รีวิวเกม Shantae and the Seven Sirens จิตวิญญาณของเกมยุค 90 อยู่ในนี้
Our score
8.8

รีวิวเกม Shantae and the Seven Sirens จิตวิญญาณของเกมยุค 90 อยู่ในนี้

จุดเด่น

  1. เกมเพลย์ 2D สนุกลื่นไหล
  2. มีอะไรให้สำรวจเยอะมาก
  3. รูปแบบการเล่นคลาสสิกมาครบ

จุดสังเกต

  1. กราฟิกน่ารักไปหน่อย
  2. เกมสั้นไปนิด

ในยุคที่เกมแข่งกันที่กราฟิก แต่แนวทางของเกมแนวย้อนยุคคลาสสิกก็ยังคงไดรับความนิยมมาก และหนึ่งในค่ายที่ชอบทำเกมย้อนยุคไม่ได้มีแค่นินเทนโดเท่านั้น แต่ WayForward ก็เป็นหนึ่งในค่ายเกมที่ถนัดในการทำเกม 2 มิติอย่างมาก และเคยถึงขึ้นได้รับมอบหมายให้ทำเกม คอนทรา 4 และ คุนิโอะ มาแล้ว

ส่วนการกลับมาอีกครั้งของ Shantae and the Seven Sirens ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะเกมออกบน iOS และบน Mac ในปีที่แล้ว และหลังจากหลุดจากอ้อมอก apple แล้วก็ได้เวลาออกบนคอนโซลทั้ง PS4 , Xboxone , Nintendo Switch และ PC แล้ว ถือว่าเป็นข่าวดีเพราะเกมได้รับเสียงวิจารณ์ดีมากตั้งแต่ออกบน iOS แล้ว

กราฟิกดูดีแบบการ์ตูน เพลงประกอบก็ MIX ได้ลงตัว

เกม Shantae มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี 2002 ที่ออกบน Gameboy Color และมีการสร้างภาคต่อมาตลอด และการกลับมาครั้งนี้ยังยึดแนวทางเดิมที่เกมยังคงเป็น 2 มิติมุมมองด้านข้างเหมือนเดิม ซึ่งกราฟิกของเกมนำเสนอแบบการ์ตูน 2D ที่ได้ทีมงานวาดมืออาชีพมาทำให้ทั้งคัทซีนในเกมทั้งหมด และเกมเพลย์ที่เหมือนภาพวาดงามๆแบบ HD ทำให้งานด้านภาพดูดีมากๆ แถมยังลื่นไหลแบบไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย แม้เกมจะดูน่ารักไปหน่อยสำหรับคอเกม แต่รับประกันว่าไม่มีอะไรขัดหูขัดตาแน่นอน

ส่วนเพลงประกอบของเกม มีการผสมผสานเอาแนว 8-Bit มาผสมเสียงใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น โดยมีการใส่เพลงที่เสริมสร้างบรรยากาศในเกมได้ลงตัวที่ทำให้เกมดูสนุกและไม่เชย ส่วนคัทซีนในเกมก็มีการใส่เสียงพากย์เข้ามาด้วย และแน่นอนว่าได้นักพากย์ระดับมืออาชีพมาให้เสียงเช่นกัน ทำให้เหมือนกับได้รับชมการ์ตูนดี ๆ เสียดายที่คัทซีนในเกมสั้นไปหน่อย

เกมเพลย์ 2D ที่ยอดนิยมในอดีต

แนวทางเป็นแอ็กชัน 2D ที่เหมือนกับเกม Castlevania Symphony of the Night หรือ Metroid ภาคสองมิติ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุค 80-90 ก่อนที่เกมแนว 3D จะเกิด เกมแนว 2D มุมมองด้านข้างที่เน้นแก้ปริศนาได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะไม่ใช่แต่เดินต่อสู้เท่านั้น ผู้เล่นยังต้องใช้สมองในการหาทางไปต่อในฉากกว้าง ๆ ที่ไม่ได้แบ่งเป็นด่านๆ แต่จะเล่นแบบค่อยๆปลดล็อกส่วนต่าง ๆ ในเกมแบบค่อยเป็นค่อยไปจนครบหมด ซึ่งเด็กยุค 90s คงจะเคยได้สัมผัสจากเกมดังในตำนานอย่าง Symphony of the Night

ซึ่งการปลดล็อกส่วนต่างๆในเกมจะใช้ความสามารถพิเศษของตัวละครหลักอย่าง Shantae ที่หลัก ๆ แล้วเธอจะมีอาวุธเป็นเส้นผม ที่ใช้ฟาดศัตรูเหมือนแส้ (ยิ่งเหมือน Castlevania) และท่าไม้ตายเช่นการใช้อาวุธพิเศษอย่างพลังไฟ หรือยิงจรวดติดตาม และสามารถปรับเปลี่ยนได้ และยังมีพลังเวทย์พิเศษที่ใช้ทั้งเปิดทางไปต่อและโจมตีรวมทั้งเติมพลังได้ด้วย และการหาทางไปต่อต้องใช้การสำรวจจริงๆเพราะตัวเกมไม่มีการบอกตรง ๆ ว่าจะต้องไปที่ไหน มีเพียงคำบอกใบ้ที่ต้องตีความเล็กน้อย แต่ถ้าขยันอ่านก็จะผ่านไปได้ไม่ยากเย็นอะไร แต่แฟนรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นเคยนัก แต่สำหรับเด็กยุค 80s – 90s คงจะเคยสัมผัสมาแน่นอน เพราะเกมในอดีตไม่มีระบบแนะนำเส้นทางแบบละเอียดเหมือนเกมยุคนี้

ส่วนการเพิ่มพลังตัวละครอย่างระบบเลเวลที่เกมนี้ไม่มี แต่จะใช้ระบบของ Metroid ที่เก็บไอเทมเพิ่มค่าพลังชีวิต และค่อย ๆ รวมอาวุธแต่จะใช้จากการเก็บเงินในเกมไปซื้อมาและใช้เงินอัปเดตเกือบทั้งหมด รวมทั้งเครื่องป้องกันหรือเพิ่มพลังป้องกันโจมตีก็หาได้ที่ร้านค้า นอกจากนี้ยังมีระบบ Card ที่ได้จากศัตรูในเกมที่นำมาใส่กับตัวละครแล้วจะเพิ่มค่าพลังได้อีก โดยรวมระบบพัฒนาตัวละครที่เข้าใจง่ายมาก ๆ แต่จะขาดความซับซ้อนไปนิดสำหรับการหาอาวุธบางประเภทที่หาได้ง่าย ๆ ที่ร้านค้า

แต่ที่ต้องชมมาก ๆ คือเกมเพลย์โดยรวมลื่นไหลมาก ๆ แม้จะมีเวลาในการโหลดเวลาข้ามโซนของเกมอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร แถมแอ็กชันภายในเกมที่มีความรวดเร็วมาก ๆ ทำให้ไม่น่าเบื่อเลย ส่วนความยากในเกมก็อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ง่ายและไม่ยาก คอเกมรุ่นใหม่ก็จบได้แบบไม่หัวร้อนอะไร บอสในเกมก็ให้เราจับจังหวะและเรียกใช้อาวุธให้ถูกก็จะกำจัดได้ไม่ยาก โดยรวมแล้วมันลงตัวมากสำหรับในส่วนของรูปแบบการเล่นที่เล่นได้สนุกไม่ยากจนเครียดเกินไปเหมือนบางเกม

สรุปเด็กยุค 90s ไม่ควรพลาด

Shantae and the Seven Sirens เป็นอีกเกมที่แสดงให้เห็นว่าเกมเพลย์แบบเดิม ๆ ที่ออกมาหลายสิบปีแล้ว หากได้คนที่ทำเป็นทำถึง มันก็สามารถสร้างความสนุกให้ได้ หากคุณมองข้ามความน่ารักของตัวละครในเกมไปได้แล้ว เกมมีอะไรสนุกๆให้ค้นหาอยู่เพียบ และมันคือความสนุกในวัยเด็กที่เราคุ้นเคยกันมายาวนานที่ไม่อยากให้พลาดไป

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส