[รีวิวเกม] SaGa Frontier Remastered กำเนิดใหม่ตำนาน RPG แห่งยุค 90s
Our score
8.0

[รีวิวเกม] SaGa Frontier Remastered กำเนิดใหม่ตำนาน RPG แห่งยุค 90s

จุดเด่น

  1. กราฟิกปรับให้เป็น HD พร้อมโหมดปรับความเร็ว
  2. มีเนื้อเรื่องใหม่ให้เล่น
  3. เนื้อเรื่องหลากหลายมีเส้นทางในการเล่นมากมาย

จุดสังเกต

  1. ไม่ใช่เกมใหม่แค่รีมาสเตอร์
  2. เกมค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ ต้องทำความเข้าใจ

SaGa หนึ่งในซีรีส์เกม RPG ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรในช่วงยุค 90s โดยต้นฉบับออกบนเกมบอยจอขาวดำ และสานต่อความสำเร็จกับ Romancing SaGa บน Super Famicom และภาคแรกของซีรีส์คือ SaGa Frontier ที่ออกบน PlayStation 1 ในปี 1997 ปีเดียวกับที่ Final Fantasy 7 วางขาย ทำให้มันอาจจะถูกกลบกระแสไปพอสมควร

และผ่านมามากกว่า 25 ปีทางค่าย Square Enix ได้ปัดฝุ่นหยิบเอาตำนานกลับมาขายใหม่กับเกม SaGa Frontier Remastered วางขายบนคอนโซลอย่าง PlayStation 4 , Nintendo Switch และ PC ด้วย โดยในตอนแรกอาจจะดูไม่น่าสนใจเพราะว่าก่อนหน้านี้มีการนำ Final Fantasy หลายภาคมารีมาสเตอร์ใหม่แบบปรับภาพนิดหน่อย และเพิ่มโหมดเล็กน้อยแล้วนำออกวางขาย แต่ดูเหมือนว่าการมาของ SaGa ฉบับปรับภาพในครั้งนี้จะมีอะไรมากกว่าเดิมพอสมควร และมีโหมดที่ทำให้แฟนเกมยุคใหม่สนุกกับมันได้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม

กราฟิกปรับให้คมชัด และเพลงประกอบในตำนาน

อย่างที่บอกไปว่า SaGa Frontier Remastered เป็นการนำของเดิมมาปรับภาพใหม่ให้อยู่ในระดับ HD และสัดส่วนหน้าจอปรับให้เข้ากับหน้าจอทีวียุคปัจจุบัน ส่วนตัวแล้วด้วยงานออกแบบที่เป็นการ์ตูน SD และฉากในเกมที่เป็น 2D ที่มีฉากหลังเป็นภาพนิ่ง ถือว่าดูดีใช้ได้ และเล่นได้โดยรู้สึกไม่เชย อีกทั้งงานออกแบบที่ดูแปลกตาและร่วมสมัยถือว่าใครชอบก็ชอบเลย ใครไม่ชอบก็จะรู้สึกว่ามันแปลกไปหน่อย ส่วนเฟรมเรตก็ลื่นไหลตามสเปกเครื่องที่แรงขึ้นอยู่แล้ว แต่ที่ต้องชมคือระยะเวลาการโหลดเร็วมาก เรียกว่าใครเซ็งกับการโหลดของเกมบน CD ในยุค 90s ไม่มีให้เห็นบนภาค Remastered

อีกส่วนของความโดดเด่นที่มีมาตั้งแต่ต้นฉบับคือเพลงประกอบ ที่เกม SaGa Frontier มีธีมเด่น ๆ อยู่ตั้งแต่ภาค Romancing SaGa ที่ดูอลังการและยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผลงานของ Kenji Ito เจ้าเก่าที่ทำเพลงให้ซีรีส์ SaGa มาตลอด และภาคนี่เนื่องจากปรับเปลี่ยนโทนของเกมให้ร่วมสมัยมากขึ้น และอยู่ในยุคใหม่เช่นฉากหลังที่มีอุปกรณ์ไฮเทคล้ำสมัยเช่นยานอวกาศ หรือหุ่นยนต์หรือฉากหลุดโลกเหมือนหนังวิทยาศาสตร์ ทำให้มีการปรับเปลี่ยนโทนของเพลงให้เข้ากับการออกแบบใหม่ด้วย ถือว่าทำได้ดีแม้อาจจะไม่ได้เทียบเท่ากับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Final Fantasy แต่โดยรวมแล้วถือว่าดนตรีประกอบเป็นส่วนเสริมให้ลงตัวมากขึ้น

รูปแบบการเล่นแนวเกม RPG ที่เป็นเอกลักษณ์

เนื่องจากมันเป็นการนำของเดิมมาปรับภาพไม่ได้เป็นการสร้างใหม่ทำให้ SaGa Frontier Remastered ยังคงมาในรูปแบบเกมแนว RPG แบบใส่คำสั่งแล้วผลัดกันโจมตี ที่มีความแตกต่างที่ความโดดเด่นของฉากต่อสู้ที่ไม่ได้ตายตัว มีการจัดเรียงตัวละครอย่างอิสระนอกจากนี้เกมยังไม่มีระบบเลเวล ตัวละครจะค่อย ๆ พัฒนาค่าพลังขึ้นมาเองหลังจากต่อสู้กับศัตรู และมีระบบอาวุธและเครื่องป้องกันที่เรียบง่ายแต่ใส่ตามตัวละคร ส่วนท่าไม้ตายตัวละครจะเรียนรู้ขึ้นมาเองถึงจะใช้ได้ ความยากในเกมอยู่ในระดับสูงพอสมควรหากไม่ได้เรียนรู้การใช้ท่าไม้ตายให้ถูกที่ถูกทางแล้วรับประกันเลยว่ายังไงก็ไม่รอด

นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถจัดทีมได้ ที่การจัดตัวละครก่อนจะต่อสู้จะส่งผลกับการเล่นได้ ทั้งท่าไม้ตายที่มีการประสานที่มีความรุนแรงสูงมาก และมันจำเป็นอย่างมากเพราะอย่างที่บอกว่าศัตรูในเกมโหดมาก โดยเฉพาะระดับบอสในเกมที่ตบเราตายยกทีมได้ ทำให้เราต้องคิดวางแผนกันตลอด ที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์ SaGa มาตลอด ซึ่งหากผู้เล่นไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการเล่น เพราะผู้สร้างพยายามคิดให้แตกต่างจากเกมดังในยุคนั้นอย่าง Final Fantasy หรือ Dragon Quest

ตัวละครหลากหลาย และเรื่องราวแบบอิสระ

อีกจุดเด่นของซีรีส์ SaGa คือเรื่องราวในเกมที่มีอิสระมีทางเลือกในการทำเนื้อเรื่องที่หลากหลาย และมีเรื่องราวแยกย่อยมากมาย และทำให้เราสามารถสนุกไปได้ในรูปแบบไม่ซ้ำกันแบบไม่เบื่อแม้ว่าการนำเสนอในเกมนี้จะไม่ได้มีการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์หรือมี CG เยอะเหมือนเกมอื่น แต่เราก็สนุกไปกับเรื่องราวที่เขียนมาดีและมีความแตกต่าง รวมทั้งตัวละครของภาคนี้ที่มีทั้ง Asellus, Blue, Emilia, Lute, Red, Riki, และหุ่นยนต์ T260G นอกจากนี้ยังมีตัวละครอย่าง Fuse ที่ในภาครีมาสเตอร์เขาจะเป็นตัวละครที่เล่นได้ด้วย จากเดิมต้นฉบับ Fuse จะเป็นตัวละคร NPC ทั่วไป แน่นอนว่าการรีมาสเตอร์ การกลับมาทำใหม่จะมีเรื่องราวเพิ่มเติมเข้ามาจากต้นฉบับด้วย

โดยแต่ละตัวละครจะมีความแตกต่างกันทั้งเพศ , สายพันธุ์ที่มีทั้งมนุษย์ ไล่ไปจนถึงสัตว์ประหลาด และหุ่นยนต์แน่นอนว่าทุกตัวละครจะมีความสามารถที่แตกต่างเหมือนระบบอาชีพ และจะส่งผลต่อรูปแบบการอัปเกรดตัวละครด้วย เช่นตัวละครมอนสเตอร์จะมีการเปลี่ยนร่างไปเลย ที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์ SaGa มาตลอด 20 กว่าปี ที่ในตอนเริ่มเกมผู้เล่นสามารถเลือกเล่นเป็นตัวละครได้ตามใจ โดยจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน และจะมีการพบเจอกันระหว่างเนื้อเรื่องของแต่ละตัวละครด้วย และส่วนนี้เองทำให้เราสามารถสนุกไปกับเกมได้หลายรอบมาก แถมยังมีอิสระในการทำเนื้อเรื่องทำให้ SaGa เป็นอีกเกมดูดเวลาผู้เล่นมากหากเราชอบแนวทางนี้

โหมดใหม่ที่ปรับให้เร็วแบบเต็มสูบ

ของใหม่เพิ่มเติมใน SaGa Frontier Remastered ที่ต้องมีแน่ ๆ คือโหมดปรับความเร็วในการเล่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกมาก เพราะเป็นที่รู้กันว่าในยุคนี้เกมแนว RPG แบบนี้มีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างอืดอาดเชื่องช้าไปแล้วสำหรับแฟน ๆ ในยุคนี้ และ SaGa ถือว่าปรับได้เร็วมากด้วย แต่แนะนำว่าไม่ต้องปรับให้เร็วที่สุดเพราะจะเร็วเกินไปจนเล่นไม่รู้เรื่อง และยังมีการปรับเปลี่ยนระบบเมนูใหม่บางส่วนเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย และปิดท้ายกับโหมด NewGame + ที่จะเปิดให้ผู้เล่นปรับแต่งเกมเพลย์ก่อนเข้าเกมหลักได้ตามใจชอบซึ่งมันจะเล่นได้ต่อเมื่อเราเล่นจบก่อน เหมือนโหมด NewGame + ในเกมทั่วไป

บอกกันตรง ๆ ว่าหลังจากได้เล่นแล้ว ส่วนตัวแล้วชอบ SaGa Frontier Remastered มากกว่าเกม Final Fantasy รีมาสเตอร์แบบปรับภาพที่ Square Enix เอามาวางขายก่อนหน้านี้พอสมควร เพราะผู้สร้างได้ใส่เรื่องราวเพิ่มจากต้นฉบับที่เกมก่อนหน้านี้ไม่มี และยังเสริมตัวละครเข้ามาให้เล่นเพิ่มเติม อีกทั้งเกมยังปรับให้ลื่นไหลรวดเร็วกว่าต้นฉบับที่ออกบน PS1 ใครเป็นแฟนซีรีส์ SaGa มายาวนานไม่ต้องคิดมากไปหามาเล่นได้เลย ส่วนแฟน ๆ รุ่นใหม่ใครอยากลองก็ไปหามาเล่นเป็นเกมแรกได้เช่นกัน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส