รีวิวเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light เกมวางแผนในตำนานของนินเทนโด
Our score
6.5

รีวิวเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light เกมวางแผนในตำนานของนินเทนโด

จุดเด่น

  1. ครั้งแรกในการแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยนินเทนโด
  2. เกมเพลย์ยังคงความคลาสสิก
  3. เพิ่มโหมดปรับความเร็ว และ Save ได้ทุกที่

จุดสังเกต

  1. รูปแบบการเล่นค่อนข้างเชยแล้ว
  2. มีช่อง Save จำนวนจำกัด
  3. กราฟิกในเกมไม่ได้เปลี่ยนเลย

ช่วงที่การระบาดของ Covid-19 ทำให้การมาของหลายเกมถูกเลื่อนออกไป และเชื่อว่าค่ายเกมต้องใช้วิธีการเอาของเก่ามาขายใหม่ เพราะสามารถพัฒนาได้รวดเร็วและหากขายดีก็ทำเงินได้มหาศาล และทำให้นินเทนโดยเลือกนำเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light มาวางขายใหม่บน Nintendo Switch และวางขายในเดือนสุดท้ายของปีที่ไม่ค่อยมีเกมดัง ๆ ออกมากนัก (เกมนี้มีภาครีเมกแล้วคือ Fire Emblem: Shadow Dragon ที่ลงใน Nintendo DS)

โดยเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light วางขายครั้งแรกบน แฟมิคอม ในปี 1990 และออกเฉพาะโซนญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่เคยมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษมาก่อนทั้งที่ตัวละครหลักในเกมอย่าง Marth โด่งดังอย่างมากในเกมต่อสู้ของปู่นินอย่าง Super Smash Bros. ทำให้มีการกลับมาวางขายใหม่บน Nintendo Switch และขายแบบดาวน์โหลดในราคาที่เท่า ๆ กับกาแฟหนึ่งแก้วเท่านั้น ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก และแน่นอนว่ามีการแปลเป็นภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว แถมแปลจากค่ายโดยตรงไม่ใช่แบบ rom ที่มีการแปลโดยแฟนเกมก่อนหน้านี้ทำให้คุณภาพในการแปลต้องดีกว่าอยู่แล้ว

กราฟิกและเพลงในเกมเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือปรับได้นิดหน่อย

อย่างที่บอกว่าต้นฉบับของเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light ออกวางขายบน แฟมิคอม คอนโซลยุค 8Bit และการวางขายคือการยกมาทั้งหมดไม่ได้ปรับภาพให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้แฟนเกมรุ่นใหม่อาจจะรับกราฟิกของเมื่อ 30 ปีที่แล้วไม่ได้ แต่หากคุณชอบแนวย้อนยุคอยู่แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามการกลับมาขายใหม่เกมได้เพิ่มโหมดการปรับตั้งค่าภาพในเกมให้เข้ากับหน้าจอทีวียุคปัจจุบันหรือที่เรียกว่า pixel perfect แต่ขนาดของฉากในเกมจะถูกปรับให้เล็กลง ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกได้ตามใจชอบ แต่โดยรวมมันคือกราฟิกแบบ 8Bit ที่ปู่นินไม่ได้ลงทุนทำอะไรกับมันมากนัก

แน่นอนว่าภาพเหมือนเดิม เพลงประกอบในเกมก็ยกมาทั้งหมดแบบไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย ทำให้มันมีความเชยของยุค 80-90 มาแบบเต็ม ๆ แต่ก็มีธีมเพลงที่ติดหูตามรูปแบบเกมยุคเก่าที่ใครชอบก็ชอบเลย แต่ใครไม่ชอบก็จะรู้สึกว่าเชยมาก และเสียงประกอบเมื่อมาอยู่กับเกมยุค 2020 ดูย้อนยุคไปไกลมาก แต่หากมองว่ามันคือแนวย้อนยุคแล้วถือว่าพอจะยอมรับได้ แต่เมื่อเกมมาเจอกับโหมดใหม่ที่จะบอกภายหลังว่าคืออะไร เพลงในเกมแทบจะฟังไม่รู้เรื่องกันเลยหากใช้รวมกับโหมดนี้

รูปแบบการเล่นยกมาทั้งหมดเพิ่มแค่เล็กน้อย

หากคุณหวังจะเห็นอะไรใหม่ ๆ ในเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light คงต้องผิดหวังเพราะเกมที่การนำต้นฉบับสมัยออกบนแฟมิคอมมาขายใหม่ทั้งดุ้น โดยเกมมาในรูปแบบการวางแผนการรบเทิร์นเบส ใส่คำสั่งและมีการผลัดกันเดินคนละตากับกองทัพศัตรู และเกมนำเสนอฉากบนแผนที่แบบ 2D แบ่งเป็นช่อง ๆ ที่ดูง่าย และเราจะบังคับตัวละครบนฉากให้เดินได้แค่เทิร์นละหนึ่งครั้ง เมื่อเดินครบทีมก็จะถึงตาของศัตรูและเราก็ต้องรอให้มันเดินเสร็จ ที่เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยากเพราะแทบไม่มีอะไรให้ตั้งค่ามากนักตามประสาเกมเก่า

และเมื่อเราเลือกคำสั่งต่อสู้กับศัตรูเสร็จก็จะตัดเข้าสู่ฉากต่อสู้แบบ 2D มุมมองด้านข้างที่เห็นตัวละครของเราและศัตรู และจะมีแอ็กชันการต่อสู้ให้เราชม แต่ฉากหลังจะเป็นสีดำไม่มีวิวอะไรให้เราชมตามประสาเกมเก่าสมัยแฟมิคอม แต่โดยรวมทำได้ดีเพราะเมื่อเราเปลี่ยนอาวุธ ตัวละครในเกมก็จะเปลี่ยนตามและมีแอ็กชันที่แตกต่างด้วย ซึ่งถือว่าน่าประทับใจมากสำหรับเกมที่มีอายุ 30 ปีแล้ว และนอกจากระบบต่อสู้แล้วยังมีเมนูการพูดคุยกับศัตรูบางตัวที่หากเราใช้คนไปเจรจาให้ถูกคนแล้วก็จะชักชวนมาเป็นพวกได้เรียกว่าซับซ้อนกว่าเกมยุคนั้นพอสมควรและแน่นอนว่าเอกลักษณ์ของเกม Fire Emblem ก็มาครบเพราะหากตัวละครในเกมตายก็จะหายไปเลยคืนชีพไม่ได้ และหากเราทำตัวละครหลักตายก็จะเกมโอเวอร์ทันที และภาคนี้ไม่มีโหมดง่ายมาให้เล่นด้วย

ฉากในเกมออกแบบอย่างฉลาดและเล่นสนุกมีระบบอาชีพ

แม้โดยรวมเกมเพลย์จะธรรมดา แต่มันสร้างมาได้อย่างดีโดยเฉพาะการสร้างฉากที่มีการออกแบบการใส่ศัตรูเข้ามาในฉากอย่างลงตัว และมีการแบ่งเป็นอาชีพเช่นนักรบเกราะหนักที่โจมตีแรงแต่เดินระยะทางได้น้อยกว่า หรือพวกที่ขี่ม้าที่เดินทางได้ไกลกว่า รวมทั้งมีตัวละครที่ขี่ม้าบินที่สามารถข้ามอุปสรรคได้มากกว่าแต่จะโจมตีไม่แรง และมีพลธนูที่สามารถยิงระยะไกลได้ ที่ผู้เล่นต้องวางแผนการใช้งานตัวละครให้ดีและให้เหมาะสมกับฉาก ส่วนในฉากจะมีบ้านคนอยู่และตัวละครหลักของเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมที่บางครั้งจะได้เงินหรือไอเทมพิเศษมาด้วย เรียกว่ามันซับซ้อนมากในยุคนั้น แต่สำหรับยุคนี้มันดูธรรมดามากเพราะแทบจะปรับแต่งระบบอะไรไม่ได้นอกจากรอเก็บค่าเลเวลเท่านั้น

ปรับความเร็วเกมได้ มีโหมด Save ได้ทุกที่

แม้ว่าเกมเพลย์จะไม่ได้ปรับเปลี่ยน ภาพในเกมก็เหมือนเดิม แต่นินเทนโดก็ยังเพิ่มโหมดใหม่มาให้กับเกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light เพื่อให้แฟนเกมยุคใหม่เล่นได้สะดวกมากขึ้น โดยอย่างแรกที่เพิ่มเข้ามาคือโหมดปรับความเร็วของเกมได้ ซึ่งไม่ได้ให้มาแบบธรรมดา เพราะมันเลือกได้ว่าจะปรับให้เฉพาะตอนที่ศัตรูเดินในฉากจะมีความเร็วขึ้น หรือจะปรับให้เกมทั้งหมดเร็วขึ้นได้ เรียกว่าทำให้เกมเล่นได้ลื่นไหลมากกว่าเดิมและดูไม่เชยจนเกินไป แต่อย่างที่ไปในส่วนของเพลงประกอบไปว่าหากเราใช้โหมดปรับความเร็วในเกมแล้วเพลงจะฟังแทบไม่รู้เรื่องเพราะมันถูกเร่งความเร็วไปด้วย ทำให้หากเราจะเล่นแบบเร่งสปีดก็ต้องทำใจในส่วนนี้

ต่อด้วยอีกโหมดที่ดีต่อใจผู้เล่นอย่างมากคือ ผู้เล่นสามารถ Save ได้ทุกที่ทุกเวลา และมีระบบ Save ทั้งแบบอัตโนมัติ และผู้เล่นสามารถกำหนดได้เอง และมันดีมากเพราะในฉากหากเราเดินพลาดจนตัวละครตายเราก็จะสามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ และในการตัดเข้าฉากต่อสู้หากตัวละครเราโจมตีพลาดเองก็จะสามารถย้อนไปแก้ไขให้ได้เช่นกัน แม้ว่ามันจะดูธรรมดาเพราะเกมที่เอามาขายใหม่ก็มักจะใส่โหมดนี้มาให้เล่นอยู่แล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่มีเพราะเกมค่อนข้างยาก และไม่มีโหมดง่ายมาให้เลือกทำให้มันมีประโยชน์กับผู้เล่นหน้าใหม่อย่างมาก

โดยรวม เกม Fire Emblem Shadow Dragon & The Blade of Light เป็นการเอามาเกมเก่าขายใหม่แบบปรับแต่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เกมเพลย์ไม่มีอะไรเปลี่ยน เพิ่มเติมเพียงแค่โหมดปรับความเร็วเกม และ Save ได้ทุกที่ทุกเวลาเท่านั้น แต่ก็ถือว่าทำให้คอเกมยุคใหม่เล่นได้สะดวก และยังมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกด้วย แถมด้วยราคาที่ถูกมากเท่า ๆ กับกาแฟ 1 แก้วเท่านั้น(ในแบบดาวน์โหลด) แฟนเกมคนไหนอยากรู้ความเป็นมาของตัวละครของซีรีส์ Fire Emblem อย่าง Marth ไม่ควรพลาด แต่หากไม่ใช่แฟนซีรีส์วางแผนของปู่นินก็อาจจะไม่ค่อยคุ้มนักเพราะมันคือรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างเชยแล้วในยุคนี้