้อมูลเบาะแส ตัวเกมก็จะมีพวก ของ Collectable ให้เก็บ โดยมันจะมาเป็นรูปแบบไฟล์เอกสาร รูปถ่าย อะไรพวกนี้ให้เราอินกับเนื้อเรื่องหรือเหตุการณ์นั้น ๆ มากยิ่งขึ้น
และยิ่งไปกว่านั้น Ghost Recon Breakpoint ได้นำเอา Cutscene มาใส่ไว้ในเกมโดยมีความยาวมากกว่า 1 ชั่วโมงให้เราได้ดู แถมระหว่างการสนทนา ตัวเกมก็ยังมีระบบตัวเลือกคำพูด (dialog choice) ให้เราอีกด้วย โดยทั้งหมดนี่ถือว่าเป็นการเพิ่มอรรถรสให้ผู้เล่นได้อินไปกับตัวละครในเกมนั้นเองครับ
แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมบอกไปในตอนแรกว่าตัวเกมค่อนข้างมีปัญหากับการจัดการ UI เป็นอย่างมาก ผมรู้สึกว่าทีมงานไม่ได้เอาใจใส่ในส่วนนี้เลยสักเท่าไร อย่างเช่น การที่ผมจะกดเข้าไปดูรายชื่อเควสต์ของตัวเองที่รับไว้ ผมต้องกดเปิดแผนที่ และเลือกดูว่าโซนนี้มีเควสต์อะไรไว้บ้าง ทั้ง ๆ ที่การดูเควสต์มันควรจะเป็นเรื่องแค่การเอารายชื่อเควสต์ทั้งหมดมากองไว้ทีเดียวกัน และทำให้ผู้เล่นเลือกจะที่ Track Quest เองได้ตามใจชอบ
การดู Mission Board ที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างดี ผมสามารถกดเข้าไปอ่านถึงรายงานภารกิจต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ แต่บางครั้งผมก็ค่อนข้างสับสนว่าเราควรจะทำอะไรก่อนกันแน่ เนื่องจากว่าเควสต์หลักในเกมนี้ มันไม่มีอะไรตายตัวเลยครับ ว่าเราเลือกที่จะทำอะไรก่อนหรือหลัง ยกตัวอย่างเช่น ในเกมภาคนี้ Walker คือตัวร้ายที่หักหลังทีม Ghost และเราก็จะได้เห็นเขาฆ่า Weaver ตั้งแต่ต้นเกมเลย แน่นอนว่าใน Mission Board ของเรานั้นมีอยู่ 2 เป้าหมายใหญ่ ๆ ก็คือการตามหาผู้ที่โจมตีกองทัพสหรัฐ และจัดการกับ Walker
แต่ถ้าผมบอกท่านผู้อ่านว่า เราสามารถฆ่า Walker ได้ตั้งแต่ 10 นาทีแรกของเกมเลย ท่านจะเชื่อไหมล่ะครับ?? นี่ไม่ใช่ทฤษฎี หรือเรื่องตลกแต่อย่างใด แต่มันสามารถทำได้จริง แต่สิ่งที่น่าตลกเลยก็คือ ช่วงก่อนจบ Act 2 ของเกมนั้น เราจะได้เจอกับ Walker อีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้ผมได้ลองทดสอบด้วยตัวเอง ผมทำการฆ่า Walker ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แน่นอนว่า Mission Complete และได้ของตอบแทนมาทั้งหมด หลังจากนั้นผมก็เล่นเกมไปตามปกติจนถึงช่วงก่อนจบ Act 2 ที่ตัวเกมจะบังคับให้เราเจอกับ Walker ใน Cutscene อีกครั้ง และก็เป็นไปตามที่คิดครับ Walker ที่ควรจะตายไปตั้งแต่ต้นเกมแล้ว มันกลับมีชีวิตขึ้นมาใน Cutscene ได้ซะงั้น
เรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรืองเล็กน้อย หรือบางคนอาจจะไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับผมมองว่ามันเป็นปัญหาใหญ่เลยครับ เนื่องจากตัวเกมไม่มีทิศทางในการดำเนินเรื่องที่แน่นอนหรือชัดเจน ทำให้ผู้เล่นบางคนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปทำอะไรก่อนดี อีกทั้งในเกมภาคนี้ก็ยังมี RPG Elements เพิ่มเข้ามาในเกมอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาเช่นกัน แต่ผมจะเอาไปพูดในส่วนของ Gameplay ครับ แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องภายในเกมนี้ มีการดำเนินอย่างตรงไปตรงมา หากผู้เล่นติดตามตลอด ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากครับ
Gameplay
สิ่งที่ทำให้ Ghost Recon มีตัวตน และเป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้ ก็คือการเล่นแบบ Squad based Tactical โดยผู้เล่นจะต้องวางแผนการต่อสู้ให้ดี ๆ จัดการบริหาร AI เพื่อนร่วมทีมของตัวเอง และตัวเกมค่อนข้างที่จะเน้นการ Stealth แบบ One Shot Kill เสียมากกว่าการบุกแบบซึ่ง ๆ หน้า และนั้นก็คือ Ghost Recon ที่แฟน ๆ รู้จักกันดีครับ ตลอดการพัฒนาของเกมนี้หลายสิบปี ก็มีการเปลี่ยนแปลง Gameplay มาโดยตลอด แต่มันก็ยังไม่ทิ้งความเป็น Ghost Recon ไปเลยสักนิด
แต่สำหรับ Breakpoint ผมบอกตามตรงเลยว่า “งานนี้ Ubisoft เดินหมากผิดแล้วครับ”
ผมจะขอพูดถึง Microtransactions ที่เป็นปัญหาของเกมนี้ก่อนเป็นเรื่องแรก ผมต้องขออนุญาตให้ทุกท่านมองย้อนกลับไปถึงรูปแบบแผนการพัฒนาเกมของ Ubisoft ในช่วงหลัง ๆ นี้ ที่ตัวเกมมักจะหาทางขายของ ยกตัวอย่างเช่น XP Booster , Skin, Coin หรืออะไรก็ตามแต่ ในเกมที่มีแต่โหมด Single Player แน่นอนว่าคุณจะชื้อหรือไม่ชื้อก็ได้ เพราะยังไงมันก็ไม่ได้มีผลอะไรอยู่ดี หากคุณมีเวลาเล่นมากพอ เพราะคุณก็จะได้ของพวกนี้อยู่ดี
และนั้นล่ะครับคือปัญหาของตัวเกมใน Breakpoint เพราะผมกล้าพูดเลยว่า เกมนี้มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุน Microtransactions โดยเฉพาะ อย่างแรกเลยคือการเปลี่ยนไปของแนวเกมในภาคนี้ เพราะการมาของระบบ RPG Elements ที่มันไม่จำเป็นต้องมีเลยใน Ghost Recon หากเรามองย้อนไปยังภาค Wildland นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ยังพอรับได้ เพราะมันก็มีบ้างพอสมควรให้ตัวเกมมันมีความลุ่มลึกยิ่งขึ้น แต่กลับกันใน Breakpoint นั้นมันกลายเป็น Ghost Recon The Division ไปทันทีครับ
อย่าเพิ่งตกใจกัน Gunplay ในเกมนี้ยังคงเป็นเหมือนเดิมครับ ผู้เล่นสามารถ Oneshot kill ศัตรูได้ทุกตัว หากยิงโดนที่หัว แต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ของแต่งตัว และปืนภายในภาคนี้ มันมีระดับ Gear Score อยู่ นั้นหมายความว่า หากคุณรักจะที่ใช้ปืนกระบอกนี้ที่คุณได้มาตั้งแต่ต้นเกม เมื่อเล่นไปสักพักหนึ่ง คุณก็ต้องเปลี่ยนปืนใหม่เป็นปืนที่ Gear Score ดีกว่าปืนที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากว่าปืนใหม่ ๆ นั้น มักจะมาพร้อมกับ Status พิเศษ เช่นยิงได้แรงขึ้น มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น
ผมพยายามถามตัวเองว่า มันจำเป็นต้องมีอะไรแบบนี้ใน Ghost Recon ด้วยหรอ นี่มันไม่ใช่ The Division หรือเกม MMORPG อะไรพวกนั้น และที่สำคัญเลยคือ ทำไมผมต้องการปืนที่ยิงได้รุนแรงกว่าเดิมด้วย ในเมื่อว่ายิงหัวนัดเดียวมันก็ตายอยู่ดี แต่งานนี้ Ubisoft ได้มาเหนือครับ เพราะตัวเกมได้เพิ่มศัตรูชนิดใหม่ ที่เป็นรถหุ่นยนต์ AI หรือโดรน AI ที่พร้อมจะยิงผู้เล่นทันทีที่เห็น และนั้นทำให้บรรยากาศของการเล่น Stealth ในเกมนี้มันเสียไปทันทีครับ เพราะยิงให้ตายยังไง ผู้เล่นก็ไม่สามารถทำลายมันได้ด้วยกระสุนปืนเพียงนัดเดียวแน่นอนมาพูดถึงเรื่องการ Stealth กันบ้าง จริง ๆ ผมชอบการ Stealth ในเกมนี้มาก ๆ ตั้งแต่ภาค Wildland แล้วครับ ถึงแม้ว่าในภาคนั้น ตัวเกมจะเปลี่ยนไปมาจากภาคก่อน ๆ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี สำหรับแนวทางใหม่ ๆ ของ Ghost Recon และการกลับมาของ Breakpoint นั้น ก็ทำให้ผมผิดหวังมาก ๆ เพราะ AI ในภาคนี้มันห่วยยิ่งกว่าในภาค Wildland เสียอีกครับ และขอพูดดักไว้ก่อนเลยว่าตลอดการรีวิวนี้ผมได้เล่นในโหมดยากที่สุด ก็ยังพบว่า AI มันตอบสนองช้ามาก ๆ และมีการจัดการที่ไม่ดีหากเอาไปเปรียบเทียบกับ AI ในภาค Wildland ครับ
ในส่วนของ Gunplay ตรงนี้ต้องยอมรับว่าทำได้ดีมากเช่นเดิม การบังคับที่ลื่นไหล สนุก และผมสามารถบังคับตัวละครได้ดังใจที่ต้องการ การเข้า Cover ของเกมนี้เป็นเหมือนภาค Wildland ก็คือจะเป็นแบบ Auto Cover โดยผู้เล่นสามารถโน้มตัวออกไปยิงตามมุมได้เองถ้ากดเล็งปืน และสามารถออกจากที่กำบังได้ทันทีจากการบังคับตัวละครตามปกติ
แต่ก็ต้องมาตกม้าตายด้วยมุมกล้องที่สุดแสนจะแย่ จนผมก็ไม่เข้าใจทีมงานว่าไหน ๆ ก็ยก Gameplay ของภาคที่แล้วมาใช้ ทำไมถึงไม่เอามุมกล้องแบบภาค Wildland มาใช้ด้วยซะเลย เพราะมุมกล้องใน Breakpoint นั้นมันอยู่ชิดตัวละครมากเกินไป และการปรับ FOV ก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แถมยังไม่มีอิสระในการปรับ FOV อีกด้วยครับ
ในส่วนของเรื่องอุปกรณ์และของเล่นในภาคนี้ สำหรับผมถือว่าธรรมดา ๆ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไร เพราะส่วนมากมันก็แทบจะยกภาค Wildland มาใส่อยู่แล้ว และแน่นอนว่าในภาคนี้ก็ยังคงมีระบบ Class Skill ไว้อยู่เช่นกัน โดยในภาคนี้จะแบ่งเป็น 4 สายหลักได้แก่ Field Medic, Assault, Panther, Sharpshooter
โดยทุก ๆ สายนั้นจะมี Skill Tree ที่เหมือนกัน จะแตกต่างกันก็แค่ Class Item ที่แต่ละ Class มีไม่เหมือนกัน เช่น Medic ก็จะมี Medkit และ Sharpshooter ก็จะมี Sensor Dart เอาไว้สแกนหาศัตรู แน่นอนว่าแต่ละคลาสก็จะมี Skill พิเศษที่กดใช้อยู่ติดตัวไม่เหมือนกันด้วยครับ
ในส่วนของ Skill Tree นั้นจะมีหลากหลายประเภทมาก ทั้งสกิลความสามารถที่เมื่อเราอัปเกรดแล้วก็จะสามารถใช้ได้ทันที หรือสกิลพาสสิฟที่จะอยู่ติดตัวเราตลอด และสกิลรางวัลพิเศษ ที่เราจะต้องเอาไปติดตั้งในช่องรางวัลพิเศษ โดยเราจะสามารถติดตั้งได้สูงสุด 3 สกิลครับ
ระบบการจัดการตัวละครในภาคนี้ก็ยังคงเหมือนภาค Wildland เพิ่มเติมมาคือระบบ Upgrade ปืน โดยผู้เล่นสามารถแต่งตัวให้กับตัวละครของเราได้ตามใจชอบ และสามารถแทนที่สกินเสื้อผ้าได้ในโหมดปรับแต่ง ส่วนระบบ Upgrade ปืนนั้น นอกจากว่าเราจะสามารถแต่งปืนได้ตามใจชอบจากการไปตามเก็บของแต่งปืนจากสถานที่ต่าง ๆ แล้ว เราก็สามารถเอาปืนที่เก็บได้ตามทางแต่ไม่ได้ใช้ มาย่อยทิ้ง เพื่อเอาชิ้นส่วนไปอัปเกรด ปืนของเราได้ โดยมันจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ระดับตั้งแต่ Mk1-Mk3 ครับ
นอกจากการเดินเท้าแล้ว แน่นอนว่าใน Breakpoint ตัวเกมก็ยังมียานพาหนะให้เราขับกันอยู่เช่นเดิม เพิ่มเติมคือการที่มันไม่ได้พัฒนาอะไรมาจากภาค Wildland เลย แถมบางครั้งผมดันกลับรู้สึกว่ามันทำได้แย่กว่า Wildland อีกเสียด้วย อย่างหนึ่งที่ผมตลกมาก ก็คือ Animation ของตัวละครขณะขี่มอเตอร์ไซค์ที่มันฮามาก ๆ ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าทีมงานไม่ได้มีการตรวจสอบตรงจุดนี้ก่อนวางขายเลยหรือ
Online
Ghost Recon Breakpoint นั้น ค่อนข้างที่จะเน้นระบบออนไลน์เป็นอย่างมากครับ นั้นผมไม่ได้พูดถึงแค่ Ghost War เพียงอย่างเดียว แต่ผมพูดถึงทั้งเกมเลยนั่นแหละ เมื่อเราผ่าน Mission เริ่มต้นมาแล้ว ผู้เล่นจะได้เข้าสู่ฐานทัพ หรือจะเรียกว่าเป็น Lobby Player Hub อะไรก็ตามแต่ เข้าใจกันง่าย ๆ มันก็คือสถานที่รวมผู้เล่นออนไลน์นั่นแหละครับ โดยภายในนี้เราจะได้พบเจอกับ Ghost คนอื่น ๆ มากมาย ที่สามารถยกพวกกันไปถล่มเกาะ Auora ได้เลยทีเดียว (แต่ Nomad ก็ยังเอาแต่ถามหาถึงกำลังเสริม)
โดยจุดประสงค์ของ Player Hub อันนี้มันก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเป็นสถานที่นัดเจอของผู้เล่น ร้านค้าอาวุธ ที่รับเควสต์เสริม และสถานที่พักผ่อนครับ สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบ ก็คือในภาคนี้เราสามารถให้ตัวละครเราไปพักผ่อนที่แคมป์ไฟได้ เราสามารถเลือกที่จะให้ตัวละครเตรียมความพร้อมกันออกรบ โดยเราจะได้ค่าสถานะพิเศษมาตามที่เราเลือก หรือการคราฟสิ่งของต่าง ๆ จากการเก็บวัตถุดิบตามฉาก อะไรพวกนี้เป็นต้นครับ
นอกจาก Coop แบบปกติที่เราจะเล่นร่วมมือกันแล้ว ใน Breakpoint ตัวเกมได้เพิ่มโหมด Ghost War เข้ามาตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่ายเลยครับ และผมต้องบอกว่าโหมดนี้มันมีศักยภาพมากพอที่จะทำให้ตัวเกมได้รับความนิยมมากกว่าโหมด Coop เนื้อเรื่องปกติเลยทีเดียว
Ghost War ในเกมนี้นั้น คือการต่อสู้แบบ 4v4 โดยจะมีโหมด Elimination หรือก็คือโหมด Team Death Match ที่เอามาผสผสานเข้ากับโหมดของเกมแนว ๆ Battle Royale ที่ผู้เล่นจะต้องจัดการศัตรูไปเรื่อย ๆ โดยพื้นที่การต่อสู้ก็จัดแคบลงไปตาม ๆ กัน กับอีกโหมดคือ Sabotage หรือโหมดวางระเบิดที่ผู้เล่นจะแบ่งทีมเป็นฝ่ายรุกและรับ สลับตากันแบบ Rainbow Six Siege
โดยตัวละครที่เราจะใช้เล่นใน Ghost War ก็คือตัวเดียวกันกับตัวละครหลักของเราในโหมด Coop ปกตินั้นล่ะครับ แน่นอนว่ารวมไปถึง Class และ Skill ต่าง ๆ เองก็เช่นกัน แน่นอนว่าการเล่นโหมดนี้ เราก็จะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มเติม หรือไอเท็มและปืนใหม่ ๆ เช่นกันอีกด้วย
สำหรับ Gameplay นั้น ก็ต้องบอกว่ามันทำมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว คือพื้นฐานแล้วมันก็ยังเป็น Ghost Recon นั่นแหละครับ ตัวเกมจะเน้นการเล่นแบบ Squad Based ที่มันจะเน้นการเล่นแบบ Stealth เป็นหลัก ไม่ใช่การถือปืนและวิ่งลุยเป็น Call of Duty ตรงนี้จะคล้าย ๆ กับ Rainbow Six ตรงที่ว่าผู้เล่นจะต้องค่อย ๆ ค้นหาข้อมูลตำแหน่งของศัตรูก่อนที่จะทำการบุกอะไรแบบนี้ครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมคิดว่าตัวเกมต้องการ การปรับสมดุลอยู่ค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว ในอนาคตเราอาจจะเห็นความนิยมในโหมดนี้มากยิ่งขึ้นก็เป็นได้ครับ
Graphics
กราฟิกของเกมนี้ทำออกมาได้ดีครับ แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรกของเกมนั้น ผมกลับรู้สึกว่าฉากต่าง ๆ มันทำมาไม่สวยสักเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสงสีเอง หรือเรื่องของเท็กซ์เจอร์ต่าง ๆ ที่มีหยาบ ๆ อยู่บ้างที่บางจุด แต่เมื่อผ่านการปรับแต่ง Setting และเล่นมาสักพัก ทำให้ได้ออกไปเจอสภาพบรรยากาศใหม่ ๆ ก็พบว่ากราฟิกในเกมนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดี
แต่นั้นก็ใช่ว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไร อย่างแรกที่ผมต้องการจะบ่นเลยก็คือการ Optimization ของเกมนี้ที่ทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไร สเปกคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ในการรีวิวครั้งนี้คือ Ryzen 5 1600 กับ GTX 1070Ti ผมสามารถปรับ Setting ไว้ได้ที่ Very High และได้ Frame Rate อยู่ช่วง 56-70 มีบางจุดที่ตกไปเหลือ 40 เล็กน้อยครับ
มันอาจจะฟังดูดี แต่ถ้าเกิดเปรียบเทียบกับกราฟิกที่แสดงผลออกมานั้น ผมคิดว่ามันควรจะได้เยอะกว่านี้ครับ และนั้นทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างมาก ผมจึงทำการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่ามีเกมเมอร์ชาวต่างชาติหลายคนที่ใช้ RTX 2080 เล่นเกมนี้ ปรับกราฟิกไว้สูงสุดที่ 1440p ก็ยังรีด Frame Rate ได้ประมาณ 50-60 เท่านั้นเองแต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าผมค่อนข้างพอใจกับกราฟิกของเกมนี้อยู่ในระดับหนึ่ง อาจจะมีบางจุดที่แลหยาบ ๆ อยู่บ้าง แต่นั่นก็ให้อภัยได้ อย่าลืมว่านี่คือเกม Open World การที่จะ Optimize เกมให้รันได้ลื่นไหลขนาด มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมาก ๆ
ด้านการออกแบบฉาก หรือสถานที่ต่าง ๆ ผมรู้สึกว่าตัวเกมมันขาดความเป็นธรรมชาติ และไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไรนัก หากเอาไปเปรียบเทียบกับ Wildland ซึ่งนั้นออกแบบมาได้ดีกว่ามาก แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบฉากในภูเขา ป่าทึบ สักเท่าไรนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแผนที่ภายในเกมนี้นั้น มันไม่มีแรงดึงดูดในน่าสำรวจสักเท่าไรเลย
สรุป
Ghost Recon Breakpoint เป็นเกมที่ดีเกมหนึ่งครับ แต่ตัวเกมกลับถูกออกแบบมาเพื่อระบบ Microtransactions ชนิดที่ว่าทำออกมาได้น่าเกลียดมาก ๆ ระบบ Game Progression ในเกมนี้ ที่มันเน้นการ Grinding เป็นอย่างมาก มากเสียจนที่ว่าอดคิดไม่ได้ว่า Ubisoft ตั้งใจทำแบบนี้ เพื่อที่จะขายของเพิ่มเติมภายในเกม อาวุธ ของแต่งปืนต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้เน้นการ Grinding มากเกินไป
แน่นอนครับว่า ใช่ เราไม่ชื้อก็ไม่เป็นไรยังไงเราก็สามารถเล่นได้ปกติ แต่ผมอยากให้ทุกคนลองค่อย ๆ คิดดูให้ดี ๆ ครับ การที่เราเสียเงิน 59.99USD ไปเพื่อเกมเกมหนึ่ง ที่มันถูกออกแบบมาสำหรับการ Grinding ซึ่งผมมั่นใจว่ามันมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ Happy กับระบบ Grinding พวกนี้
ถ้าหากตัวเกมขายเพียงแค่ของแฟชั่นจำพวก Skin เท่านั้น มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย นี่ยังไม่นับ Battle Pass ที่มาพร้อมกับ Season Pass Year 1 และ Content ที่เราก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าจะดีไหมในอนาคต (ยังจำ Wildland กันได้ไหม)
นอกจากนี้แล้ว การที่ตัวเกมเปลี่ยนระบบการเล่นไปค่อนข้างเยอะมาก ๆ จนแทบจะหลุดความเป็น Ghost Recon ไปแล้ว ตัวเกมกลับใส่ RPG Elements เข้ามาในเกมทั้ง ๆ ที่มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยสำหรับเกมนี้ที่ต้องมีอะไรแบบนี้ ทำให้ผมเป็นห่วงถึงอนาคตของเกมใหม่ ๆ จากค่าย Ubisoft เป็นอย่างมาก
และเรื่องสุดท้าย ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้คนไทยหันมาชื้อเกมนี้กันมากขึ้น นั้นก็เป็นเพราะว่า ตัวเกมนั้นได้รองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งซับไตเติล และ อินเทอร์เฟซ ส่วนตัวผมรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้มากครับ แต่อย่างไรก็ตาม การแปลภาษาในเกมนี้ยังต้องมีการปรับปรุงอยู่มาก ทั้งเรื่องการใช้คำพูดตามสถานการณ์ต่าง ๆ และการใช้คำสรรพนามที่ยังมีผิดให้เห็นอยู่บ้างนอกจากนี้แล้วก็ตัวเกมก็ยังมีบักเล็กให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนมากจะเป็นพวก Animation ที่แสดงออกมาแปลก ๆ หรือในบางครั้งเราไม่สามารถกดปุ่มตอบสนองกับ NPC ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก Ubisoft สามารถแก้ปัญหาเรื่อง Microtransactions ภายในเกมได้ และมีการปรับปรุงเนื้อหาภายในเกมอยู่ตลอด ถึงแม้ว่ารูปแบบการเล่นจะยังคงเปลี่ยนไปอยู่มาก แต่ Ghost Recon Breakpoint ก็ยังคงเป็นเกม Coop Multiplayer ที่สนุกอยู่มากเกมนึงครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส