[รีวิว] ถ้าใครถามซื้อ PS4 ตอนนี้คุ้มไหม? ตอบเขาไปว่า “The Last of Us Part 2”

Release Date

19/06/2020

ราคาเริ่มต้น

1,890 บาท

Platform

PlayStation 4

แนวเกม

Action-adventure, survival horror

ใครเคยดูภาพยนตร์ อ่านนิยาย หรือว่าเล่นเกมจนจบแล้วมีความรู้สึกอิ่มเอมใจแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่อยากทำอะไรต่อเพราะเราเพิ่งจะได้รับสาส์นสำคัญมาไหม? อยากจะบอกว่าผู้เขียนได้รู้สึกแบบนั้นอีกครั้งกับ The Last of US Part 2 ครับ และนี่จะเป็นหนึ่งในเกมที่ผู้เขียนจะจดจำมันไปตลอดช่วงอายุการเป็นเกมเมอร์เลยล่ะ แต่เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น เชิญหาคำตอบในบทความรีวิวนี้ได้เลยครับ

“วังวนแห่งความเคียดแค้น” เมื่อเริ่มต้นแล้ว จะจบลงเมื่อไหร่? (Story)

***มีการเปิดเผยเนื้อหาของเกม***

4 ปีให้หลังนับจากเหตุการณ์ใน The Last of Us ภาคแรก โจเอลและเอลลี่ได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ที่รวมตัวกันอยู่อาศัยในเขตแดนหนาวแห่งหนึ่ง โดยเอลลี่ดูจะไปได้สวยกับการเติบโตและซึมซับวิถีชีวิตใหม่ ไม่ว่าจะการพบปะกับกลุ่มเพื่อนฝูงในวัยเดียวกัน หรือแม้การพบรักกับหญิงสาวที่ถูกคอ แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้เกิดโศกนาฎกรรมขึ้นที่มันส่งผลกระทบต่อจิตใจเอลลี่โดยตรง และมันได้ผลักดันให้เธอไม่สามารถที่จะอยู่เพิกเฉยต่อความรู้สึกของตัวเอง และออกเดินทางเพื่อตามสะสางค์บาดแผลที่อยู่ในใจ ที่หารู้ไม่ว่าเธอกำลังเข้าสู่ “วังวนแห่งความเคียดแค้น”

ผู้เขียนคงจะเปิดเผยเนื้อเรื่องได้มากที่สุดเพียงเท่านี้ เพราะนอกเหนือจากนั้น “มันคือประสบการณ์การบอกเล่าเรื่องราวที่คุณควรจะได้รับรู้มันด้วยตัวเอง” แต่เอาเป็นว่าการดำเนินเนื้อเรื่องของ The Last of Us Part 2 นั้น ไร้ซึ่งความซับซ้อนใด ๆ ในการลำดับเหตุการณ์ แต่จะมากไปด้วยความพิถีพิถันในการบอกเล่า ผู้เล่นแทบจะไม่ต้องแวะไปย้อนความเหตุการณ์หรือประติดประต่อเหตุการณ์ใด ๆ ด้วยตัวเอง เพราะตัวเกมจะนำเสนอให้ทั้งหมด และในทุกการกระทำตัดสินใจของแต่ละตัวละครจะมีเหตุผลมารองรับทั้งสิ้น ไม่มีตัวละครใดเลยที่แบนราบไร้ซึ่งมิติ จนเราจะได้รับรู้ว่าเกมนี้ไม่มีใครดีถาวรและเป็นผู้ร้ายตลอดไป ซึ่งพร้อมกันนั้น ตัวเกมยังได้ใช้แรงจูงใจด้านเนื้อเรื่องที่สลับขั้วกับภาคแรกอย่างความรักความสัมพันธ์และความผูกพัน เปลี่ยนเป็นการคำถามกับผู้เล่นว่า “วังวนแห่งความเคียดแค้น เมื่อเริ่มต้นแล้ว จะจบลงเมื่อไหร่?”

และขึ้นชื่อว่าเป็น Naughty Dog แน่นอนว่าการนำเสนอเนื้อเรื่องคงต้องไม่ธรรมดา โดยใน The Last of Us Part 2 จะขนเอาทุกศาสตร์ของการขับส่งอารมณ์ที่เราเคยผ่านตาในโลกของภาพยนตร์มาใช้ ในบางจังหวะดนตรีประกอบฉากจะถูกตัดออกเหลือไว้เพียงเสียงของสภาพแวดล้อมโดยรอบและเสียงจากตัวละครเพื่อให้ผู้เล่นได้ความรู้สึกอึดอัดกระอักกระอ่วนและจดจำบทสนทนาในครั้งนั้นอย่างขึ้นใจ แต่ในขณะเดียวกัน ดนตรีที่กลับคืนสู่การเล่าเรื่องก็มาในจังหวะถูกที่ถูกเวลาและดึงอารมณ์ที่เกมต้องการจะให้ผู้เล่นรู้สึกกลับมาได้ในทันทีทันใด, มุมกล้องที่ค่อย ๆ โคลสอัปเข้าหาดวงตา ใบหน้า หรือวัตถุต่าง ๆ ที่เป็นการส่งความรู้สึกให้ผู้เล่นจดจ่ออยู่กับความรู้สึกตอนนั้นและบ้างก็ทำให้เราระลึกถึงภาพฉากในอดีตโดยอัตโนมัติ, การเคลื่อนไหวและกิริยาท่าทางของตัวละครที่ระบุอัตลักษณ์ของตัวละครนั้น ๆ ฯลฯ “ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลได้ให้ The Last of Us Part 2 เป็นผลงานเกมของ Naugty Dog ที่มีการนำเสนอเนื้อเรื่องได้ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขา ณ เวลานี้”

นี่เป็นรีวิวเกมแรกของผู้เขียนเลยก็ว่าได้นะไม่รู้จะตำหนิอะไรในเนื้อเรื่องของเกม เพราะมันสมบูรณ์แบบมาก ๆ ไม่มีแผล ไม่มีพลอตโฮลใหญ่ ๆ อะไรที่ดูน่าเกลียด แม้กระทั่งเรื่องราวเสริมทั้งหลายที่ผู้เล่นมีตัวเลือกในการเข้าพบก็ยังมีความเชื่อมต่อกับเนื้อเรื่องและแรงจูงใจในภาคนี้ที่มันก็ขับส่งให้ภาพรวมของส่วนนี้ยอดเยี่ยมและเป็นจุดเด่นที่สุดของ The Last of Us Part 2

แก่นแท้ของการเอาตัวรอด (Gameplay)

ไม่เพียงแค่เนื้อเรื่องที่ The Last of Us Part 2 มีความทะเยอทะยาน (และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง) แต่ในด้านของระบบการเล่นเอง ก็ได้ถูกพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้นจนยกมาตรฐานของเกมแนวเอาตัวรอดให้สูงขึ้นอีกขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในภาคนี้เอลลี่จะมีความคล่องแคล่วมากกว่าเดิม เธอสามารถหลบหลีกศัตรูได้ (L1) ทำให้การเจอเข้ากับคลิกเกอร์ที่เป็นศัตรูประเภท One-Shot kill จะมีความน่ากังวลน้อยลงหากเรากดได้ในจังหวะที่ถูกต้อง, สกิลที่มีให้อัปเกรดก็จะเยอะขึ้นทำให้ทำให้ในช่วงต้น – กลางเกม ผู้เล่นจะไม่ถูกยึดติดกับการเล่นเพียงไม่กี่แบบ และในภาคนี้เธอก็ว่ายน้ำได้แล้วนะครับ “แต่นั่นก็เป็นเพราะความท้าทายในภาคนี้ที่เราต้องเจอมันโหดร้ายกว่าเดิม เพราะในแต่ละฉากการเล่นของภาคนี้จะมีขนาดใหญ่พร้อมกับความลึกของฉากที่มากขึ้น อีกทั้งศัตรูเองก็จะมาในจำนวนที่เยอะกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัดพร้อมด้วยการเบิกศัตรูประเภทใหม่ที่มีวิธีการรับมือไม่เหมือนเดิม”

เมื่อรวมทั้งสองสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นด้วยกัน ตัวเกมจะให้ความรู้สึกของ “แก่นแท้ในการเอาตัวรอด” ผู้เล่นจะต้องมีวิธีการเล่นแบบปลายเปิดมากยิ่งขึ้น ต้องเรียงลำดับต้องความวางแผนในการกำจัดศัตรูที่จะสร้างความความลำบากในการเล่นมากที่สุด เพราะด้วยจำนวนของศัตรูนั้น ไม่ใช่การดีที่เราจะเดินหน้ายิงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่กระนั้นการเล่นแบบลอบเร้นก็จะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ “เพราะศัตรูหน้าใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคนี้จะมาดัดนิสัยผู้เล่น” ทั้งคนที่ชอบหลบอยู่ที่กำบังแล้วโผล่หน้าออกไปยิงเพียงนัดเดียว คุณจะต้องรับมือกับสุนัขลาดตระเวน ที่มันจะสามารถตามรอยการเคลื่อนไหวของผู้เล่นได้ว่าอยู่ตรงไหน และหากคุณเป็นคนที่ชอบอมกระสุนไว้เพื่อเก็บไว้ใช้ให้ด่านถัดไปง่ายขึ้น ตัวเกมก็จะให้คุณได้รู้จัก Shambler ศัตรูติดเชื้อรากลายพันธ์ุ ที่เน้นอึดถึกเข้าว่า ที่จะมาผลาญอาวุธ และชุดปฐมพยาบาลของผู้เล่นไม่ให้การต่อสู้ครั้งถัดไปเราได้เปรียบตัวเกมมากนัก

และเรื่องของความฉลาดของ AI ศัตรู ตัวเกมในภาคนี้ยิ่งทำให้พวกมันมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น การวางเส้นทางลาดตระเวนของพวกมันจะมีจังหวะที่ทุกตัวรวมกลุ่มกันบ่อยครั้ง จะมีช่องโหว่ไม่กี่จุดที่เราจะต้องวัดใจจัดการมันอย่างรวดเร็ว และหากผู้เล่นถูกเจอตัวในที่กำบัง พวกมันจะรู้จักการยิงกดดัน การอ้อมหลัง การตีโอบ มีการสื่อสารกันและกันผ่านวิธีอื่นที่ผู้เล่นจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร และอีกไอเดียที่ผู้เขียนรู้สึกชอบมากซึ่งจะส่งผลทั้งการเล่นและจิตใจของเรา คือศัตรูที่เป็นมนุษย์ทุกตัวจะมีชื่อ ซึ่งหากพวกมันพบว่าเพื่อนของมันตาย แต่ละตัวจะมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไป บางคนจะขวัญหนีดีฝ่อเปิดช่องว่างให้เราเข้าไปลอบเร้นได้ง่ายขึ้น หรือบ้างก็จะโกรธเกรี้ยวและไล่หาผู้เล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งส่วนนี้มันยิ่งขับส่งให้การเอาตัวรอดมีสีสันและกดดันมากขึ้น

แต่เอาจริง ๆ ตัวเกมก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกํากับเราขนาดนั้นหรอกนะครับ เรายังคงแก้ไขสถานการณ์ได้ตลอด (ในฉากที่มันทำได้นะ) เรายังสามารถกระโดดลงน้ำเพื่อว่ายหลบให้ศัตรูหาตัวไม่เจอชั่วขณะ หรือหมอบหลบเข้าพงหญ้าพร้อมอีกทีเมื่อไหร่ค่อยกลับออกไปวาดลีลานักฆ่าซุ่มเงียบ และอุปกรณ์ที่เราคราฟต์ได้ที่ถูกเพิ่มมาในภาคนี้จะรองรับทุกรูปแบบการเล่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ที่เก็บเสียงปืนพก สำหรับคนที่ชอบฆ่าจากระยะไกลโดย, อาวุธระยะประชิดพันหนามสำหรับสาย Melee Lovers ฯลฯ “เพียงแต่คอนเซปต์ของอุปกรณ์คราฟต์ยังคงเดิม คือคุณต้องเลือกว่าต้องการจะรุกหรือรับ ณ เวลานั้น เพราะแต่ละอย่างจะใช้วัตถุดิบที่จะใช้อย่างเดียวกัน” เช่น คุณต้องเลือกว่าจะสร้างระเบิดไฟหรือชุดปฐมพยาบาล, สร้างระเบิดสตันต์ปาใส่ศัตรูให้มันมองเพื่อหลบไปก่อนหรือจะเป็นทุ่นระเบิดหล่อกล่อให้มันเข้าหา

และเมื่อพูดถึงการอัปเกรดอาวุธในภาคนี้จะมีความลื่นไหลมากขึ้น เพราะเปลี่ยนจากการอัปเกรดเพื่อเพิ่มระดับความสามารถของปืนประเภทต่าง ๆ ทีละขั้น กลายเป็นการอัปเกรดความสามารถนั้นในครั้งเดียวจบ ส่งผลให้เราเห็นประสิทธิภาพใหม่ที่เราเพิ่มให้อาวุธต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนในทุกครั้ง (เช่นธนูในภาคนี้จะติดลำกล้องเพิ่มระยะการซูมได้ หรือแรงถีบที่พออัปเกรดแล้วจะรู้สึกได้ด้วยการกดลั่นไกในทันที เป็นต้น) มันทำให้ผู้เล่นที่ไม่ใช้สายแวะแต่ต้องการจะเสพเกมเพลย์และเนื้อเรื่องแบบ ๆ มาคอยพะวงตามหาทรัพยากรในการอัปเกรดมากนัก และเอาจริง ๆ ในภาคนี้ต่อให้ไม่อัปเกรดเลยก็จบได้ (แต่มันจะลำบากมากถึงมากที่สุด…) แต่สำหรับใครที่เป็นสายกินลมชมวิวชอบตามเก็บของหรือไฟล์เอกสาร ตัวเกมก็จะให้รางวัลนักสำรวจกับผู้เล่นเหมือนเดิม ทั้งทรัพยากรจำนวนมากที่แอบอยู่ตามฉากหรือไอเทมจากในตู้เซฟที่ต้องไปขวนขวายหารหัสมาเปิด

แก้ไขเพิ่มเติม: ส่วนเรื่องของคำบรรยายไทย หลายคนกำลังสงสัยใช่ไหมครับว่าการแปลเป็นยังไงบ้าง? คำตอบคือ ดีครับ เกือบสมบูรณ์แบบเลยละ “แต่จะมีแค่บางคำที่ไม่ได้แปลผิด แค่บริบทมันดูไม่เข้ากับเกมสักเท่าไหร่” แต่ข้อนี้ผู้เขียนเข้าใจหัวอกนะ คือถ้ามันแปลตรงตัวเกินไปจะยิ่งอารมณ์หลุดมากกว่านี้อีก (ใบ้ให้ละกันครับว่าเป็นพวกคำหยาบทั้งหลาย) ก็เอาเป็นว่ามาบอกให้ฟังกันเฉย ๆ เนอะ ไม่ได้จะติจะติงอะไร เอาง่าย ๆ ว่ามันออกมาในคุณภาพที่ดีจนผู้เขียนลืมพูดเรื่องนี้ไปจนต้องกลับมาแก้เพิ่ม ฮ่า ๆ

โหมดภาพคอนทราสต์สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา

ระบบการเล่นของ The Last of Us Part 2 นั้น สนุกและมีความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น ความหลากหลายในการรับมือและตัดสินใจ ไปจนถึงการผลักดันให้ตัวเกมมีความลื่นไหลไม่หลุดอารมณ์ของเนื้อเรื่อง และนี่อาจจะเป็นเกมที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้จำนวนมากเพราะมีฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นที่มีปัญหาทางด้านสายตา และตาบอดด้วย (โดยสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ได้ตลอดเวลาจากหน้าเมนูหลัก หรือเมนูตั้งค่าภายในเกม) แต่เอาจริง ๆ ในส่วนนี้ก็มีข้อสังเกตอยู่เหมือนกันนะครับ คือในฉากจำนวนหนึ่งจะมีการวางตำแหน่งศัตรูที่ซ้ำกับฉาก่อนหน้า ก็อาจจะทำให้อรรถรสในการเล่นลดลงไปบ้างในตอนนั้น แต่เอาจริง ๆ ภาพรวมทั้งหมดในระบบการเล่นของภาคนี้ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเพิ่มจากมาตรฐานภาคแรกเยอะเลยละครับ

รีดทุกซอกหลืบของฮาร์ดแวร์ PlayStation 4 (Graphic & Performance)

อีกหนึ่งสิ่งที่ Naughty Dog ทำได้ยอดเยี่ยมตลอดทุกการเปิดตัวผลงานเกมใหม่ของพวกเขา คืองานกราฟิก ที่มักจะออกมาสวยล้ำ ณ เวลานั้นเสมอ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นอีกครั้งกับ The Last of Us Part II หนึ่งในเกมที่ติดรายชื่ออำลาส่งท้ายเครื่องเล่น PlayStation 4 ฉะนั้นก็คงจะไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่จัดหนักจัดเต็ม ทำทุกวิธีทาง หาทุกซอกของสถาปัตย์ฮาร์ดแวร์เครื่องเล่นเกมคอนโซลอายุ 7-8 ปี รีดทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำได้เพื่อให้งานภาพของเกมนี้ ออกมาสวยงามที่สุดเท่าที่ฮาร์ดแวร์จะทำได้

ไม่ว่าจะแสงเงาที่มีไดนามิกของการไล่ระดับ มี God Rays หรือว่าแสงพาดผ่านวัตถุที่สมจริงถูกเติมแต่งด้วยละอองควันเพิ่มเสริมความเสมือน, Global illumination หรือแสงสะท้อนจากแหล่งกำเนิดแสงหลาย ๆ แหล่ง ก็มีทิศทางและตำแหน่งที่ถูกต้อง, พื้นผิวที่บริเวณโดยส่วนมากของฉากจะมีรายละเอียดที่คมชัด ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาหลอกล่อสายตาด้วยการใส่ฟิลเตอร์เพิ่มความคม (Sharp) การเคลื่อนไหวของวัตถุธรรมชาติต่าง ๆ ภายในเกมที่มีกฎฟิสิกส์มารองรับ และน้ำ “พระเจ้า! น้ำ นี่คือเกมที่สร้างน้ำที่สวยที่สุดที่ผู้เขียนเคยเห็นมา (ซึ่งที่หนึ่งในใจก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เกมไหนไกล Uncharted 4: A Thief’s End) การขยับตัว การแตกตัว ไปจนถึงการพลิ้วไหวของน้ำมันเหมือนจริงอย่างกับที่เราเห็นอยู่ในเกมมันคือจำลองภาพด้วยการนำของจริงมาใส่ไว้ในเกม”

และในส่วนของแอนิเมชันการเคลื่อนไหวของตัวละครก็เห็นได้ชัดครับว่าเป็นต่อยอดมาจาก Uncharted 4: A Thief’s End ใบหน้า แสงในดวงตา ริ้วรอย หรือแม้แต่กระ ล้วนถูกถอดแบบมาจากสัดส่วนใบหน้ามนุษย์จริง ๆ โดยเฉพาะรายละเอียดของพื้นผิว ถ้าใครได้เล่นแล้วลองสังเกตไปที่หนวดเคราของตัวละครชายกันดูครับ เหมือนแทบจะดราฟต์ขึ้นมาชิ้นต่อชิ้นเลยละ

และในเรื่องของประสิทธิภาพการแสดงผล ทุก ๆ ฉากการเล่นไม่ว่าจะศัตรูจะมากันเยอะและมีการแสดงผลของ Particle Effects มากมายขนาดไหน (ระเบิด, ควัน, การแตกตัวของวัตถุ, ไฟ ฯลฯ) เฟรมเรตก็ยังคงนิ่งอยู่ที่ 30 ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย (ตอนนี้ยังไม่มีโหมดภาพ FullHD/60 Fps นะ ไม่รู้จะถูกอัปเดตเข้ามาไหม) แต่… อันนี้ผู้เขียนไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเกมยังอยู่ในเวอร์ชันต้น ๆ หรือเปล่านะ เพราะผู้เขียนดันไปเจอเข้ากับบักที่ทำให้ตัวเกมไปต่อไม่ได้ต้องรีสตาร์ทแล้วเข้าใหม่ซึ่งก็เจอเจอแค่ฉากเดียวที่มันเป็นฉากที่เปิดโอกาสให้เราสำรวจพื้นที่ได้อย่างอิสระ

นี่คือเกมที่อำลา PlayStation 4 ได้อย่างสวยงาม (Final Verdict)

The Last of Us Part 2 คือเกมที่ความคาดหวังของคุณจะไม่ผิดหวังครับ นี่คือเกมที่มีเนื้อเรื่องที่กินใจมากที่สุดเกมหนึ่งประวัติศาสตร์วงการเกม ด้วยการนำเสนอที่ติดดินลุ่มลึก พร้อมทิ้งสาส์นให้กับผู้เล่นนำกลับไปคิดต่อได้อกหลายตลบ ระบบการเล่นที่พัฒนาขึ้นจากเดิมอย่างก้าวกระโดด เช่นเดียวกันกับกราฟิกที่รีดเค้นประสิทธิภาพของเครื่อง PlayStation 4 แล้วทุกซอกทุกหลืบ หากเพื่อนของคุณมีคำถามว่า “เฮ้ย! ซื้อ PlayStation 4 ตอนนี้ทันป่ะวะ?” ผู้เขียนแนะนำให้ตอบเขาไปครับสั้น ๆ ง่ายครับว่า “The Last of Us Part 2”


พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส