[รีวิวเกมส์] STAR WARS Jedi: Fallen Order อยากทำเกม AAA ดี ๆ ก็ทำได้ แถมทำได้โคตรดีด้วย

Our score

8.9

STAR WARS Jedi: Fallen Order

จุดเด่น

1. เนื้อเรื่องทำดี สนุกน่าติดตามมาก คนเขียนบทเข้าถึงหัวใจของวิถีเจไดที่แฟน ๆ ชอบ
2. มีคามิโอเชื่อมโยงจากหนัง และมีกิมมิกจากแฟรนไชส์สตาร์วอร์สให้ดูตลอดเกม
3. กราฟิกดี ดนตรีเด่น ภาพโคตรสวย อยากเซฟภาพไปซะทุกช็อตเลย
4. ระบบการเล่นรองรับทั้งแบบท้าทายฝีมือและแบบเสพเนื้อเรื่อง สนุกได้หมดทุกกลุ่มผู้เล่น
5. การไล่ระดับอัปเกรดระหว่างการเล่นทำได้ดี เหมาะทั้งเนื้อเรื่อง การสำรวจ และการต่อสู้

จุดสังเกต

1. มีดาวให้เล่นแค่ 5-6 ดาว ยังไม่หนำใจเลย ถึงจะยาวพอแก่เนื้อเรื่องก็เถอะ
2. กล่องสมบัติไม่ค่อยยั่วให้อยากสำรวจหานักเพราะมีแต่สกิน สำรวจเพราะอยากเปิดพื้นที่ใหม่ ๆ มากกว่า
3. เนื้อเรื่องมีศัพท์เฉพาะที่ใช้ในหนังอยู่นิดหน่อย และมีรายละเอียดให้อ่านเยอะ ดีว่าไม่กระทบกับการเล่น
4. เสียดายไม่มีระบบลอบเร้น

• เนื้อเรื่อง

  9.0

• กราฟิก

  9.0

• ระบบการเล่น

  8.5

• ความสนุก

  9.0

• ความคุ้มค่า

  9.0

ตั้งแต่บริษัทลูคัสอาร์ตซึ่งดูแลเกมในแฟรนไชส์ของหนัง Star Wars ปิดตัวไปในปี 2013 ทิ้งความทรงจำดี ๆ ของเกมหลากหลายแนวที่เติบโตมากับผู้เล่นเกมและนักดูหนังจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นแนวขับยานแข่ง แนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 แนวผจญภัยมุมมองบุคคลที่ 3 หรือแนววางกลยุทธ์ และอีกหลากหลายแนว เรียกว่ามีเกมที่อมตะและไม่น่าจดจำมากมายเกิดขึ้น แต่ในวันที่ 14 เมษายน 2014 หลังจากดิสนีย์ได้เทคโอเวอร์ลูคัสฟิล์มมาและตัดสินใจเซ็นสัญญากับค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Electronic Arts หรือแฟน ๆ เรียกติดปากว่า EA ในการให้สิทธิ์ทำเกมจากแฟรนไชส์สตาร์วอร์สทั้งหมดแทน พร้อม ๆ กับการจัดการความยุ่งเหยิงของเรื่องเล่าในจักรวาลสตาร์วอร์สใหม่ (ของเดิมรวมทุกสื่อจัดเนื้อเรื่องได้ถึง 6 ระดับชั้นที่มีแนวทางของตัวเอง ไม่งงก็แปลกละ) โดยกำหนดโครงเรื่องหลักใหม่เป็นกระแสหลัก (Canon) และเรียกเรื่องที่เล่าถึงอื่น ๆ ซึ่งขัดแย้งหรือไม่เข้ากับโครงเรื่องหลักใหม่ว่า Star Wars Legends (Non-Canon) ประมาณว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอยเวอร์ชันก็ว่าได้

Star Wars Episodes VII: The Force Awakens (2015) เป็นหนังเรื่องแรกหลังการจัดโครงสร้างเนื้อหาใหม่

ทำให้ EA ได้ออกเกมใหม่โดยความมุ่งมั่นที่จะสร้างเกมเชื่อมโยงกับโครงเรื่องหลักของแฟรนไชส์ด้วย และเกมแรกที่ออกมาก็คือ Star Wars Battlefront (2015) โดยเป็นการนำเกมซีรีส์ Battlefront หนึ่งในเกมยอดนิยมของแฟนสตาร์วอร์สของค่าย Pandemic Studios ซึ่งเป็นการนำเกมแนวแอ็กชันมุมมองบุคคลที่ 3 มาพัฒนาขึ้นโดยอิงพื้นฐานเกมที่สตูดิโอ DICE ของค่าย EA ทำได้ดีในขณะนั้นอย่างโหมดผู้เล่นหลายคนในเกม Battlefield 4 (2013) แม้กราฟิกเปิดตัวจะตื่นตาแต่มันก็ยังไม่พอเพียงต่อแฟน ๆ เพราะมันไม่มีโหมดเนื้อเรื่องมาให้ ซึ่งต้องยอมรับล่ะว่าแฟนเกม AAA คาดหวังเกมผู้เล่นเดี่ยวแบบอลัง ๆ อยู่แล้วพอมาเจอมัลติเพลเยอร์ก็เหวอด้วยความเสียดายไปตาม ๆ กัน เพราะทรงภาพก็สวยขนาดนั้นแล้ว

Star Wars: Battlefront ฉบับ Pandemic

พอมาภาคต่อใน Star Wars Battlefront II (2017) ทาง EA ก็ยังไว้ใจให้ DICE พัฒนาต่อ โดยเพิ่มโหมดเนื้อเรื่องเข้ามาด้วยตามกระแสเรียกร้องของแฟน ๆ แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ ใส่มาเหมือนให้มี ๆ ไปเพราะอย่างไรเสียชาวเกมต่างดูออกว่ามันคือเกมเน้นโหมดมัลติเพลเยอร์เปิดกล่องกาชาอยู่ดี จนเกิดกระแสต่อต้านค่าย EA หนาหูขึ้นหนักจนเป็นดราม่าถึงขั้นว่า ดิสนีย์อาจยกเลิกข้อตกลงสิทธิ์ทำเกมแต่เพียงผู้เดียวของ EA เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าสัญญาฉบับนี้ก็มีผลถึงวันที่ 14 เมษายน 2024 อยู่แล้วด้วย แล้วอะไรทำให้ EA ที่โดนค่อนขอดจากเกมภาคแรกยังมั่นใจขนเกมมัลติฯภาคต่อออกมาให้คนว่าอีก ก็เพราะในปี 2016 ค่าย Respawn Entertainment ในเครือ EA ได้ประกาศโพรเจกต์ใหญ่กับเกมผู้เล่นเดี่ยวที่อัดแน่นด้วยเนื้อเรื่องเต็ม ๆ ระดับ AAA ไว้แล้วนั่นเอง

Star Wars Battlefront II (2017)

ส่วนที่ประทับใจมากคือเนื้อเรื่องในเกมนี้ แต่งขึ้นใหม่ได้โดดเด่น โดยจับช่วงเวลาหลังฝ่ายสาธารณรัฐที่ถูกบงการโดยผู้นำสูงสุด สมุหนายกพัลพาทีน ซึ่งแท้จริงคือซิธตัวพ่อนาม ดาร์ธ ซีเดียส ได้ทำการหักหลังสภาเจไดและออกคำสั่งที่ 66 (Order 66) ให้กองทัพโคลนทุกหน่วยฆ่าเจไดทุกคน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในหนัง Star Wars Episode III – Revenge of the Sith ดังนั้นเหล่าเจไดมาสเตอร์ และลูกศิษย์อย่างเหล่าพาดาวันที่พอรอดชีวิตจำนวนน้อยนิดจึงต่างหนีตายซ่อนเร้นกายไปยังดวงดาวต่าง ๆ บ้างซ่องสุมกำลังกับฝ่ายกบฏต่อต้านจักรวรรดิ์ของพันพาทีน บ้างเปลี่ยนชื่อลบร่องรอย บ้างละทิ้งเส้นทางแห่งพลังไปเลยก็มี

อนาคิน สกายวอล์กเกอร์ และ พัลทาทีน ใน Revenge of the Sith

เราจะได้เล่นเป็นอดีตพาดาวันหนุ่มนามว่า คาล เคสติส  ซึ่งหลังจากรอดชีวิตในเหตุการณ์ คำสั่งที่ 66 มาได้ 5 ปี เขาก็ได้หลบซ่อนตัวบนดาวแบรกกา และเพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในดอีตกับ จาโร ทาปาล อาจารย์ของเขาทำให้เขาไม่อาจเข้าถึงกระแสของพลังได้อีก แต่เพราะอุบัติเหตุที่เขาจำต้องช่วยชีวิตเพื่อนทำให้เขาเผลอใช้พลังออกมา แทบจะทันทีการกระทำของเขาถูกบันทึกได้และรายงานไปยังจักรวรรดิ์ ทำให้ผู้สอบสวนนามว่า เซคันด์ซิสเตอร์ และ ไนน์ทซิสเตอร์ตามาจับกุมตัวเขาทันที โชคดีเขาได้รับการช่วยเหลือจากอดีตอาจารย์เจไดผู้ละทิ้งพลังนาม เซเล จันดา กับกัปตันยานแมนทิสนาม กรีส ดริตัส

และเป้าหมายแรกของพวกเขาคือการสอนคาลให้กลับสู่วิถีของพลัง ในขณะเดียวกันก็หาทางกอบกู้เจไดขึ้นมาอีกครั้งโดยหวังว่าอารยธรรมโบราณของเผ่าเซฟโฟที่กระจัดกระจายไปหลายหมู่ดาวจะมีคำตอบที่ตามหา ระหว่างทางการหาคลังสมบัติโบราณบนดาวโบกาโน คาลได้พบกับหุ่นดรอยด์นาม บีดี-วัน ซึ่งเป็นคู่หูเดิมของเจไดนักสำรวจนาม อีโน คอร์โดวา ที่ศึกษาเผ่าเซฟโฟ และนั่นก็ทำให้คาลได้จับคู่กับหุ่นดรอยด์ออกตามหาวิธีกอบกู้เจได พร้อมกับหนีการไล่ล่าของฝั่งจักรวรรดิ์ไปในหมู่ดาวต่าง ๆ

นี่เล่าแค่บทแรกของเกมที่ยังไม่ได้เผยอะไรเท่าไหร่ ก็ต้องชื่นชมทีมเขียนบทที่นำโดย ออรอน คอนเทรียอาส อดีตผู้สร้างสรรค์เนื้อเรื่องจากเกม Mafia III ที่เข้าใจความเป็นสตาร์วอร์ส และสร้างเรื่องราวที่โรแมนติกเต็มไปด้วยหัวใจของการผจญภัยและการต่อสู้กับความชั่วร้าย ถึงคาลจะเป็นตัวละครใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานจากเรื่องราวในจักรวาลก่อนหน้า แต่เชื่อเหอะนี่เป็นหนึ่งในตัวละครที่มีมิติและพัฒนาการน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวในแฟรนไชส์นี้ การแสดงของพ่อหนุ่มนักแสดง คาเมรอน โมนากาน ที่เป็นต้นแบบตัวละครคาลเองก็ถ่ายทอดความเป็นเด็กหนุ่มว้าวุ่นที่ไม่รู้ทิศทางในอนาคต และจัดการความคาใจในอดีตไม่ได้ ทั้งยังอยู่บนจุดยืนที่ลำบากทั้งต้องระวังด้านมืดในตัวเอง และยังต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่เกินตัวอย่างสงครามกับจักรวรรดิ์ด้วย

คาลวัยเด็ก กับ จาโร อาจารย์ของเขา

เมื่อยืนอยู่บนทางเลือกอันลำบากยากเข็ญ

แม้จะเล่าเนื้อเรื่องได้ไม่มากเพราะควรให้เล่นเอง ว้าวเอง แต่ก็ขอสรุปสั้น ๆ ว่า นี่เป็นเกมสตาร์วอร์สที่วางเนื้อเรื่องได้คมมีทิศทางชัดเจน ธีมพลอตไม่หลุดเลย และที่สำคัญน่าเอาใจช่วยน่าติดตามมาก ๆ เกมหนึ่งด้วย ยิ่งฉากท้าย ๆ นะคุณเอ้ย ร้อง หูยยยย ได้คำเดียวเลย

จะว่ากันไปมันก็ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่สุดยอดอะไรกับแนวทางที่เกมใช้ แต่มันคือการผสมผสานแนวทางที่ดีจากหลาย ๆ เกมออกมาให้พ้องกับแฟรนไชส์สตาร์วอร์ส ซึ่งก็ต้องชมนะ เพราะมันคือวิสัยทัศน์ที่ดีเลยสำหรับซีรีส์นี้ อันนี้คงต้องยกความดีส่วนใหญ่ให้ สติก แอสมุสเซน ผู้กำกับเกมคนดัง ที่เคยมีผลงานชั้นยอดมาแล้วจากการออกแบบสภาพแวดล้อมและดูแลงานออกแบบศิลป์ในเกมซีรีส์ God of War ก่อนจะได้ขึ้นแท่นผู้กำกับเต็มตัวใน God of War III (2010) เกมเทพในดวงใจใครหลาย ๆ คน

โดยข้อดีของการออกแบบเกมที่คำนึงมากับเนื้อเรื่องเป็นเนื้อเดียวกันคือ คาลเป็นพาดาวันที่ลืมวิถีของพลังไปแล้ว เริ่มเล่นเกมแรก ๆ เราจึงมีพลังแค่ชนิดเดียว การใช้อาวุธก็ยังไม่หลากหลาย และเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะปลดล็อกมากขึ้น ๆ ทำให้ช่วยทั้งการสำรวจและการต่อสู้หลากหลายขึ้นด้วยนั่นเอง

ฉากแรกมายังไม่มีไลท์เซเบอร์ด้วยซ้ำ

สำหรับเกมเจไดนี้สติกได้เลือกทิศทางระบบการเล่นแนวสำรวจและผจญภัย ที่ดึงข้อดีของเกมยุคนี้อย่างซีรีส์ Uncharted หรือ Tomb Raider มาใช้ร่วมกับการออกแบบฉากต่าง ๆ ที่เขาเชี่ยวชาญ โดยสร้างดวงดาวต่าง ๆ ให้มีรูปแบบสภาพแวดล้อมต่างกัน ทั้งดาวทุ่งหญ้าที่มีโพรงถ้ำซอกซอน ดาวธารน้ำแข็งที่ละลายกลายเป็นมหาสมุทรใหญ่ ดาวป่าดงดิบที่อยู่แนวหน้าของสงคราม หรือดาวอารยธรรมโบราณที่เหมือนสุสานปกคลุมด้วยเวทย์ลึกลับ ทั้งหมดนี้นอกจากการออกแบบที่ต่างกันอย่างแยกได้ชัด ยังมีรายละเอียดทั้งสัตว์ พืช ที่อาศัยแตกต่างกัน มีชนิดรูปร่างและบุคลิกของตนเองชัดเจนไปคนละแบบ ไม่ว่าจะทั้งจู่โจมใส่เรา ขี้อาย และเชื่องกับมนุษย์ ยิ่งแฟนสตาร์วอร์สด้วยจะอิ่มกับการท่องภูมิทัศน์หลากหลายพร้อมกิมมิกจากหนังที่ซ่อนในฉากต่าง ๆ อย่างซากยานเอ็กซ์วิงหรือยานวอล์กเกอร์ที่จมพังอยู่ในฉากต่าง ๆ  ความพิถีพิถันเหล่านี้ผู้เล่นสัมผัสได้ตลอดการเล่น และทำให้เพลิดเพลินมาก ไม่เบื่อเลย

ฉากสวย ๆ เพียบ

ทั้งนี้การสำรวจก็ต้องใช้ทั้งความสามารถการควบคุมตั้งแต่วิ่งไต่กำแพง กระโดด ปีนป่าย ไต่ลวด โหนเชือก สไลด์ เรียกว่าใครเล่นเกมแนวนี้มาก็บังคับคล่องล่ะ แต่ก็เสริมเอกลักษณ์ด้วยการประยุกต์การแก้ปริศนาต่างที่ต้องใช้พลังเจไดเข้าช่วยทั้งการผลัก การดึง การหน่วงเวลา ซึ่งดูเหมือนจะท่าไม่มากแต่กลับออกแบบให้ใช้ได้หลากหลายวิธีเหมือนกัน บางฉากคือเอาวัตถุในฉากมีหลอกผู้เล่นด้วยนะ (ฮา) นอกนั้นการสำรวจยังชวนให้กลับมาเล่นซ้ำด้วยการเรียนรู้พลัง การอัปเกรดอุปกรณ์ของเรากับเจ้าหุ่น บีดี-วัน (เจ้าหุ่นนี่ก็สำคัญพอ ๆ กับไลท์เซเบอร์เลยนะ) ที่จะช่วยเปิดทางใหม่ ๆ ที่ตอนแรกยังไปไม่ได้อีกด้วย

โหนเป็น Uncharted เลย

ได้ขับเจ้ายานวอล์กเกอร์ด้วยนะเออ

ฉากปีนป่ายยังออกแบบอาร์ตซะสวยเลย

ทีมสร้าง Titanfall ซะอย่าง

แต่ที่ท้าทายความสามารถผู้เล่นพอควรอีกอย่างคือการดูแผนที่นี่ล่ะ เพราะมันเป็นแผนที่แบบโฮโลแกรมสามมิติ ต้องหมุนต้องเลื่อนขึ้นลงดูเอา แล้วก็บอกแต่จุดหมายปลายทางตามภารกิจหลักเท่านั้น ถ้าอยากซอกซอนสำรวจจุดอื่นต้องหาทิศเองดูเส้นการเดินเอง ท้าทายมิติสัมพันธ์มาก ๆ (ฮา) โดยรวมอาจไม่ถึงกับเพอร์เฟกต์แปลกใหม่สำหรับแนวเกมนี้ แต่ถือว่าเลือกมาถูกต้องลงตัวแล้วล่ะ

งงดิ

ส่วนระบบการต่อสู้ก็เป็นการเอาวิธีคิดแบบเกมซีรีส์ Dark Souls มาใช้ โดยเน้นจังหวะการต่อสู้ การรอเข้าทำ การแพรี่ การหลบ เป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะ โดยศัตรูแต่ละตัวก็จะมีรูปแบบการต่อสู้ต่างไป จำเป็นต้องเรียนรู้จังหวะและวิธีการโจมตีให้ดี เพราะความรุนแรงการโจมตีนั้นมักจะหนักปางตายได้เลย ส่วนที่เกมใส่เข้ามาเพิ่มคือการเลือกประเภทดาบไลท์เซเบอร์ให้เหมาะกับชนิดศัตรู เช่นดาบปกติป้องกันพวกอาวุธหนักได้ดี แต่ดาบคู่ก็ได้ความไวและการปัดป้องอาวุธระยะไกลได้ดีกว่าด้วย นอกจากนี้พลังเจไดต่างชนิดก็มีผลต่อศัตรูแต่ละตัวประสิทธิภาพต่างกันด้วย ยังไม่ต้องนับการเก็บค่าประสบการณ์เพื่อปลดล็อกสกิลพลังและท่าต่อสู้แบบต่าง ๆ ซึ่งแนะนำว่าด้วยปุ่มหลายปุ่มที่ใช้ช่วยในการควบคุมพลังต่าง ๆ ด้วย ควรใช้จอยเล่นนะถึงจะอยู่มือสุด เสียดายนิดเดียวเกมไม่มีระบบการเล่นแบบลอบเร้น หรือซุ่มฆ่า ซึ่งน่าจะทำให้การเล่นหลากหลายขึ้นได้ มีที่คล้ายสุดคือการกระโดดทีเผลอจากที่สูงจะกดท่าแรงได้แค่นั้นเอง

ใครชอบเล่นแนวต่อสู้จับจังหวะหิน ๆ คงไม่ต้องพูดกันเยอะปรับโหมดยากสุดไปเลย แต่ขอเตือนว่าเกมเพิ่มเลเวลความโหดในฉากหลัง ๆ แบบตั้งตัวไม่ทันทีเดียว ส่วนใครสายเล่นเอาความหย่อนใจไม่เน้นหัวร้อนก็มีระดับความยากรองลงมาให้เลือกอีกหลายระดับ จึงเป็นเกมที่เหมาะกับทุกคนได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายฮาร์ดคอร์หรือสายเอนเตอร์เทนก็ตาม ถ้าดูจากเนื้อเรื่องของเกมเล่นจริงจังไม่สนใจสำรวจอะไรก็น่าจะวันเดียวจบได้แบบอารมณ์อิ่ม ๆ แต่ถ้าชอบสำรวจเก็บถ้วยด้วยก็ยาวกว่านั้นไปอีกสัก 2-3 เท่าได้ แต่ก็เตือนด้วยอย่างว่ากล่องสมบัติเกมนี้เน้นเป็นพวกสกินเครื่องแต่งตัวเสียเกือบหมด ไอ้ที่ช่วยอัปเกรดการเล่นจะเป็นแบบอื่นมากกว่าอย่างโต๊ะเครื่องมือช่าง หรือการเก็บจิต-ความทรงจำที่ซ่อนในฉากต่าง ๆ อันนี้ไม่รู้ EA เอาคืนคนที่เคยว่าเปล่านะ ไม่ชอบกาชาที่สร้างความได้เปรียบระหว่างผู้เล่นใช่มั้ย เอาไปเลยกาชาสกินล้วนในเกมซิงเกิลเพลเยอร์ (ฮา)

ให้มันเป็นสีชมพู

อีวานเกเลี่ยน?

เกมใช้ Unreal Engine 4 ในการพัฒนาทำให้ได้ภาพที่สวยงาม โมเดลตัวละครและวัตถุต่าง ๆ ในฉากส่วนใหญ่ทำได้น่าประทับใจ ฉากคัทซีนไม่ต้องพูดถึงดีงามตามระบบอยู่แล้ว หน้าตาตัวละครแสดงสีหน้าอารมณ์ได้เหมือนมนุษย์มาก ส่วนโมเดลตัวละครในช่วงการเล่นก็ทำได้สมจริง (ยกเว้นหน้าตาที่ลดทอนลงมาจากคัทซีนตามการใช้งาน) ที่เห็นความใส่ใจมาก ๆ คือการใส่ท่าทางของตัวละครต่าง ๆ ได้สมจริง ยกตัวอย่างเช่นการเดินขึ้นที่สูงตอนความชันไม่มากเราจะวิ่งท่าปกติแต่พอเริ่มชันมากขึ้นตัวละครจะค้อมตัวลงกึ่งคลานและเอามือสองข้างช่วยปีนขึ้นเหมือนมนุษย์ทำจริง ๆ ไอ้เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ล่ะที่ทำให้เราอินกับเกมมากขึ้น

มุมกล้องเกมนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ขอชม ช่วยเสริมการเล่นได้ดี ทั้งการปรับระยะใกล้ไกลตามฉากที่เล่น มุมกล้องสร้างเฟรมภาพเท่ ๆ ที่อยากเซฟเก็บไว้ก็เยอะมาก แล้วยังใส่เอฟเฟกต์เหตุการณ์ให้ผสานลงตัวเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ไปด้วยได้สุดยอด ระเบิดเฉี่ยวตัว เห็นยานบินร่วงผ่านหน้า สัตว์ยักษณ์บนเกาะโถมถลาผ่านไป โห อินเลย งานภาพฟินเว่อ ๆ ครับขอบอก

ปัญหาการโหลดฉากใหม่นานของเอนจินนี้ก็ถูกแก้ด้วยการทำฉากรอที่ไม่น่าเบื่อ เช่นการเปลี่ยนดวงดาว จะมีฉากในยานที่ตัวละครคุยสัพเพเหระบ้างเกี่ยวกับเนื้อเรื่องบ้าง และได้เห็นกระจกหน้ายานเป็นฉากเทคตัวสูงขึ้นเหนือเมฆก่อนจะเข้าวาร์ปด้วย หรือการแทรกตัวผ่านช่องแคบ ๆ เพื่อเข้าอีกพื้นที่หนึ่งก็ทำให้รู้สึกถึงความสูงต่ำและโครงสร้างของยานหรือพื้นที่นั้นด้วย พวกนี้ก็ทำให้เกมดูเนียนเป็นเนื้อเดียวกันไป เสริมความสมจริงให้ผู้เล่นได้มาก ส่วนตัวที่พบเจอปัญหาโมเดลจมในฉากบ้างแต่ไม่กระทบการเล่น และปัญหาของเกมก็เจอบ้างในช่วงฉากหลัง ๆ ที่กราฟิกหนักขึ้น แต่โดยรวมก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ

รอเปลี่ยนฉากไม่เบื่อหรอก

ดนตรีเป็นอีกหนึ่งในส่วนที่ต้องพูดถึงเลย อลังการมาก เสริมอารมณ์ผู้เล่นได้สุดยอด เพลงธีมต่าง ๆ จากวงออเคสตราฝีมือการควบคุมโดย กอร์ดี้ แฮบ กับ สตีเฟน บาร์ตัน ที่เคยทำสกอร์ให้เกม Star Wars: The Old Republic และ Star Wars: Battlefront และตอนหลังก็มาทำซีรีส์ Titanfall กับ Apex Legends ให้ค่าย Respawn Entertainment ก็ถูกดึงมาร่วมงานในเกมนี้ งานเพลงนี้ทำงานกับผู้เล่นให้อินเพิ่ม สนุกเพิ่มขึ้นไปอีก 30%-40% เลยทีเดียว ประกบเข้ากับการออกแบบฉากใหญ่ ๆ ขลัง ๆ และมุมกล้องอลัง ๆ นะ โหยขนลุกเกรียวเลย

คุ้มมากถึงไม่ใช่แฟนหนังก็คุ้ม ยิ่งเป็นติ่งสตาร์วอร์สก็บอกได้คำเดียวต้องมีเก็บอ่ะ เป็นเกมสตาร์วอร์สที่หาข้อติติงได้น้อย ร่วมสมัยและสร้างตัวตนใหม่ ๆ ต่อยอดไปได้อีกไกล จริง ๆ เกมสอดแทรกรายละเอียดไว้เยอะนะ ใครชอบอ่านพวกข้อมูลต่าง ๆ ในเกมน่าจะได้อะไรไปอีกเพียบ โดยรวมชอบมากครับ ขอพูดถึงแชปเตอร์สุดท้ายอีกที โคตรมันเลยว้อย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส