Our score
6.5รีวิวเกม STAR WARS Episode I Racer เกมรถแข่งฉบับอวกาศ คุ้มไม่คุ้มมาดูกัน
จุดเด่น
- รูปแบบการเล่นสนุกเข้าใจง่าย
- เกมเพลย์รวดเร็วมากๆ
- ฉากและตัวละครจาก Starwars
จุดสังเกต
- ภาพเหมือนเดิมปรับนิดหน่อย
- เกมเพลย์เชยไปแล้วสำหรับยุคนี้
- ราคาเกมแพงไปหน่อย
ปรกติแล้วเกมจากภาพยนตร์ดังมักจะถูกสร้างออกมาไม่ค่อยดีนัก แต่ก็มีบางเกมที่โดดเด่นออกมา และเกม STAR WARS Episode I Racer ก็เป็นหนึ่งในตำนานในยุค 90s ที่ออกบน Nintendo 64 และบน PC และมันก็โดดเด่นและเป็นหนึ่งในเกมที่สนุกมากในยุคนั้น
เกม STAR WARS Episode I Racer ออกวางขายครั้งแรกในปี 1999 บน PC และบนคอนโซลเฉพาะของนินเทนโดอย่าง Nintendo 64 ที่ทำให้คนไทยอาจจะไม่ได้เล่นในยุคนั้น และมีการนำมาขายใหม่มาแล้ว 1 ครั้งบน Dream Cast ทำให้ฉบับบน PS4 และ Nintendo Switch ในปี 2020 นี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยมันเป็นเกมที่ดึงเอาฉากเพียงฉากเดียวของภาพยนตร์ STAR WARS Episode I The Phantom Menace ที่เป็นการแข่งรถ podracing ที่เป็นตำนานของภาคนี้มาทำเป็นตัวเกมเต็ม ๆ เลย
ภาพเหมือนเดิม แค่ปรับให้เข้ากับทีวียุคใหม่
เกม STAR WARS Episode I Racer ไม่ใช่ภาครีมาสเตอร์หรือปรับภาพอะไรใหม่ กราฟิกในเกมยังเหมือนต้นฉบับ แต่มีการปรับให้คมชัดขึ้น เพื่อให้เล่นบนทีวีแบบ HD ได้โดยไม่มีอาการภาพแตก และมีการเปลี่ยนสัดส่วนให้เข้ากับทีวียุคใหม่แล้ว ทำให้มันไม่ได้ดูแย่มาก อีกทั้งเฟรมเรตก็ยังถือว่าดีงามระดับ 60 FPS ทำให้หากคุณไม่ได้คาดหวังอะไรมาก STAR WARS Episode I Racer ฉบับเอามาขายใหม่ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย ส่วนเพลงประกอบก็ยกจากหนังที่เป็นผลงานของ John Williams แต่มันไม่ได้ปรับให้เข้ากับเกม ทำให้บางครั้งดูแปลก ๆ ไปหน่อย ทั้งๆที่เพลงต้นฉบับในหนังมันยอดเยี่ยมแต่กลับไม่ค่อยเข้ากับเกมเพราะไม่ได้ทำมาเพื่อเกม
เกมเพลย์สนุกกว่าที่คาดแม้จะผ่านมา 21 ปี
รูปแบบการเล่นหลัก ๆ คือเกมรถแข่งที่ไม่มีล้อ แต่ใช้การลากยานไปด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แบบเดียวกับฉากในภาพยนตร์ดัง หากคุณเคยเล่นเกมเก่าๆก็ประมาณ F-Zero หรือเกมยุค PS1 อย่าง wipeout ที่การเกาะถนนหรือสมจริงไม่ต้องพูดเพราะมันทำจากฉากในหนังอวกาศ ดังนั้นเกมเพลย์จะหลุดโลกมีความเร็วสูงกว่าเกมรถแข่งปรกติทั่วไป ส่วนการเร่งเครื่องมาก ๆ อย่างเดียวไม่ได้ต้องมีการพักเครื่องยนต์ด้วย และยังมีการเอียงยานไปด้านข้างเพื่อเข้าไปยังที่แคบได้เหมือนกับในภาพยนตร์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเกมจะมีความหลุดโลกแต่เกมไม่มีระบบไอเทมหรืออุปกรณ์เสริมให้ใช้แบบ Mario Kart
และจากเกมที่ออกมานานมากทำให้เกมเพลย์ เรียบง่ายเข้าใจง่ายสุด ๆ แค่บังคับซ้ายขวาเข้าโค้ง และหลบอุปสรรคในฉาก และบน Switch จะรองรับระบบจับการเคลื่อนไหวเพื่อบังคับเกมด้วย อย่างไรก็ตามเกมเพลย์หลักไม่ได้พัฒนาอะไรเลย ทำให้มันดูเชยแถมเกมก็สั้นไปนิดแม้จะมีสนามแข่งมากถึง 25 ฉาก แต่ยังดีที่มีระบบอัปเกรดยานของเราได้ เรียกได้ว่ามันคือเกมมาตรฐานในยุค 90s หากนับเกมเพลย์ที่หลุดโลกบังคับง่าย (แต่ตัวเกมไม่ง่าย) ถือว่ายังพอจะคุ้มที่โหลดมาเล่นอยู่ (เกมมีขายแบบแผ่นด้วย)
ฉากและตัวละครไม่ได้อิงจากในหนังทั้งหมด
ส่วนฉากในเกมรวมทั้งตัวละครที่เราเลือก ก็ไม่ได้นำมาจากหนัง Starwars ทั้งหมดเพราะหากคุณเคยดูฉากในหนังจะมีแค่สนามแข่งเดียว บนดาว ทาทูอีน เท่านั้นและแน่นอนหากนำมาเป็นเกมคงไม่สามารถทำได้แน่ ดังนั้นเกม STAR WARS Episode I Racer ได้สร้างฉากออกมาเพิ่มอีก และมีความหลากหลายมากไม่ได้มีแค่ฉากดาวทะเลทราย ยังมีดาวน้ำแข็ง หรือฉากในเมืองอวกาศมาให้เล่น แถมยังใส่อุปสรรคเข้ามาให้พอตัวมีความท้าทายในระดับกลาง ๆ เพราะเกมมีความเร็วสูงมาก ๆ ตามที่บอกไป ดังนั้นมีโอกาสที่เราจะพลาดชนเครื่องระเบิดได้ง่าย ๆ แต่เราสามารถเกิดใหม่ได้ในทันทีเช่นกัน
ตัวละครในเกมแน่นอนว่าหลักๆที่เป็นตัวหลักคงหนีไม่พ้น Anakin Skywalker ในวัยเด็กเหมือนในหนัง แต่ก็มีมนุษย์ต่างดาวหลากหลายสายพันธุ์มาให้เลือกเล่น และแต่ละตัวละครมีค่าพลังและยานที่แตกต่าง และบางตัวก็มีโผล่ในหนังด้วย แถมมาให้เลือกมากถึง 25 ตัวละครกันเลย
โหมดน้อย แถมออนไลน์ไม่ได้
ข้อเสียหลัก ๆ ของเกมคือมีโหมดน้อยตามเกมยุค 90s โดยเกมมีเพียงโหมดทัวร์นาเมนต์, โหมดฟรีเพลย์ และ โหมดเล่นกับเพื่อนแบบแบ่งหน้าจอ อย่างไรก็ตามทีมงานสร้างลืมใส่โหมดออนไลน์เข้ามา เพราะหลายเกมที่เอามาขายใหม่ แม้จะไม่ได้ปรับภาพแต่ก็ใส่โหมดออนไลน์มาให้ด้วย แต่ เกม STAR WARS Episode I Racer กลับลืมใส่เข้ามา ถือเป็นข้อเสียใหญ่ของเกมนี้ ที่เหมือนทีมงานไม่ค่อยลงทุน
สรุปสั้น ๆ คุ้มค่าหรือไม่หากเทียบกับราคา
ที่เกม STAR WARS Episode I Racer มีราคาประมาณ 450 บาท ถือว่าไม่แพงแต่ก็ไม่ถูก เพราะของที่ได้มาก็น้อยไปหน่อย และมันเป็นเกมที่ Port มาทั้งหมดแค่ปรับภาพนิดหน่อยเท่านั้น ถือว่ายังคงเป็นเกมที่สร้างออกมาเพื่อแฟน ๆ หนังสงครามอวกาศ Starwars หรือผู้ที่ชอบเล่นเกมย้อนยุค เพราะมันมีความเป็นเกมยุคเก่าอยู่ครบแต่ก็ยังพอมีความสนุกอยู่ในระดับที่น่าจะเล่นได้เพลิน ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส