รีวิวเกม Namco Museum Archives ตำนานนัมโคบนแฟมิคอมกลับมาอีกครั้ง
Our score
6.0

รีวิวเกม Namco Museum Archives ตำนานนัมโคบนแฟมิคอมกลับมาอีกครั้ง

จุดเด่น

  1. เกมในตำนาน 22 เกม
  2. Save ได้ทุกที่ ทุกเวลา
  3. มีโหมดย้อนเวลากลับไปเล่นใหม่

จุดสังเกต

  1. บางเกมขายมาหลายรอบแล้ว
  2. ราคาเกมแพงไปหน่อย และแบ่งเป็นสองเวอร์ชั่น
  3. บางเกมยังเป็นภาษาญี่ปุ่น

ในยุค 80 เครื่องเกมคอนโซลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคงหนีไม่พ้น แฟมิคอม ของนินเทนโด ที่มีเกมขายได้หลักล้านตลับหลายเกมจนเป็นเรื่องปรกติ ทำให้ค่ายเกมทำเกมลงให้มากมาย รวมทั้งเกิดตำนานเกมนับสิบและหลายค่ายเกมแจ้งเกิดในยุคนี้ รวมทั้งค่ายในตำนานอย่าง Namco ที่ก่อนจะรวมตัวกับบันได ก็เป็นค่ายเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากบนแฟมิคอม

ทำให้เป็นการมาของเกม Namco Museum Archives บน PS4 , Xboxone , PC ขายผ่านสตรีม และ Nintendo Switch โดยออกมาสองเวอร์ชั่นรวม 22 เกม และมีเกมที่เป็นภาคต่อของเกมในตำนานด้วย และจะมีการขายแบบตลับเกมบน switch ที่จะมีเกมไม่เหมือนกัน โดยการรีวิวนี้จะอิงขายแบบดาวน์โหลดเป็นหลักและจะคัดเกมที่น่าสนใจมารีวิว เพราะจำนวนเกมเยอะมาก แน่นอนว่ากราฟิกทั้งหมดไม่ได้เพิ่มความคมชัดอะไร ยังยกจากแฟมิคอมมาทั้งหมดแต่ก็ดูดีบนหน้าจอ HD

รายชื่อเกมทั้งหมดของ Namco Museum Archives

ก่อนอื่นไปดูกันว่ามีเกมอะไรบ้าง โดย Namco Museum Archives V1 ประกอบไปด้วยเกม Galaxian, Pac-Man, Xevious, Mappy, Dig Dug, The Tower of Druaga, Sky Kid, Dragon Buster, Dragon Spirit: The New Legend, Splatterhouse: Wanpaku Graffiti และเกม Pac-Man Championship Edition ส่วนเวอร์ชันตลับโซนญี่ปุ่น จะมาในชื่อเกม namco collection ที่แตกต่างคือจะมีเกม Wagan Land และ Yokai Dochuki , Family Jockey , Star Luster แต่รีวิวนี้จะอิงตามเวอร์ชั่นอเมริกามากกว่า เพราะเกมน่าสนใจมากกว่า แต่ก็มีเกม Wagan Land ที่เป็นหนึ่งในตำนานบนแฟมิคอมที่ใครอยากเล่นก็ต้องหาโซนญี่ปุ่นมาเล่นเท่านั้น

ส่วนเกม Namco Museum Archives V2 จะประกอบไปด้วยเกม Galaga, Battle City, Pac-Land, Dig Dug II, Super Xevious, Mappy-Land, Legacy of the Wizard, Rolling Thunder, Dragon Buster II, Mendel Palace และเกม Gaplus เป็นจุดเด่น

โดยเกมแรกที่จะมารีวิวและแนะนำให้เล่นเป็นเกมแรกคือ Splatterhouse: Wanpaku Graffiti ที่เป็นเวอร์ชันน่ารักของเกมสุดโหดในอดีตอย่าง Splatterhouse ที่ปรับกราฟิกให้เหมาะกับเครื่อง 8Bit และเกมเพลย์เป็นแอ็กชัน 2D มุมมองด้านข้างที่ถือว่าสนุกมาก และยังไม่ยากจนเกินไปแถมยังมีระบบ อัปเกรดตัวละครด้วย ใครเกิดทันคงจำได้ว่าสนุกสุด ๆ แถมความรุนแรงก็ไม่มีเด็ก ๆ ก็เล่นได้ ไม่เหมือนต้นฉบับที่ถือว่าเป็นเกมสุดโหดของยุค 80

ต่อด้วยเกมยานยิงในตำนานอย่าง Dragon Spirit ที่ต้นฉบับมาจากเกมตู้ ย้ายมาบนแฟมิคอมก็ยังคงสนุก เกมเพลย์ที่ยอดนิยมในยุคนั้น แต่มีความแปลกใหม่ที่จากเดิมเราจะบังคับเครื่องบินหรือยานอวกาศ แต่เปลี่ยนเป็นบังคับมังกรแทน และมีการเพิ่มค่าพลังด้วยการเพิ่มหัวของมังกรและพ่นไฟได้หลากหลาย แนะนำว่าห้ามพลาด

ส่วนเกมในตำนานของวงการเกมอย่างเกมยิง Galaga เกมรถถังในตำนาน Battle City และ Pac-Man ก็แทบไม่ต้องบรรยายอะไรใครเกิดยุค 80 ก็ต้องเคยเล่นสักเวอร์ชัน เพราะมันคือเกมยอดฮิตบนตลับเกมรวมฮิตในอดีต ซึ่งหากมองด้วยการที่มันทำมาหลายเวอร์ชัน ก็อาจจะไม่คุ้มค่านักแต่หากอยากมองหาความคลาสิกก็ยังน่าเล่นอยู่

และยังแถมด้วยภาคพิเศษที่กลายเป็นแอ็กชันแบบ Pac-Land ที่มาแนวมาริโอ แต่สนุกและท้าทาย รวมทั้งเกมหนูกับแมวไล่จับกันอย่าง Mappy ที่มาพร้อมกันสองภาคให้เล่น ที่นอกจากรูปแบบการเล่นที่เป็น เกมแอ็กชันที่ต้องเก็บของให้หมดฉากโดยไม่ให้โดนแมวจับได้แล้ว ยังมีความโดดเด่นที่เพลงประกอบที่ติดหูจนถึงตอนนี้

อีกเกมที่ห้ามพลาดคือเกมยิง 2D อย่าง Rolling Thunder ที่เราต้องรับบทสายลับที่ต้องออกไปช่วยนางเอกที่โดนลักพกตัว รูปแบบการเล่นเป็นเกมยิงใช้ปืนที่สามารถหลบเข้าที่กำบัง และเข้าไปในประตูในเกมเพื่อหลบและเติมกระสุนปืนที่มีจำนวนจำกัดได้ ทำให้แปลกใหม่กว่าเกมในยุคนั้นที่เน้นกระสุนไม่จำกัด ส่วนอีกเกมจะมีเฉพาะเวอร์ชันญี่ปุ่นคือเกม Wagan Land ภาคแรกที่เราจะได้เล่นเป็นหุ่นไดโนเสาร์สุดน่ารักที่สามารถใช้พลังเสียงในการโจมตีศัตรูได้ และการต่อสู้กับบอสจะเป็นแนว บอร์ดเกม หรือตอบคำถามที่ดูแปลกตากว่าเกมแอ็กชันทั่วไป

มี 2 เกมภาคต่อในตำนาน

การรวมเกมเก่า ๆ หากจะมีแต่เกมเก่าที่ขายมาหลายรอบคงจะธรรมดา ทาง Namco เลยได้นำเกมที่มีการสร้างใหม่โดยอิงจากของเก่าอย่าง Pac-Man Championship Edition ที่นำ Pac-Man มาเพิ่มความสนุกที่ฉากสามารถขยายออกไปได้ไปเรื่อย ๆ รวมทั้งเกมปรับความเร็วให้สูงมากขึ้นทำให้มีความท้าทายและเล่นได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด ใครอยากหาความแปลกใหม่ให้ลองเล่นเกมนี้เลย

นอกจากนี้ยังมี Gaplus ถือเป็นภาคต่อของ Galaga โดยรูปแบบการเล่นยังคงเดิมที่เราต้องบังคับยานยิงแมลงเอเลี่ยนที่จะมาบุกโลก บนกราฟิกแบบ 8Bit เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือบังคับทิศทางได้มากกว่าเดิม ส่วนการดูดเอาเอเลี่ยนมาเป็นพวกได้ก็เพิ่มรายละเอียดให้มากขึ้น รวมทั้งรูปแบบการเล่นที่ปรับให้เร็วกว่าต้นฉบับ ทำให้มันเป็นอีกจุดเด่นของการรวมฮิตในครั้งนี้

Save ได้ทุกที่คือจุดเด่น บวกกับโหมดย้อนเวลา

แน่นอนว่าจุดเด่นของเกมรวมฮิตย้อนยุคคือการปรับให้เกมสามารถ Save เกมได้ทุกที่ทุกเวลาและเกม Namco Museum Archives ก็ใส่มาและเมนูเหมือนกับเครื่องเกม Famicom Mini ที่ปู่นินบุกเบิก และยังเสริมด้วยโหมดย้อนเวลาที่ไม่ต้อง Save เราสามารถย้อนไปได้ 2-5 วินาทีก่อนหน้าด้วยการกดปุ่มเดียว ทำให้หากเราพลาดโดนอัดตาย ก็ย้อนไปได้ในทันทีและเล่นต่อได้เลย จนแทบจะบอกได้เลยว่าเกมยาก ๆ ในอดีตก็สามารถจบได้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เกม Splatterhouse ไม่ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ตัวเกมยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่นเพราะต้นฉบับไม่มีการวางขายในอเมริกา แต่ตัวเกมเป็นแอ็กชันภาษาไม่ได้ส่งผลอะไร

สรุปมันคือเกมเฉพาะกลุ่ม

ราคาของเกม Namco Museum Archives อยู่ที่ 500 บาทต่อเกม บนสตรีมจะมีราคาถูกกว่าเล็กน้อย และ2 เกมประมาณเกือบ 1,000 บาท ถือว่าสูงไปหน่อยสำหรับเกมเก่าที่ออกมายาวนาน และทำขายมาหลายรอบแล้ว แต่หากคุณเป็นแฟนเกมยุค 80s ก็ยังพอจะคุ้มค่ากับ 22 เกม และยังสามารถสานต่อความฝันวัยเด็กหากคุณไม่เคยจบบนแฟมิคอม ก็มาเล่นจนผ่านได้จากระบบย้อนเวลา อย่างไรก็ตามยังคงเป็นเกมเฉพาะกลุ่มที่มีความทรงจำวัยเด็ก กับคนที่ชอบเล่นเกมย้อนยุคเท่านั้น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส